เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

EGT 006 การฝึกคู่ในทักษะการต่อสู้และเวทมนตร์ 3





ตราประทับขนาดเท่าฝ่ามือบนแขนขวาของเธอปรากฏจุดสีแดงเข้มมากเป็นพิเศษ มันมีขนาดเล็กกว่าเล็บนิ้วก้อย เห็นได้ชัดว่าผนึกของตราประทับชั้นแรกได้ถูกยกเลิกออกไป

"ข้าสามารถบ่มเพาะพลังลมปราณหรือพลังเวทได้? เขาไม่ได้บอกชัดเจน" แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยสนใจเรื่องต้นกำเนิดของซิวก็ตาม แต่เฉินหยานเซียวก็ยังคงรับรู้อย่างสุดซึ้งว่า "ปีศาจ" เป็นอย่างไร แต่ทว่ามันน่าสงสารที่เธอไม่รู้เรื่องทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้ และไม่จำเป็นต้องพูดถึงการบ่มเพาะพลังลมปราณหรือพลังเวท

“ถ้าเจ้าสามารถทำมันได้ การบ่มเพาะทั้งคู่ย่อมเป็นไปได้" เสียงเย็นที่เป็นเสียงของซิวดังขึ้นอีกครั้งภายในสมองของเฉินหยานเซียว

"...... " เฉินหยานเซียว ขมวดคิ้วขณะที่เธอครุ่นคิดถึงความหมายที่แฝงอยู่เบื้องหลังประโยคของซิว

เป็นไปได้ไหมที่ ......

คำพูดก่อนหน้านี้ของซิวไม่ได้บ่งชี้ว่าเธอสามารถบ่มเพาะได้โดยการเลือกหนึ่งในสองแบบนี้ได้ และก็อาจที่จะสามารถเรียนรู้ได้ทั้งสองแบบ

แบบนี้…. มันควรที่จะมีความสุข?

ผ่านความทรงจำของร่างกายที่เธอครอบครอง เฉินหยานเซียวแทบจะไม่รู้ว่ามีการบ่มเพาะอยู่สองรูปแบบสำหรับคนในโลกนี้ที่ทำการบ่มเพาะกัน แบบแรกเป็นแบบที่มีผู้นิยมทำการบ่มเพาะพลังลมปราณ ทำให้คนมีร่างกายที่แข็งแกร่ง เส้นเอ็นและเส้นเลือดเหนียวและยืดหยุ่นและอีกทั้งยังสามารถทำการควบแน่นพวกมันไว้ในจุดตันเถียน สำหรับอีกรูปแบบ ผู้คนจะทำการศึกษาพลังเวท สภาพร่างกายดูปกติธรรมดา แต่มีพลังทางจิตที่น่าเกรงขามและมีความสามารถในการจัดการกับพลังทางจิตวิญญาณที่ขับเคลื่อนทุกสิ่งในโลกใบนี้

สวรรค์มีความเป็นธรรม เมื่อใดก็ตามที่มีร่างกายที่แข็งแกร่ง เขาผู้นั้นก็จะไม่สามารถมีพลังจิตที่น่ากลัว ดังนั้นหากมองดูในมุมกว้าง ๆ ในมณฑลคังหมิง ทั้งมณฑลในช่วงเวลาหลายร้อยปี จึงยังไม่มีใครที่สามารถเรียนรู้ได้ทั้งทักษะการต่อสู้และเวทมนตร์ ไม่เพียงแค่นั้น ไม่ว่าจะเป็นพลังลมปราณหรือพลังเวท ถ้าใครอยากจะไปถึงระดับหนึ่ง พวกเขาจำเป็นต้องฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง เพื่อทำการบ่มเพาะและปรับปรุง คน ๆ หนึ่งจะต้องทุ่มเททั้งเวลาและพลัง ยังไม่ต้องพูดถึงสวรรค์ที่ขัดขวางการดำรงอยู่ของคนเหล่านี้ที่มีทั้งพลังภายในและพลังจิต แค่จินตนาการในการที่ต้องทำการบ่มเพาะทั้งสองแบบในเวลาเดียวกัน มันก็เป็นเรื่องฝันเฟื่องของคนบ้า

"เจ้าหมายถึงว่าข้าสามารถบ่มเพาะได้ทั้งทักษะต่อสู้และเวทมนตร์ได้ใช่หรือไม่? อย่างไรก็ตามตอนนี้ข้าอายุสิบสี่ปีแล้ว และข้าก็ยังไม่รู้ถึงรายละเอียดของการบ่มเพาะทั้งสองแบบ เกี่ยวกับการบ่มเพาะทั้งคู่นี้จึงเป็นสิ่งที่ห่างจากตัวข้ามากเกินไป” เฉินหยานเซียวรู้สึกหดหู่มาก เพราะทุกคนในมนฑลคังหมิง คงจะเลือกเส้นทางที่พวกเขาจะเดินไปในเวลาไม่นานหลังจากที่พวกเขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร ตอนนี้สำหรับเธอแล้ว เธอช้ากว่าคนอื่น ๆ ทุกคนได้กำหนดเส้นทางการบ่มเพาะ แต่สำหรับเธอ หากเธอคิดที่จะทำการบ่มเพาะในตอนนี้ มันก็ดูเหมือนว่าจะสายเกิน  แล้วยิ่งหากเป็นการบ่มเพาะคู่ทั้งทางเวทมนตร์และทักษะการต่อสู้ มันก็เป็นเพียงแค่การเย้ยหยันเธอเท่านั้น

"มันเป็นไปได้สำหรับเจ้า" เสียงของซิวยังฟังดูทั้งหนาวเย็นและมั่นคง

“ร่างกายของเจ้าแตกต่างจากคนอื่นอย่างสิ้นเชิงและด้วยความช่วยเหลือจากข้า ปัญหาทุกอย่างก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป"

เฉินหยานเซียวรู้สึกมีความสุข จนเธอลืมเรื่องซิวที่เป็น "ปีศาจ" ที่ลึกลับ? คนที่มีความสามารถในการพึ่งพาจิตวิญญาณของตนเอง โดยการฝากไว้ในร่างกายของผู้อื่น และรอดชีวิตมาได้นับสิบปีหรือมากกว่านั้น ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา

ในที่สุดเฉินหยานเซียวก็มีความหวัง หลังจากที่ปัญหาแรกของเธอได้รับการแก้ไขได้อย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดว่า "เธอ" ตอนนี้ไม่มีใครให้พึ่งพา ถ้าเธอไม่สามารถทำให้ตัวเองให้เข้มแข็งได้ในเวลาอันสั้น มันก็คงเป็นไปได้มากที่เธอจะต้องแบกตัวตนที่เป็นขยะไว้บนบ่าของเธอตลอดไป

แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ

"เจ้าจะสอนข้าเกี่ยวกับการฝึกบ่มเพาะพลังลมปราณและพลังเวท?" เฉินหยานเซียวยิ้มออกมาในขณะที่เธอถามออกไป

“ตราบเท่าที่เจ้ามีความสามารถ ข้าก็จะสอนเจ้าทุกอย่างที่ข้าได้เรียนรู้มาตลอดชีวิตของข้า และนี่จะเป็นของขวัญที่สองที่ข้ามอบให้แก่เจ้า” เสียงของ ซิว เต็มไปด้วยความเป็นไปได้โดยไม่จำกัด แต่เสียงที่เย็น ๆ ของซิวที่พูดออกมา มันสามารถทำให้ทุกคนรู้สึกโกรธขึ้นมาได้ง่าย ๆ

"เมื่อเป็นแบบนั้น ข้าหวังว่าเราจะร่วมมือกันเป็นอย่างดี" ยิ้มของเฉินหยานเซียวคล้ายกับแมวเจ้าเล่ห์ ด้วยความช่วยเหลือจากปีศาจลี้ลับที่ลึกลับ เธอก็ไม่เชื่อว่าด้วยความสามารถของเธอ เธอจะต้องแบกรับตัวตนของขยะที่โง่เง่าไปตลอดชีวิตนี้!

1 ความคิดเห็น: