"เฉินหลิง"
เฉินเฟิงตะโกนออกไป
"ข้าอยู่ที่นี่"
ชายวัยกลางคนที่อายุน้อยกว่า 40 ปีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
เขาได้ลุกขึ้นยืนและทำความเคารพ
"เจ้าเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้
เพื่อปกป้องสถานที่กักขังสัตว์เวท เจ้าจงพูดออกมาในสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น"
เฉินเฟิงดูเคร่งขรึม สายตาของเขาจ้องมองไปที่เฉินหลิง
ภายใต้แววตาที่ชาญฉลาดและยาวไกลของเฉินหยานเซียว
เธอมองไม่เห็นความอ่อนโยนระหว่างพ่อกับลูกชาย มีแต่เพียงความเกรี้ยวกราดของผู้นำเท่านั้น
เฉินหลิงฝืนยิ้มออกมา
เขาเป็นหนึ่งในสี่ลูกชายของ เฉินเฟิง เขาเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดหากไม่นับรวม
เฉินอู๋ ในรุ่นที่สอง
อย่างไรก็ตามถ้าเขาจะถูกนำมาเปรียบเทียบกับเฉินอู๋ผู้ที่เก่งทั้งปราชญ์และบู้
เขาก็ดูเหมือนจะแย่มาก ๆ ตามปกติแล้วเขาไม่ได้มีค่าใด ๆ กับเฉินเฟิง
แต่คราวนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นในสถานกักขังสัตว์เวท
และเกิดขึ้นภายในขอบเขตหน้าที่ของเขา
"รายงานต่อผู้นำตระกูล
ในวันนั้นข้าได้ออกมาจัดการกับเรื่องบางอย่างและไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์
มันเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าสามนาย เป็นผู้รับผิดชอบดูแลสถานกักขังสัตว์เวท
เมื่อข้ากลับมาที่คฤหาสน์
ข้าได้รับการแจ้งเตือนแล้วว่ามีใครบางคนได้บุกรุกสถานกักขังสัตว์เวท"
เฉินหลิงแอบปาดเหงื่อออก เพราะว่าการบุกรุกสถานกักขังสัตว์เวทไม่ใช่ข้อผิดพลาดเล็ก
ๆ แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือสัตว์เวทที่ถูกขังอยู่ในสถานกักขังสัตว์เวทนั้น
ในวันนั้นตระกูลหงส์ไฟได้ใช้ชีวิตความเป็นอยู่ของชนชั้นสูงนับหลายร้อยคนเพื่อจับสัตว์เวทมาสะสมไว้!
ในความเป็นจริงนอกจากเฉินเฟิง
เฉินหลิงเป็นคนเดียวในครอบครัวตระกูลหงส์ไฟที่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น
เหตุผลที่ว่าทำไม เฉินเฟิงกำลังสร้างว้าวุ่นใจกับปัญหาที่ดูเล็กน้อย
ถึงกับต้องออกโรงมาทำการสอบถามเฉินหยานเซียวต่อหน้าทุกคน
มันก็ดูเหมือนว่ามันไม่ได้เป็นเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นการบุกรุกสถานกักขังสัตว์เวทเสียแล้ว
เรื่องที่ทำให้เฉินเฟิงผู้นำของครอบครัวตระกูลหงส์ไฟตกใจ
มันไม่ได้เป็นเช่นที่ทุกคนคิด
"วันนั้นใครเฝ้าสถานกักขังสัตว์เวท?"
เฉินเฟิงเปิดปากถาม
ช่วงเวลาที่เฉินเฟิงกำลังถาม
มันทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องหลักรู้สึกชะงักอึ้ง
เรื่องนี้ได้ข้อสรุปที่แน่นอน
เนื่องจากในวันนั้น เฉินหยานเซียวถูกค้นพบว่าได้ผ่านเข้าไปในสถานกักขังสัตว์เวท
หากพูดอย่างสมเหตุสมผล
เฉินเฟิงเพียงต้องการที่จะออกคำสั่งลงโทษให้กับเฉินหยานเซียว
และมันก็ควรเป็นเช่นนั้น
อย่างไรก็ตามในวันนี้เฉินเฟิงกลับได้ใช้แนวทางอย่างไม่คาดคิดในการสืบเรื่องราวทั้งหมดนี้
เพื่อตรวจสอบจนกว่าความจริงจะปรากฏขึ้น เรื่องนี้แน่นอนว่าไม่ชอบมาพากล!
ทุกคนต่างคิดอย่างไม่แน่ใจว่าข้อผิดพลาดที่เฉินหยานเซียวทำขึ้นนั้นคงไม่ได้เป็นเพียงแค่การบุกรุกสถานกักขังสัตว์เวทเสียแล้ว
และในขณะนี้ใบหน้าของทั้งเฉินเจียอี้และเฉินเจียเว่ยซีดเผือด
เพราะพวกเขาไม่ได้คาดคิดว่า เฉินเฟิงจะตรวจสอบลงลึกในเรื่องนี้
ต้องรู้ด้วยว่าในวันนั้นเมื่อพวกเขาหลอกให้เฉินหยานเซียวเข้าไปในสถานกักขังสัตว์เวท
พวกเขาหาข้ออ้างกับผู้ดูแลทางเข้าสถานกักขังสัตว์เวทให้ออกห่างที่ขังสัตว์เวท
จนพวกเขามีโอกาสให้คนงี่เง่าเข้าไปในสถานกักขังสัตว์เวทได้
โดยไม่คาดคิด
เฉินเฟิงต้องการถามคำถามกับผู้ดูแลสามคนนี้
มันก็มีโอกาสว่าพวกเขาจะถูกเปิดโปงออกมา
และมีโอกาสมากที่ปู่ของเขาจะสามารถคาดเดาได้ว่าพวกเขาเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังของปัญหาที่เกิดขึ้นนี้
ในขณะนี้เฉินเจียอี้และเฉินเจียเว่ยอยากจะร้องไห้
เพราะพวกเขาไม่เคยคิดหรือจินตนาการว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
เช่นการบุกรุกสถานกักขังสัตว์เวทจะทำให้ผู้นำระดับสูงที่อยู่ห่างออกมาโกรธอย่างฉับพลัน
พวกเขาได้วางแผนไว้ว่าหลังจากข่มขู่เฉินหยานเซียวเพื่อปิดปากของเธอ
พวกเขาอาจเป็นอิสระจากความกังวล ใครจะคิดว่าเฉินเฟิงยังต้องการที่จะทำแบบนั้นอยู่
ณ
ตอนนี้ บรรยากาศของความเย่อหยิ่งและความพึงพอใจได้หายไปบนใบหน้าของพวกเขา
และเหลือเพียงสีหน้าที่ตกใจ หวาดหวั่นอยู่ในสายตาของพวกเขา
ชายวัยกลางคน
เฉินหยิว ผู้นั่งอยู่ตรงหน้าเฉินเจียอี้และเฉินเจียเว่ย
ซึ่งเป็นบิดาของพี่น้องทั้งสองคนนี้ได้รับรู้ถึงความไม่สบายใจของพวกเขา
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก
ผู้ดูแลรักษาสถานกักขังสัตว์เวททั้งสามนายได้ถูกนำตัวเข้าไปในห้องโถงหลักอย่างรวดเร็ว
พวกเขาทำความเคารพ คุกเข่าต่อหน้า เฉินเฟิง เพื่อรอให้ผู้นำตระกูลถามพวกเขา
ขอบคุณครับ
ตอบลบ