เนื่องจากร่างนี้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหงส์ไฟ
หากแต่ร่างกายนี้ไม่สามารถทำการบ่มเพาะพลังลมปราณหรือพลังเวทได้เช่นคนอื่น ๆ
ที่อยู่ในตระกูล ดังนั้นไม่เพียงร่างกายนี้จะอ่อนแอและน่าสงสาร
แม้กระทั่งสมองก็ยังไม่ปกติดีนัก ร่างกายที่มีอยู่สิบสามปี แต่สติปัญญาที่มีก็ยังน้อยกว่าเด็กอายุสี่ขวบ
เห็นได้ชัดว่าเธอซึ่งเป็นคุณหนูเจ็ดนั้นอ่อนแอไร้ซึ่งความสามารถใด ๆ
และเป็นความอับอายขายหน้าของตระกูลหงส์ไฟ
สำหรับสองคนที่ยืนอยู่ที่หน้าเตียงของเธอ
พวกเขายังเป็นคนรุ่นเยาว์ภายใตระกูล มันแตกต่างจากเธอที่เป็นขยะ
ในขณะที่พี่น้องที่แก่กว่า พวกเขาต่างล้วนมีพรสวรรค์ เช่นสองคนที่อยู่ที่ด้านหน้า
ต่างได้รับการปรับปรุงพลังลมปราณและพลังเวท
และทั้งสองคนได้รับการยกย่องว่าเป็นความหวังเป็นอนาคตของตระกูลหงส์ไฟ
สำหรับทั้งสองคนนอกเหนือจากการปรับปรุงพลังลมปราณและพลังเวทของพวกเขาแล้วยังต้องการข่มขู่เธออย่างแท้จริง
นั่นคือสิ่งที่พวกเขามีความสุขที่สุด
เหตุผลที่ทำไมเฉินหยานเซียวนอนอยู่บนเตียงนี้และผิวหนังก็พรุนไปด้วยรอยแผลเป็น
มันก็เนื่องมาจากพี่น้องคู่นี้
อาศัยสมองที่เชื่องช้าของเฉินหยานเซียว
ทำให้พวกเขาสามารถแอบเข้าไปในสถานที่คุมขังสัตว์เวทที่มีพลังทำลายล้างอย่างรุนแรงจำนวนมาก
จนเป็นเหตุทำให้เฉินหยานเซียวได้รับบาดเจ็บจากสัตว์ร้ายที่ถูกขังอยู่ในที่แห่งนั้น
ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ดูแลได้สังเกตเห็นความผิดปกติ
มันก็มีโอกาสมากที่เธอจะเสียชีวิตเป็นอาหารอยู่ในปากของสัตว์เวท
ในที่สุดหลังจากที่เธอสามารถจำแนกความทรงจำของคนอื่นได้ทั้งหมด
เฉินหยานเซียวก็มีเวลาพอที่จะรับมือกับพี่ชายและพี่สาวทั้งสองคนนี้ได้
มันเห็นได้ชัดว่าในขณะนี้ทั้งสองคนกำลังกังวลใจเกี่ยวกับการสืบสวนเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้โดยหัวหน้าตระกูลหงส์ไฟ
ซึ่งก็คือปู่ของพวกเขา เช่นเดียวกับที่พวกเขากำลังข่มขู่เธอเพื่อไม่ให้เธอเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป
แต่พวกเขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นว่าสายตาที่โง่เขลาในแบบเดิมได้เปลี่ยนเป็นสายตาที่แวววาวแหลมคม
"มันจะดีกว่าหากเจ้าเชื่อฟังคำพูดของเรา
และไม่กระตุ้นเราหรือทำให้พวกเราเดือดร้อน เจ้าควรที่จะรู้ผลที่จะตามมา"
เฉินเจียอี้เม้มริมฝีปากของเธอ ขณะที่เธอมองไปที่น้องสาวที่ไร้ประโยชน์ของเธอ
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอกำลังกังวลว่าการที่เธอได้แอบเข้าไปในสถานที่คุมขังสัตว์เวทจะส่งผลกระทบต่อเธอ
เธอก็คงจะไม่สนใจที่จะพูดเรื่องนี้กับขยะไร้ประโยชน์
เฉินหยานเซียวเลิกคิ้วของเธอขึ้น
และด้วยการเคลื่อนไหวผ่านทางความคิดเล็กน้อยของเธอ
เธอได้อดกลั้นสายตาที่แหลมคมของเธอไว้ในทันที
จากนั้นเธอก็ทำสีหน้าของเธอให้มีภาพลักษณ์ของเด็กสาวที่โง่เขลาและเบาปัญญา
หลังจากที่เธอกระพริบตาและมองไปที่เฉินเจียอี้ เธอพยักหน้าอย่างไม่มั่นใจ
“พี่สาว
ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่า ยัยโง่ผู้นี้ไม่รู้เรื่องอะไร แม้ว่าเธอจะบอกว่าเป็นเรา
ท่านปู่ก็จะไม่เชื่อคำพูดของคนโง่เง่า
เหตุใดเจ้าถึงพูดเรื่องไร้สาระกับคนโง่เง่าเช่นนี้" เฉินเจียเว่ย
น้องชายฝาแฝดพูดออกมา
เฉินเจียอี้ยังไม่ตอบคำถามของน้องชายของเธอ
ในขณะที่แต่เธอมองไปที่เฉินหยานเซียวที่ได้รับอาการบาดเจ็บ หลังจากแน่ใจว่า
เฉินหยานเซียวยังคงเหมือนเดิม
เมื่อเฉินหยานเซียวได้ยินและปฏิบัติตามคำพูดของเธอเหมือนเมื่อก่อน
มันก็ทำให้เฉินเจียอี้รู้สึกมั่นใจ เฉินเจียอี้จึงได้พาพี่ชายของเธอออกจากห้องไป
สำหรับอาการบาดเจ็บของเฉินหยานเซียว
ไม่ว่าบาดแผลใดก็ตามที่เธอมี มันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขา? ถึงแม้ว่าเธอจะต้องตายในสถานที่คุมขังสัตว์เวท
ความห่วงใยที่พวกเขามีต่อเธอ
มันก็เป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่พวกเขามีกับขยะในตระกูล
ถ้ามันไม่ได้เกิดจากความกลัวของปัญหาใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
เมื่อปู่ของพวกเขาทำการสอบสวนแล้วละก็
แน่นอนว่าพวกเขาก็คงที่จะปฏิเสธที่จะพูดกับขยะ
จนกระทั่ง
หลังจากที่พี่ชายและน้องสาวทั้งสองได้ออกจากห้องไปอย่างฉับพลัน
มันก็เหมือนกับว่าเด็กสาวขี้อาย หยานเซียวได้เปลี่ยนเป็นคนอื่น ด้วยเสียง 'วูบบบบ' เธอกระโดดลงมาจากเตียง
"อ้ากกกกก"
ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน มันทำให้เธอรู้สึกเจ็บที่เอวของเธอ
เฉินหยานเซียวกัดฟันของเธอขณะที่เธอตรวจสอบสภาพของการบาดเจ็บของเธอบนร่างกายใหม่
เธอเย้ยหยันในใจ นับตั้งแต่ที่สวรรค์ได้ให้โอกาสแก่เธออีกครั้ง ด้วยการเกิดใหม่
เธอก็จะเอาชีวิตให้รอดพ้นจากความเป็นตัวตนใหม่นี้ด้วยความระมัดระวัง
อย่างไรก็ตามจากสภาพการณ์ในปัจจุบัน
ดูเหมือนว่าจะมีปัญหามากเกินไปสำหรับอัตลักษณ์ใหม่นี้
มันย่อมทำให้เธอไม่อาจดำเนินชีวิตต่อไปได้ด้วยการดำเนินชีวิตแบบ 'เฉินหยานเซียว' ในก่อนหน้านี้
ขยะ? โง่เขลา?
ทั้งสองคำนี้ไม่เคยอยู่ในพจนานุกรมชีวิตของเธอ
ขอบคุณครับ
ตอบลบอาจจะอ่านแล้วแปลกๆ นิดนึงสำหรับที่คนไม่ค่อยอ่านนิยายจีน แต่สำหรับเราถือว่าชินกับสำนวนแบบนี้ นิยายแนวนี้ยาก หาคำมาแทนคำไทยยาก ขอบคุณที่แปลให้อ่านค่ะ
ตอบลบ