เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ZX 089 แสดงหลักฐาน




จิตใต้สำนึกส่งผลให้ตูเชี่ยนรับกระเป๋าจัดเก็บและเข็มทิศและมองดูมัน อย่างไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็มองไปที่หยางเฉิน เขาถามด้วยความสงสัย

นี่คือ?”

นี่คือกระเป๋าจัดเก็บ”

หยางฉินชี้ไปที่กระเป๋าจัดเก็บและชี้ไปที่เข็มทิศ

"นี่คือเข็มทิศที่สามารถหาตำแหน่งของกระเป๋าจัดเก็บใบนี้ มีเข็มทิศเหล่านี้อีกไม่กี่ชิ้น!"

เมื่อพูดประโยคนี้แล้วเขาก็หยิบเข็มทิศอันอื่นออกมาจากช่องกระเป๋าจัดเก็บ เข็มทิศที่เหมือนกันพวกนั้นถูกจัดวางอย่างเรียบร้อยบนพื้น ทำให้ทุกคนรู้สึกว่ากำลังจะมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น

"ในขณะที่ข้าอยู่ในหลุมดักเซียน ข้าถูกหลายคนตามล่า"

หยางเฉินเล่าถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาราวกับว่า เขากำลังพูดถึงบางสิ่งบางอย่างที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขา

"พวกเขาเหล่านั้นมีเข็มทิศแบบนี้อยู่ในมือ"

เมื่อได้ยินหยางเฉินพูดเช่นนี้ ใบหน้าของตูเชี่ยนซีดเผือด จูเฉินเตาสีหน้าเป็นเคร่งขรึมซึ่งน้อยครั้งที่จะเห็น กั่วหยู่ไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน ดังนั้นนางจึงขมวดคิ้วและมองไปที่สิ่งนั้นอย่างโมโหและพูดว่า

"ใครกล้าที่จะแตะต้องศิษย์คนแรกของข้า?"

เมื่อหยางเฉินมองไปที่ร่างบอบบางของกั่วหยู่ ที่ยังคงอยู่ตรงหน้าเขา มันช่วยไม่ได้ที่การกระทำของนางจะทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจอีกครั้ง ถ้านางไม่เป็นคนเช่นนี้ในชีวิตก่อนหน้านี้ความตายของนางคงไม่เป็นเรื่องน่าเศร้า เมื่อมองไปที่ความโกรธของกั่วหยู่ หยางเฉินได้สาบานภายในใจว่า

'ในชีวิตนี้ข้าจะคอยดูแลนางจนขึ้นสวรรค์!'

"อาจารย์มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ศิษย์สามารถจัดการมันได้!"

ก้าวไปอย่างสุขุม ก่อนหยุดที่ด้านข้างกั่วหยู่ แม้จะอีกเพียงครึ่งก้าวที่เขาอยู่ด้านหลังเธอ แต่ความตั้งใจของเขาก็ดูชัดเจน

"อื้ม!"

กั่วหยู่เหลือบมองไปที่หยางเฉิน แต่ไม่เอ่ยอะไรมากนัก เพียงแค่หนึ่งคำที่แสดงศักดิ์ศรีของผู้เป็นอาจารย์

"หยางเฉินตามข้ามา ไปที่วิหารพิทักษ์กฏ!"

ตูเชี่ยนมองไปที่เข็มทิศพวกนี้ และกระเป๋าจัดเก็บ จากนั้นก็ยืนขึ้นหลังจากที่หยางเฉิน

กระเป๋าจัดเก็บ และเข็มทิศษทั้ง 7 อัน ถูกวางเรียงรายอย่างเรียบร้อยเป็นแถวบนโต๊ะที่ด้านหน้า ผู้คุมกฏอาวุโสของวิหารพิทักษ์กฏ ที่อยู่ระดับผลิดอก เมิงเซียน ในขณะนี้สีหน้าของเมิงเซียนเคร่งขรึม เขาสังเกตสิ่งเหล่านี้อยู่เงียบๆ สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้ทุกคนเป็นกังวล

ตูเชี่ยนยืนอยู่ด้านข้างศีรษะของเขาก้มลงเพื่อไม่ให้เห็นความคิดของเขา แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีความสุขอย่างมาก หยางเฉินเป็นศิษย์ของนิกายที่เขารู้สึกดีด้วย มันคงเป็นเรื่องประหลาดที่จะเห็นหยางเฉินที่ถูกคนอื่นวางแผนจัดการ จะทำให้เขามีความสุข

กั่วหยู่ จูเฉินเตา และซีเชิงซิน ก็มีความคิดเช่นเดียวกัน พวกเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านข้างด้วยความโกรธ ถ้าวิหารพิทักษ์กฏไม่ให้คำอธิบายที่น่าพอใจกับพวกเขาในวันนี้ พวกเขาจะไม่ยอมจบเรื่องนี้ในวันนี้อย่างแน่นอน

เรื่องที่ชัดเจนที่สุดคือจุดมุ่งหมายที่จะกำจัดหยางเฉิน เมิงเซียนได้ทดสอบเข็มทิศเหล่านั้นแล้ว และพวกมันก็มีผลเฉพาะกับกระเป๋าจัดเก็บของหยางเฉินเท่านั้น ไม่ได้มีผลกับกระเป๋าจัดเก็บของคนอื่น ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านั่นเป็นแผนการที่วางไว้เพื่อสังหารหยางเฉิน

ด้านบนกระเป๋าจัดเก็บมีสัญลักษณ์ปณีตซ่อนไว้ ในอาณาเขตนี้เครื่องหมายแสดงตำแหน่งเหล่านี้ ไว้ใช้เพื่อติดตามตำแหน่งของหยางเฉิน วิธีการลงสัญลักษณ์นี้เห็นได้ชัดเจนว่าถูกกลั่นสกัดที่พระราชวังหยางบริสุทธิ์

ในพันปีที่ผ่านมาเรื่องเช่นการเล็งเป้าไปที่ศิษย์พระราชวังหยางบริสุทธิ์ไม่เคยเกิดขึ้น เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่เมิงเซียนจะตกอยู่ในความโกรธ

มีศิษย์ในนิกายต้องการกำจัดศิษย์ในนิกายเดียวกัน ซึ่งศิษย์คนนั้นมีพรสวรรค์มากที่สุด แล้วอาจจะทำให้ความหวังของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ได้ถูกยกระดับนิยายขึ้น พูดให้ถูกนี่ถือเป็นการทรยศต่อนิกายและหักหลังอาจารย์!

เรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นเป็นธรรมดาที่จะต้องให้ประมุขพระราชวังเป็นคนตัดสิน เมิงเซียนส่งกระบี่บินของเขาเพื่อส่งข้อความให้ประมุขพระราชวัง และประมุขก็เดินตามมันตรงมาที่ห้องโถงวิหารพิทักษ์กฏ หลังจากที่เดินไปที่โต๊ะที่วางสิ่งของเหล่านั้น เขาก็หยิบกระเป๋าจัดเก็บขึ้นมาและส่งพลังจิตวิญญาณของเขาเพื่อตรวจสอบ

มันถูกปรับแต่งและถูกซ่อนเอาไว้อย่างสมบูรณ์ โดยมีสิ่งผิดปกติเพียงเล็กน้อยบริเวณที่คาดเข็มขัดซึ่งถูกผูกไว้กับกระเป๋าจัดเก็บ ถ้าไม่ใช่เพราะเข็มทิศเหล่านี้ โดยทั่วไปแล้วจะไม่มีใครสังเกตเห็นพื้นที่ตรงนั้นได้ แม้แต่หยางเฉินก็สังเกตเห็นหลังจากที่เขาเดาว่าศัตรูได้จัดเตรียมสิ่งนี้แล้ว

"นี่อาจจะเป็นระดับก่อลำต้น!"

ประมุขพระราชวังกลับมาหนักแน่นอย่างรวดเร็ว และขมวดคิ้วของเขาราวกลับว่าไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้

"เคล็ดวิชาคุณสมบัติธาตุน้ำ เป็นเคล็ดวิชาของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ของข้า!"

จากคำพูดของประมุขพระราชวังทำให้จำกัดขอบเขตของผู้ต้องสงสัยไว้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ประมุขพระราชวังจะขมวดคิ้ว ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่ได้รับการพิจารณาความสามารถว่าเป็นกองกำลังเสริมที่แข็งแกร่งของนิกายถ้าเป็นเช่นนี้ พระราชวังหยางบริสุทธิ๋ต้องสูญเสียนักบ่มเพาะระดับก่อลำต้น ผู้นำพระราชวังต้องคำนึงเรื่องนี้ให้รอบครอบก่อนที่จะให้คำตอบที่น่าพอใจให้กับหยางเฉิน

ตามเหตุผลเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้น นักบ่มเพาะระดับก่อลำต้นต้องการอะไรจากศิษย์ชั้นนอกระดับรวบรวมลมปราณ? มันเป็นที่รู้กันดีว่ากระเป๋าจัดเก็บของหยางเฉินถูกส่งมอบให้เขาที่ตำหนักเย่ชิวเมื่อไม่นานมานี้

โดยเฉพาะการที่เขาสามารถเอาชนะซุนไห่จิ้งที่เป็นนักบ่มเพาะรวบรวมลมปราณขั้นสาม และยังใช้อาวุธเวท

ในเวลานั้นนักบ่มเพาะระดับก่อลำต้นอาจจะเกิดความเกลียดชังต่อเด็กหนุ่มผู้นี้ เขาจึงใช้วิธีดังกล่าวต้องการวางแผนสังหารหยางเฉิน? นี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดอย่างมาก

"ดัวยคุณสมบัติศิษย์สืบทอดชูเฮิงในเวลานั้น แล้วส่งมอบไปให้ผู้ดูแลตำหนักเย่ชิวหวังหยวน จากหวังหยวนส่งให้หยางเฉิน"

อุปกรณ์ทุกชนิดจากนิกายจะต้องได้รับการจดบันทึกเอาไว้ เมิงเซียนเพียงตรวจสอบไม่นานก่อนหน้านี้หลังจากที่ประมุขพระราชวังเอ่ยถามเขาก็สามารถตอบได้ในทันที หวังหยวนได้มาที่วิหารพิทักษ์กฏหลังจากที่เขาถูกเมิงเซียนเรียกมา

ชูเฮิง?”

เมื่อได้ยินชื่อนี้ ประมุขพระราชวังขมวดคิ้วของเขาอีกครั้ง ใครบ้างไม่รู้ถึงความบาดหมางของหยางเฉินกับชูเฮิง? ถ้าต้องถามว่าใครเป็นผู้ต้องสงสัยที่สุดก็หนีไม่พ้นชูเฮิง แต่ชูเฮิงเป็นศิษย์ระดับก่อสร้างรากฐาน เขาไม่สามารถปรับแต่งกระเป๋าจัดเก็บได้ ซึ่งหมายความว่ายังมีคนอยู่เบื้องหลังเขา

ผู้ดูแลวิหารรัศมีจันทรากลายเป็นผู้ต้องสงสัยในทันที เขาเป็นอาจารย์ของชูเฮิงและในเวลาเดียวกันยังเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่มีความสามารถในการปรับแต่งกระเป๋าจัดเก็บได้ หลักฐานข้อใหญ่อีกอย่างคือ การปรับแต่งด้วยคุณสมบัติธาตุน้ำซึ่งเป็นไปตามข้อสันนิษฐานของประมุขพระราชวัง

"ตามตัวเหลียงเซาหมิงมา!"

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ประมุขพระราชวังก็ตัดสินใจบางอย่าง และนั่งลงที่ตำแหน่งเจ้าของวิหาร และออกคำสั่งกับเมิงเซียน

ไม่นานเหลียงเซาหมิงก็ปรากฏตัวเบื้องหน้าทุกคน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงถูกเรียกมาที่วิหารพิทักษ์กฏ

"เหลียงเซาหมิงเจ้าได้ปรับแต่งสิ่งนี้หรือไม่?

ประมุขพระราชวังไม่เอ่ยอารัมภบทใด ๆ ทั้งสิ้นพูดถึงประเด็นในทันที

เมื่อสิ้นสุดคำพูดของเขา กั่วหยู่ก็เข้าประชิดตัวเขาในทันที แต่หยางเฉินที่อยู่ด้านข้างนางยื่นมือจับแขนดึงนางไว้อย่างรวดเร็ว

แต่แล้วนางก็นึกได้ว่าในที่นี้ยังมีประมุขพระราชวังอยู่จึงยับยั้งตัวเอง คนอื่นๆก็จ้องมองไปที่เหลียงเซาหมิงด้วยความโกรธเต็มใบหน้าของพวกเขา แต่ภายในวิหารพิทักษ์กฏไม่มีใครที่จะกล้าใช้อารมณ์ในที่นี้

"ปรับแต่งอะไร?"

ประมุขพระราชวังเอ่ยถามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์และน้ำเสียงธรรมดาราวกับว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องทั่วไป เขาไม่มีร่องรอยถึงความรุนแรงใดๆ เนื่องจากพวกเขาอยู่ในวิหารพิทักษ์กฏ

"ใช่ ศิษย์ของข้าชูเฮืงได้ขอให้ข้าปรับแต่งมัน เขาบอกกับข้าว่าเขาเป็นกังวลกับศิษย์ของเขาถ้าเกิดอุบัติเหตุใดกับเมื่อออกไปนอกนิกาย สิ่งนี้จะช่วยให้เขาสามารถติดตามศิษย์ของเขาได้"

เหลียงเซาหมิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แท้จริงแล้วตั้งแต่เขาถูกเรียกมาที่นี่เขาคิดว่าเขาทำสิ่งใดผิดไป หลังจากที่เขาตอบคำถามเขาก็รู้สึกว่ายังมีบางอย่างที่แปลก ๆ เขาถามด้วยความสงสัยว่า

"กระเป๋าใบนี้มีปัญหาอะไรหรือไม่?"

"เจ้าดูเข็มทิศเหล่านั้น!"

ประมุขพระราชวังไม่เอ่ยอะไรมาก เพียงหันศีรษะของเขาให้เหลียงเซาหมิงไปตรวจสอบเข็มทิศ เหล่านั้นที่อยู่ถัดจากระเป๋าจัดเก็บ

เหลียงเซาหมิงหันกลับมาและหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่ง เขาใช้พลังจิตวิญญาณของเขาตรวจสอบในขณะที่พลังจิตวิญญาของเขาส่งเข้าไปในเข็มทิศเขาก็รู้ถึงวิธีใช้เข็มทิศเหล่านั้นในทันที หลังจากนั้นคิ้วของเหลียงเซาหมิงก็ขมวดย่นทันที แต่เขาก็ไม่ได้หยุดและตรวจดูทีละชิ้น ในตอนท้ายความเดือดดาลได้ปรากฎบนใบหน้าของเขา

เขาทำเรื่องเหลวไหลแบบนี้?”

เหลียงเซาหมิงมิใช่คนโง่เขลา เขาเข้าใจได้อย่างชัดเจนถึงสิ่งที่ตามมาเมื่อเห็นเข็มทิศจำนวนมาก และเขาเกือบจะคำรามออกมา

"กระเป๋าจัดเก็บนี้เป็นของใคร?"

"มันเป็นของศิษย์เอง อาจารย์ลุงเหลียง!"

หยางเฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างตอบในทันที

เหลียงเซาหมิงเงยหน้าขึ้นมองหยางเฉิน เมื่อมองหยางเฉินละเอียดแล้วเขาจึงเอ่ยถามว่า

ทำไมชูเฮิงต้องการสังหารเจ้า?”

"ศิษย์จะทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร?"

หยางเฉินเอ่ยตอบด้วยท่าทีไร้เดียงสา

"ตั้งแต่ตอนที่ศิษย์เข้ามาอยู่ในนิกาย อาจารย์อาชูไม่เคยมองศิษย์ในแง่ดี!"

นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาทุกคนรู้ แม้หยางเฉินจะไม่พูด

"จะมีความเข้าใจผิดในเรื่องนี้ได้หรือไม่?"

หลังจากที่พูด เหลียงเซาหมิงซึ่งเป็นอาจารย์ของชูเฮิงดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงความโปรดปรานชูเฮงของเขา

"บางทีชูเฮิงอาจจะไม่ทันระวัง และถูกขนอื่นขโมยไป ข้ารู้ด้วยว่าที่บันไดสวรรค์เจ้าได้ทำให้หลายคนอิจฉา ถึงแม้ว่าชูเฮิงจะไม่ชอบเจ้าแต่สถานการณ์แย่ถึงขนาดต้องสังหารเจ้าเลยหรือ?"

นี่เป็นการหาข้ออ้างให้ชูเฮิงอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาเป็นผู้ดูแลวิหารรัศมีจันทราของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ เขามีอำนาจพอที่จะปกป้องชูเฮิงในบางกรณี ส่วนใหญ่เอ่ยได้ว่าเขาประมาทและสะกดคำว่าเหตุผลไม่เป็นอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าอย่างไรชูเฮิงก็ออกจากวิหารไปฝึกซ้อมหลังการแข่งภายในนิกาย ดังนั้นการสูญเสียสิ่งของจึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไร ส่วนใหญ่ชูเฮิงจะได้รับชื่อเสียงว่าเป็นคนประมาท แต่เขาไม่ควรจะได้รับการกล่าวหาเป็นคนร้าย

"ศิษย์ถูกโจมตีสองครั้งตอนเป็นศิษย์นอก ครั้งแรกที่ตำหนักเก้าปฐพี และครั้งที่สองตอนไปบันไดสวรรค์!"
หยางเฉินไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเหลียงเซาหมิง และเอ่ยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ชูเฮิงพยายามวางแผนสังหารเขา

"ก่อนชุมนุมที่บันไดสวรรค์ ศิษย์ไม่ได้เป็นที่อิจฉาของคนจำนวนมาก"

ทุกคนเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของหยางเฉิน ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงเวลาของทั้งสองเรื่องวิหารพิทักษ์กฏได้ใช้กำลังคนเต็มกำลังเพื่อตามหามือสังหาร

สถานการณ์ในตอนนั้นร้ายแรงมาก ดังนั้นมันจึงยังเป็นความทรงจำที่ชัดเจนของตูเชี่ยน จนกระทั่งทุกวันนี้ คำโต้แย้งของหยางเฉินได้พิสูจน์ว่าการที่เขาถูกลอบสังหารไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับความอิจฉาที่เขาได้รับหลังจากที่ขึ้นไปบนสุดของบันไดสวรรค์ แต่ความคิดของทุกคนถูกชักนำไปยังเหตุการณ์สองครั้งก่อนหน้านั้น เรื่องนี้ยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้ชูเฮิงเป็นผู้ต้องสงสัยมากยิ่งขึ้น

"จริงๆแล้ว พวกนั้นเป็นการกระทำของศิษย์นอกซุนไห่จิ้ง ในเวลานั้นเขาก็ออกมายอมรับด้วยปากของเขาเอง!"

เหลียงเซาหมิงไม่มีทีท่าตกใจอะไร แต่ศิษย์ของเขากำลังจะได้รับข้อหาทำร้ายศิษย์ร่วมสำนัก เขาจะยินยอมแต่โดยดีได้อย่างไร?

"ศิษย์อยากทราบว่าซุนไห่จิ้งที่มีระดับเพียงรวบรวมลมปราณขั้น 4 ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญปรุงโอสถ หรือ ความสามารถในการสร้างอุปกรณ์เวทอีกทั้งไม่ได้ร่ำรวย เขาจะสามารถจ่ายค่าตอบแทนให้กับนักบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้น 7และ8 ได้อย่างไร? เขามีความสัมพันธ์อะไรกับพวกนั้น?"

ในชีวิตก่อนหน้าของหยางเฉิน เหลียงเซาหมิงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่ขายกั่วหยู่ ดังนั้นหยางเฉินจะปล่อยให้เขาหนีได้อย่างไร? ถึงแม้ว่าเหลียงเซาหมิงไม่ได้ก้าวเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เขาก็ยังคงจะต่อต้านเหลียงเซาหมิงด้วยความรุนแรงอย่างเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ชูเฮิงน่าจะตายไปนานแล้ว ดังนั้นหยางเฉินจะยอมให้เหลียงเซาหมิงมีทางเลือกอีกหรือ?

คำพูดแต่ละคำที่เอ่ยออกมาเหมือนค้อนทุบลงมาที่ศีรษะ ไม่มีใครสามารถขัดขวางหยางเฉินได้ แม้ว่าจะมีข้ออ้างอยู่ก็ตาม ถ้าเหลียงเซาหมิงพูดอะไรผิดหรือพลาดแม้แต่คำเดียว ก็อาจจะทำให้ข้อกล่าวหาของชูเฮงเป็นจริง

"บางทีซุนไห่จิ้งอาจจะประจบสอพลอเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากชูเฮิง!"

เหลียงเซาหมิงพูดคำเหล่านี้โดยไม่รู้สึกอับอาย

"ภายหลังจากที่ซุนไห่จิ้งเป็นศิษย์ที่เขารู้สึกภูมิใจมากที่สุด ซุนไห่จิ้งจึงเข้าไปทำความรู้จัก และพยายามหลอกหลวงชูเฮิงตลอดเวลา มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ชูเฮิงจะไม่รู้เรื่อง"

จากคำพูดทั้งหมดแล้ว ชูเฮิงอาจจะถูกกล่าวหาว่าล้มเหลวในการอบรมลูกศิษย์ แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องในการเป็นผู้บงการ

"หรือบางทีเราอาจจะไม่รู้แน่ชัดได้ว่าแท้จริงแล้ว ที่เขาได้รับพ่ายแพ้ไปเป็นเพราะความประมาท!"

หยางเฉินได้เปลี่ยนหัวข้ออย่างกะทันหันโดยเอ่ยถึงเรื่องอื่น ๆ ที่เอ่ยมาแล้ว

"เรื่องทั้งหมดอาจารย์อาเหลียงสามารถเรียกชูเฮิงมาสอบถามเรื่องเหล่านี้ได้หรือไม่? ถ้าศิษย์พี่ชูเฮิงไม่กล้ามาก็ถือเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าเขาหนีไปเพราะความกลัวที่จะถูกลงโทษ"

"ดี ให้เขามาเผชิญหน้าพูดความจริงกับทุกคน"

เหลียงเซาหมิงพยักหน้า

"ข้าจะส่งข้อความไปให้ชูเฮิง! แต่ข้าต้องขอเวลาอย่างน้อยครึ่งปีถึงหนึ่งปี ตอนนี้ข้าไม่รู้เขาอยู่ที่ไหน! ศิษย์หลานหยางได้รับเข็มทิศเหล่านี้มาจากผู้ที่พยายามตามล่าเจ้าหรือไม่? แต่ช่างโชคร้ายที่ศิษย์หลานหยางฆ่าพวกเขาหมด ถ้าเจ้าปล่อยให้รอดบ้าง มันจะไม่ง่ายกว่าหรือที่จะถามพวกเขา?"

อืม!”

หยางเฉินตบไปที่หน้าผากของตัวเองและตอแหลเกินจริงด้วยท่าทางรำคาญ

"ถ้าเพียงพวกเขารอดมาบ้างความจริงก็จะได้รับการเปิดเผยทันที!"

"การจับขโมยก็ต้องจับให้เจอสินค้าที่ถูกขโมย!"

เหลียงเซาหมิงกล่าวอย่างเฉยเมย

"ตั้งแต่ที่เจ้ากล่าวหาชูเฮิงเจ้าก็ควรจะมีหลักฐาน เพียงแค่นี้ทำไมไม่ทำ!"

ขณะที่พูดเขาก็ส่ายศีรษะ แล้วมองไปที่เข็มทิศเหล่านั้นกับกระเป๋าจัดเก็บ จากนั้นเขาก็หันไปหาประมุขพระราชวัง เป็นนัยบอกว่าเขาต้องการปกป้องศิษย์ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

"เจ้าเลือกปฏิบัติแต่ศิษย์ของเจ้าได้อย่างไร?"

กั่วหยู่ตะโกนใส่เขา เธอตบไปที่โต๊ะและยืนขึ้น

"ในขณะที่เจ้าต้องการปกป้อศิษย์ของเจ้า ข้าก็ต้องการปกป้องศิษย์ของข้า ถ้าเจ้าต้องการจัดการชูเฮิงเจ้าก็ต้องมีหลักฐานก่อน!"

มันหมายความว่าเหลียงเซาหมิงไม่ได้เห็นกั่วหยู่อยู่ในสายตา ดังนั้นเขาจึงโต้กลับไปอย่างดุเดือดและตอกหน้านางในทันที

"พวกเจ้าทุกคนต้องการกำจัดศิษย์ของข้าโดยไม่ให้โอกาสเขา? ไม่มีทาง!"

ใบหน้าของเหลียงเซาหมิงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาไม่หันไปรอบ ๆ เขาตกอยู่ในความตะลึงงันเมื่อเห็นว่าหยางเฉินหยับร่างที่อ่อนปวกเปียกออกมาจากที่ไหนซักแห่งและโยนมันลงไปที่พื้น

"โชคดีที่ข้าไม่ได้ฆ่าทุกคนในตอนนั้น!"

หยางเฉินพูดด้วยความยินดี

"นี่เป็นหนึ่งในคนที่ตามล่าศิษย์ ท่านประมุขและผู้ดูแลกฏหมิงโปรดตัดสิน!"

2 ความคิดเห็น: