จากความทรงจำใหม่ที่เธอได้รับมา
เฉินหยานเซียวรู้ว่าพ่อของร่างกายที่เธอครอบครองนี้เป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลหงส์ไฟ
เมื่อ 'เฉินหยานเซียว' อายุหนึ่งเดือนพ่อแม่ของเธอถูกลอบสังหารเมื่อออกไปนอกบ้าน
สมาชิกในครอบครัวประกอบด้วย 3 คน มีเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตในเวลานั้น
นั่นก็คือเธอที่ยังเป็นเด็กแบเบาะ
แม้ว่าทุกคนในตระกูลหงส์ไฟจะไม่ได้ให้ความเคารพกับเธออย่างสิ้นเชิงในฐานะขยะ
แต่ปู่ของเธอ เฉินเฟิง ที่เป็นหัวหน้าของตระกูลหงส์ไฟ
ก็ยังมีความห่วงใยและสนใจต่อความรู้สึกของลูกชายของเขา
เขาจึงได้สั่งให้คนคอยดูแลเรื่องอาหารการกินอยู่ของ เฉินหยานเซียว
และชีวิตประจำวันของเธอ แต่ก็มีเพียงสิ่งเหล่านี้เท่านั้น
เนื่องจากตระกูลหงส์ไฟเป็นตระกูลใหญ่
การที่จะมาเป็นห่วงกับขยะที่ไม่มีความรู้และไร้ซึ่งทักษะการต่อสู้
มันก็อาจกล่าวได้ว่าไม่คุ้มค่าหากจะใช้สิ่งมีประโยชน์ไปกับเธอ ที่มีแต่จะนำมาซึ่งความอัปยศแก่ตระกูลหงส์ไฟ
แม้กระทั่งสำหรับงานเลี้ยงประจำตระกูลประจำปี
เธอก็ไม่มีคุณสมบัติใด ๆ ที่จะสามารถเข้าร่วม
ในข้อกล่าวหาเรื่องการบุกรุกสถานกักขังสัตว์เวทในครั้งนี้เป็นไปได้ว่า
'เฉินหยานเซียว' ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่ตาย
แต่เธอก็คงจะถูกถลกหนังหัว
ถ้าไม่ใช่เพราะบิดาผู้ให้กำเนิดเธอ
มันก็เป็นไปได้ว่าเฉินเฟิงคงจะไม่ยอมรับว่าเธอเป็นหลานสาวของเขา อาจกล่าวได้ว่า ณ
ตอนนี้ เฉินหยานเซียว ไม่ได้มีการสนับสนุนใด ๆ
สถานการณ์นี้ไม่มีอะไรนอกจากความมั่นใจที่เธอมี
เฉินหยานเซียวกำลังยิ้มแย้มแจ่มใสขณะที่เธอนั่งบนเก้าอี้แล้ววิเคราะห์สภาพแวดล้อมปัจจุบันของเธอ
นี่เป็นเพียงปัญหาที่เรียบง่ายกับการเป็นขยะและยังไม่มีผู้สนับสนุน
'อย่างไรก็ตามยังไม่นับว่าเป็นความหายนะ' พลันปรากฏเสียงหนึ่งกระทบหูของเฉินหยานเซียว
เฉินหยานเซียวรีบลุกขึ้นยืนในทันทีกวาดตามองรอบ
ๆ เพื่อทำการสำรวจอย่างระมัดระวัง
แม้ว่าร่างกายนี้จะไม่ได้มีความแข็งแกร่งใด
ๆ แต่ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอ เฉินหยานเซียวเป็นจอมโจรที่มีชื่อเสียง
เธอได้เขย่าโลกทั้งโลก ไม่มีผู้ใดสามารถอำพรางกลิ่นหลบหนีออกไปจากการรับรู้ของเธอได้
แม้กระนั้นภายในห้องใหญ่นี้เธอก็ยังคงไม่ได้กลิ่นแม้แต่น้อย
เมื่อเป็นเช่นนี้
เสียงนี้มาจากไหน?
“ในเมื่อเจ้ากล้าส่งเสียงออกมา
แต่ทำไมถึงไม่กล้าที่จะแสดงตัวตน?"เฉินหยานเซียว
กวาดดวงตาของเธอไปรอบ ๆ
"แสดงตัวตนหรือ?"
เสียงนั้นดังออกมาอีกครั้ง พร้อมกับความเย็นยะเยือก
"เด็กน้อย
เจ้าไม่จำเป็นต้องมองหาข้า เพราะข้าไม่ได้อยู่ที่อื่น
แต่ข้าอยู่ในร่างกายของเจ้า"
ภายในร่างกายของเธอ?
เฉินหยานเซียว
หยุดชะงักอึ้ง
"ในตอนแรก
ข้าคิดว่าเจ้าจะเป็นเด็กที่โง่เขลาไปตลอดชีวิต แต่ข้าไม่ได้คาดคิดว่า
เจ้าจะเปลี่ยนแปลงและกลายเป็นอัจฉริยะในทันทีทันใด สิ่งต่าง ๆ
ในโลกกำลังล้อเล่นกับมนุษย์ ดูเหมือนสวรรค์ก็อยากจะให้โอกาสเราด้วย"
เสียงที่เย็นชาดังขึ้นอีกครั้งที่ด้านข้างหูของเฉินหยานเซียว
แต่คราวนี้เธอเห็นได้ชัดว่า เสียงนี้จริง ๆ ไม่ได้มาจากที่ไหนในโลกใบนี้
แต่...มาจากสมองของเธอ!
"เจ้าเป็นมนุษย์ประเภทไหน?” เฉินหยานเซียวสามารถรับรู้เรื่องเกี่ยวกับการเกิดใหม่ของเธอได้
แต่สำหรับการมาถึงของเสียงนี้อย่างฉับพลัน
กับเสียงนี้มันก็ยากที่จะทำให้เธอเชื่อมั่นในตัวมัน
“มนุษย์? ในโลกนี้ไม่มีมนุษย์คนใดที่จะสามารถพูดกับข้าได้เช่นนี้
พวกเขายินดีที่จะเรียกข้าว่า "ปีศาจ"
‘ปีศาจ?’ เฉินหยานเซียว ขมวดคิ้วของเธอ
"เอาละเด็กน้อย
เราจะพูดถึงข้อตกลงแลกเปลี่ยนระหว่างเราได้หรือยังละ?"
‘ข้อตกลงแลกเปลี่ยนอะไร?’ แม้ว่าเฉินหยานเซียวจะไม่สามารถระบุลักษณะตัวตนของคู่หูได้
แต่เธอก็เห็นได้ชัดว่ามารร้ายที่เรียกตัวเองว่าเป็นปีศาจ
เขาก็ควรอยู่ในร่างกายของเธออย่างแท้จรืง
"หากเจ้าช่วยข้า
ให้สามารถปรากฏตัวในโลกมนุษย์ได้อีกครั้ง ข้าจะช่วยเจ้าทำการยกเลิกตราประทับซึ่งจะช่วยให้เจ้าได้รับพลังอำนาจที่สมควรจะเป็นของเจ้า"
"ตราประทับ?"
ยิ่งเฉินหยานเซียวฟัง มันก็ยิ่งทำให้เธอมึนหัวมากขึ้น
"ม้วนแขนเสื้อแขนขวาของเจ้าขึ้นดูสิ“
เฉินหยานเซียวม้วนแขนเสื้อของเธอตามที่เสียงบอก
ที่ด้านบนของแขนขวาของเธอมีรอยสัญลักษณ์ เครื่องหมายขนาดฝ่ามือ
ผิวหนังบริเวณนั้นมีสีผิวเข้มกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับบริเวณอื่น ๆ
ก่อนหน้านี้เธอได้ตรวจสอบร่างกายที่เธอได้ครอบครองแล้ว
แต่เธอไม่อาจจดจำถึงสิ่งนี้ได้
"นี่คือตราประทับ?"
บ้าจริง! มีความลับอะไรอีกบนร่างกายของเด็กน้อยผู้นี้
ขอบคุณค่ะ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบเดาว่าเสียงในจิตใต้สำนึกคือดวงจิตหงส์ไฟ รึเปล่านะ?
ตอบลบ