จิตใต้สำนึกส่งผลให้ตูเชี่ยนรับกระเป๋าจัดเก็บและเข็มทิศและมองดูมัน
อย่างไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็มองไปที่หยางเฉิน เขาถามด้วยความสงสัย
“นี่คือ?”
“นี่คือกระเป๋าจัดเก็บ”
หยางฉินชี้ไปที่กระเป๋าจัดเก็บและชี้ไปที่เข็มทิศ
"นี่คือเข็มทิศที่สามารถหาตำแหน่งของกระเป๋าจัดเก็บใบนี้
มีเข็มทิศเหล่านี้อีกไม่กี่ชิ้น!"
เมื่อพูดประโยคนี้แล้วเขาก็หยิบเข็มทิศอันอื่นออกมาจากช่องกระเป๋าจัดเก็บ
เข็มทิศที่เหมือนกันพวกนั้นถูกจัดวางอย่างเรียบร้อยบนพื้น
ทำให้ทุกคนรู้สึกว่ากำลังจะมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น
"ในขณะที่ข้าอยู่ในหลุมดักเซียน ข้าถูกหลายคนตามล่า"
หยางเฉินเล่าถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาราวกับว่า
เขากำลังพูดถึงบางสิ่งบางอย่างที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขา
"พวกเขาเหล่านั้นมีเข็มทิศแบบนี้อยู่ในมือ"
เมื่อได้ยินหยางเฉินพูดเช่นนี้ ใบหน้าของตูเชี่ยนซีดเผือด
จูเฉินเตาสีหน้าเป็นเคร่งขรึมซึ่งน้อยครั้งที่จะเห็น
กั่วหยู่ไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน
ดังนั้นนางจึงขมวดคิ้วและมองไปที่สิ่งนั้นอย่างโมโหและพูดว่า
"ใครกล้าที่จะแตะต้องศิษย์คนแรกของข้า?"
เมื่อหยางเฉินมองไปที่ร่างบอบบางของกั่วหยู่ ที่ยังคงอยู่ตรงหน้าเขา
มันช่วยไม่ได้ที่การกระทำของนางจะทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจอีกครั้ง
ถ้านางไม่เป็นคนเช่นนี้ในชีวิตก่อนหน้านี้ความตายของนางคงไม่เป็นเรื่องน่าเศร้า
เมื่อมองไปที่ความโกรธของกั่วหยู่ หยางเฉินได้สาบานภายในใจว่า
'ในชีวิตนี้ข้าจะคอยดูแลนางจนขึ้นสวรรค์!'
"อาจารย์มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ศิษย์สามารถจัดการมันได้!"
ก้าวไปอย่างสุขุม ก่อนหยุดที่ด้านข้างกั่วหยู่
แม้จะอีกเพียงครึ่งก้าวที่เขาอยู่ด้านหลังเธอ แต่ความตั้งใจของเขาก็ดูชัดเจน
"อื้ม!"
กั่วหยู่เหลือบมองไปที่หยางเฉิน แต่ไม่เอ่ยอะไรมากนัก
เพียงแค่หนึ่งคำที่แสดงศักดิ์ศรีของผู้เป็นอาจารย์
"หยางเฉินตามข้ามา ไปที่วิหารพิทักษ์กฏ!"
ตูเชี่ยนมองไปที่เข็มทิศพวกนี้ และกระเป๋าจัดเก็บ
จากนั้นก็ยืนขึ้นหลังจากที่หยางเฉิน
กระเป๋าจัดเก็บ และเข็มทิศษทั้ง 7 อัน ถูกวางเรียงรายอย่างเรียบร้อยเป็นแถวบนโต๊ะที่ด้านหน้า
ผู้คุมกฏอาวุโสของวิหารพิทักษ์กฏ ที่อยู่ระดับผลิดอก เมิงเซียน
ในขณะนี้สีหน้าของเมิงเซียนเคร่งขรึม เขาสังเกตสิ่งเหล่านี้อยู่เงียบๆ
สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้ทุกคนเป็นกังวล
ตูเชี่ยนยืนอยู่ด้านข้างศีรษะของเขาก้มลงเพื่อไม่ให้เห็นความคิดของเขา
แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีความสุขอย่างมาก
หยางเฉินเป็นศิษย์ของนิกายที่เขารู้สึกดีด้วย
มันคงเป็นเรื่องประหลาดที่จะเห็นหยางเฉินที่ถูกคนอื่นวางแผนจัดการ
จะทำให้เขามีความสุข
กั่วหยู่ จูเฉินเตา และซีเชิงซิน ก็มีความคิดเช่นเดียวกัน
พวกเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านข้างด้วยความโกรธ
ถ้าวิหารพิทักษ์กฏไม่ให้คำอธิบายที่น่าพอใจกับพวกเขาในวันนี้
พวกเขาจะไม่ยอมจบเรื่องนี้ในวันนี้อย่างแน่นอน
เรื่องที่ชัดเจนที่สุดคือจุดมุ่งหมายที่จะกำจัดหยางเฉิน
เมิงเซียนได้ทดสอบเข็มทิศเหล่านั้นแล้ว และพวกมันก็มีผลเฉพาะกับกระเป๋าจัดเก็บของหยางเฉินเท่านั้น
ไม่ได้มีผลกับกระเป๋าจัดเก็บของคนอื่น
ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านั่นเป็นแผนการที่วางไว้เพื่อสังหารหยางเฉิน
ด้านบนกระเป๋าจัดเก็บมีสัญลักษณ์ปณีตซ่อนไว้
ในอาณาเขตนี้เครื่องหมายแสดงตำแหน่งเหล่านี้ ไว้ใช้เพื่อติดตามตำแหน่งของหยางเฉิน
วิธีการลงสัญลักษณ์นี้เห็นได้ชัดเจนว่าถูกกลั่นสกัดที่พระราชวังหยางบริสุทธิ์
ในพันปีที่ผ่านมาเรื่องเช่นการเล็งเป้าไปที่ศิษย์พระราชวังหยางบริสุทธิ์ไม่เคยเกิดขึ้น
เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่เมิงเซียนจะตกอยู่ในความโกรธ
มีศิษย์ในนิกายต้องการกำจัดศิษย์ในนิกายเดียวกัน
ซึ่งศิษย์คนนั้นมีพรสวรรค์มากที่สุด
แล้วอาจจะทำให้ความหวังของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ได้ถูกยกระดับนิยายขึ้น
พูดให้ถูกนี่ถือเป็นการทรยศต่อนิกายและหักหลังอาจารย์!
เรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นเป็นธรรมดาที่จะต้องให้ประมุขพระราชวังเป็นคนตัดสิน
เมิงเซียนส่งกระบี่บินของเขาเพื่อส่งข้อความให้ประมุขพระราชวัง
และประมุขก็เดินตามมันตรงมาที่ห้องโถงวิหารพิทักษ์กฏ
หลังจากที่เดินไปที่โต๊ะที่วางสิ่งของเหล่านั้น
เขาก็หยิบกระเป๋าจัดเก็บขึ้นมาและส่งพลังจิตวิญญาณของเขาเพื่อตรวจสอบ
มันถูกปรับแต่งและถูกซ่อนเอาไว้อย่างสมบูรณ์
โดยมีสิ่งผิดปกติเพียงเล็กน้อยบริเวณที่คาดเข็มขัดซึ่งถูกผูกไว้กับกระเป๋าจัดเก็บ
ถ้าไม่ใช่เพราะเข็มทิศเหล่านี้
โดยทั่วไปแล้วจะไม่มีใครสังเกตเห็นพื้นที่ตรงนั้นได้
แม้แต่หยางเฉินก็สังเกตเห็นหลังจากที่เขาเดาว่าศัตรูได้จัดเตรียมสิ่งนี้แล้ว
"นี่อาจจะเป็นระดับก่อลำต้น!"
ประมุขพระราชวังกลับมาหนักแน่นอย่างรวดเร็ว
และขมวดคิ้วของเขาราวกลับว่าไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้
"เคล็ดวิชาคุณสมบัติธาตุน้ำ
เป็นเคล็ดวิชาของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ของข้า!"
จากคำพูดของประมุขพระราชวังทำให้จำกัดขอบเขตของผู้ต้องสงสัยไว้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ประมุขพระราชวังจะขมวดคิ้ว
ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่ได้รับการพิจารณาความสามารถว่าเป็นกองกำลังเสริมที่แข็งแกร่งของนิกายถ้าเป็นเช่นนี้
พระราชวังหยางบริสุทธิ๋ต้องสูญเสียนักบ่มเพาะระดับก่อลำต้น
ผู้นำพระราชวังต้องคำนึงเรื่องนี้ให้รอบครอบก่อนที่จะให้คำตอบที่น่าพอใจให้กับหยางเฉิน
ตามเหตุผลเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้น
นักบ่มเพาะระดับก่อลำต้นต้องการอะไรจากศิษย์ชั้นนอกระดับรวบรวมลมปราณ? มันเป็นที่รู้กันดีว่ากระเป๋าจัดเก็บของหยางเฉินถูกส่งมอบให้เขาที่ตำหนักเย่ชิวเมื่อไม่นานมานี้
โดยเฉพาะการที่เขาสามารถเอาชนะซุนไห่จิ้งที่เป็นนักบ่มเพาะรวบรวมลมปราณขั้นสาม
และยังใช้อาวุธเวท
ในเวลานั้นนักบ่มเพาะระดับก่อลำต้นอาจจะเกิดความเกลียดชังต่อเด็กหนุ่มผู้นี้
เขาจึงใช้วิธีดังกล่าวต้องการวางแผนสังหารหยางเฉิน? นี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดอย่างมาก
"ดัวยคุณสมบัติศิษย์สืบทอดชูเฮิงในเวลานั้น
แล้วส่งมอบไปให้ผู้ดูแลตำหนักเย่ชิวหวังหยวน จากหวังหยวนส่งให้หยางเฉิน"
อุปกรณ์ทุกชนิดจากนิกายจะต้องได้รับการจดบันทึกเอาไว้
เมิงเซียนเพียงตรวจสอบไม่นานก่อนหน้านี้หลังจากที่ประมุขพระราชวังเอ่ยถามเขาก็สามารถตอบได้ในทันที
หวังหยวนได้มาที่วิหารพิทักษ์กฏหลังจากที่เขาถูกเมิงเซียนเรียกมา
“ชูเฮิง?”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ประมุขพระราชวังขมวดคิ้วของเขาอีกครั้ง
ใครบ้างไม่รู้ถึงความบาดหมางของหยางเฉินกับชูเฮิง? ถ้าต้องถามว่าใครเป็นผู้ต้องสงสัยที่สุดก็หนีไม่พ้นชูเฮิง
แต่ชูเฮิงเป็นศิษย์ระดับก่อสร้างรากฐาน เขาไม่สามารถปรับแต่งกระเป๋าจัดเก็บได้
ซึ่งหมายความว่ายังมีคนอยู่เบื้องหลังเขา
ผู้ดูแลวิหารรัศมีจันทรากลายเป็นผู้ต้องสงสัยในทันที
เขาเป็นอาจารย์ของชูเฮิงและในเวลาเดียวกันยังเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่มีความสามารถในการปรับแต่งกระเป๋าจัดเก็บได้
หลักฐานข้อใหญ่อีกอย่างคือ
การปรับแต่งด้วยคุณสมบัติธาตุน้ำซึ่งเป็นไปตามข้อสันนิษฐานของประมุขพระราชวัง
"ตามตัวเหลียงเซาหมิงมา!"
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ประมุขพระราชวังก็ตัดสินใจบางอย่าง
และนั่งลงที่ตำแหน่งเจ้าของวิหาร และออกคำสั่งกับเมิงเซียน
ไม่นานเหลียงเซาหมิงก็ปรากฏตัวเบื้องหน้าทุกคน
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงถูกเรียกมาที่วิหารพิทักษ์กฏ
"เหลียงเซาหมิงเจ้าได้ปรับแต่งสิ่งนี้หรือไม่?
ประมุขพระราชวังไม่เอ่ยอารัมภบทใด ๆ ทั้งสิ้นพูดถึงประเด็นในทันที
เมื่อสิ้นสุดคำพูดของเขา กั่วหยู่ก็เข้าประชิดตัวเขาในทันที
แต่หยางเฉินที่อยู่ด้านข้างนางยื่นมือจับแขนดึงนางไว้อย่างรวดเร็ว
แต่แล้วนางก็นึกได้ว่าในที่นี้ยังมีประมุขพระราชวังอยู่จึงยับยั้งตัวเอง
คนอื่นๆก็จ้องมองไปที่เหลียงเซาหมิงด้วยความโกรธเต็มใบหน้าของพวกเขา
แต่ภายในวิหารพิทักษ์กฏไม่มีใครที่จะกล้าใช้อารมณ์ในที่นี้
"ปรับแต่งอะไร?"
ประมุขพระราชวังเอ่ยถามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์และน้ำเสียงธรรมดาราวกับว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องทั่วไป
เขาไม่มีร่องรอยถึงความรุนแรงใดๆ เนื่องจากพวกเขาอยู่ในวิหารพิทักษ์กฏ
"ใช่ ศิษย์ของข้าชูเฮืงได้ขอให้ข้าปรับแต่งมัน
เขาบอกกับข้าว่าเขาเป็นกังวลกับศิษย์ของเขาถ้าเกิดอุบัติเหตุใดกับเมื่อออกไปนอกนิกาย
สิ่งนี้จะช่วยให้เขาสามารถติดตามศิษย์ของเขาได้"
เหลียงเซาหมิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
แท้จริงแล้วตั้งแต่เขาถูกเรียกมาที่นี่เขาคิดว่าเขาทำสิ่งใดผิดไป
หลังจากที่เขาตอบคำถามเขาก็รู้สึกว่ายังมีบางอย่างที่แปลก ๆ
เขาถามด้วยความสงสัยว่า
"กระเป๋าใบนี้มีปัญหาอะไรหรือไม่?"
"เจ้าดูเข็มทิศเหล่านั้น!"
ประมุขพระราชวังไม่เอ่ยอะไรมาก เพียงหันศีรษะของเขาให้เหลียงเซาหมิงไปตรวจสอบเข็มทิศ
เหล่านั้นที่อยู่ถัดจากระเป๋าจัดเก็บ
เหลียงเซาหมิงหันกลับมาและหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่ง
เขาใช้พลังจิตวิญญาณของเขาตรวจสอบในขณะที่พลังจิตวิญญาของเขาส่งเข้าไปในเข็มทิศเขาก็รู้ถึงวิธีใช้เข็มทิศเหล่านั้นในทันที
หลังจากนั้นคิ้วของเหลียงเซาหมิงก็ขมวดย่นทันที
แต่เขาก็ไม่ได้หยุดและตรวจดูทีละชิ้น ในตอนท้ายความเดือดดาลได้ปรากฎบนใบหน้าของเขา
“เขาทำเรื่องเหลวไหลแบบนี้?”
เหลียงเซาหมิงมิใช่คนโง่เขลา
เขาเข้าใจได้อย่างชัดเจนถึงสิ่งที่ตามมาเมื่อเห็นเข็มทิศจำนวนมาก
และเขาเกือบจะคำรามออกมา
"กระเป๋าจัดเก็บนี้เป็นของใคร?"
"มันเป็นของศิษย์เอง อาจารย์ลุงเหลียง!"
หยางเฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างตอบในทันที
เหลียงเซาหมิงเงยหน้าขึ้นมองหยางเฉิน
เมื่อมองหยางเฉินละเอียดแล้วเขาจึงเอ่ยถามว่า
“ทำไมชูเฮิงต้องการสังหารเจ้า?”
"ศิษย์จะทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร?"
หยางเฉินเอ่ยตอบด้วยท่าทีไร้เดียงสา
"ตั้งแต่ตอนที่ศิษย์เข้ามาอยู่ในนิกาย
อาจารย์อาชูไม่เคยมองศิษย์ในแง่ดี!"
นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาทุกคนรู้ แม้หยางเฉินจะไม่พูด
"จะมีความเข้าใจผิดในเรื่องนี้ได้หรือไม่?"
หลังจากที่พูด เหลียงเซาหมิงซึ่งเป็นอาจารย์ของชูเฮิงดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงความโปรดปรานชูเฮงของเขา
"บางทีชูเฮิงอาจจะไม่ทันระวัง และถูกขนอื่นขโมยไป
ข้ารู้ด้วยว่าที่บันไดสวรรค์เจ้าได้ทำให้หลายคนอิจฉา
ถึงแม้ว่าชูเฮิงจะไม่ชอบเจ้าแต่สถานการณ์แย่ถึงขนาดต้องสังหารเจ้าเลยหรือ?"
นี่เป็นการหาข้ออ้างให้ชูเฮิงอย่างเห็นได้ชัด
แต่เขาเป็นผู้ดูแลวิหารรัศมีจันทราของพระราชวังหยางบริสุทธิ์
เขามีอำนาจพอที่จะปกป้องชูเฮิงในบางกรณี
ส่วนใหญ่เอ่ยได้ว่าเขาประมาทและสะกดคำว่าเหตุผลไม่เป็นอย่างไม่น่าเชื่อ
ไม่ว่าอย่างไรชูเฮิงก็ออกจากวิหารไปฝึกซ้อมหลังการแข่งภายในนิกาย
ดังนั้นการสูญเสียสิ่งของจึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไร
ส่วนใหญ่ชูเฮิงจะได้รับชื่อเสียงว่าเป็นคนประมาท
แต่เขาไม่ควรจะได้รับการกล่าวหาเป็นคนร้าย
"ศิษย์ถูกโจมตีสองครั้งตอนเป็นศิษย์นอก ครั้งแรกที่ตำหนักเก้าปฐพี
และครั้งที่สองตอนไปบันไดสวรรค์!"
หยางเฉินไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเหลียงเซาหมิง
และเอ่ยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ชูเฮิงพยายามวางแผนสังหารเขา
"ก่อนชุมนุมที่บันไดสวรรค์ ศิษย์ไม่ได้เป็นที่อิจฉาของคนจำนวนมาก"
ทุกคนเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของหยางเฉิน ยิ่งไปกว่านั้น
ในช่วงเวลาของทั้งสองเรื่องวิหารพิทักษ์กฏได้ใช้กำลังคนเต็มกำลังเพื่อตามหามือสังหาร
สถานการณ์ในตอนนั้นร้ายแรงมาก
ดังนั้นมันจึงยังเป็นความทรงจำที่ชัดเจนของตูเชี่ยน จนกระทั่งทุกวันนี้
คำโต้แย้งของหยางเฉินได้พิสูจน์ว่าการที่เขาถูกลอบสังหารไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับความอิจฉาที่เขาได้รับหลังจากที่ขึ้นไปบนสุดของบันไดสวรรค์
แต่ความคิดของทุกคนถูกชักนำไปยังเหตุการณ์สองครั้งก่อนหน้านั้น
เรื่องนี้ยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้ชูเฮิงเป็นผู้ต้องสงสัยมากยิ่งขึ้น
"จริงๆแล้ว พวกนั้นเป็นการกระทำของศิษย์นอกซุนไห่จิ้ง
ในเวลานั้นเขาก็ออกมายอมรับด้วยปากของเขาเอง!"
เหลียงเซาหมิงไม่มีทีท่าตกใจอะไร
แต่ศิษย์ของเขากำลังจะได้รับข้อหาทำร้ายศิษย์ร่วมสำนัก
เขาจะยินยอมแต่โดยดีได้อย่างไร?
"ศิษย์อยากทราบว่าซุนไห่จิ้งที่มีระดับเพียงรวบรวมลมปราณขั้น 4 ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญปรุงโอสถ หรือ
ความสามารถในการสร้างอุปกรณ์เวทอีกทั้งไม่ได้ร่ำรวย
เขาจะสามารถจ่ายค่าตอบแทนให้กับนักบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้น 7และ8 ได้อย่างไร? เขามีความสัมพันธ์อะไรกับพวกนั้น?"
ในชีวิตก่อนหน้าของหยางเฉิน เหลียงเซาหมิงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่ขายกั่วหยู่
ดังนั้นหยางเฉินจะปล่อยให้เขาหนีได้อย่างไร?
ถึงแม้ว่าเหลียงเซาหมิงไม่ได้ก้าวเข้ามาเกี่ยวข้อง
แต่เขาก็ยังคงจะต่อต้านเหลียงเซาหมิงด้วยความรุนแรงอย่างเท่าเทียมกัน
นอกจากนี้ชูเฮิงน่าจะตายไปนานแล้ว ดังนั้นหยางเฉินจะยอมให้เหลียงเซาหมิงมีทางเลือกอีกหรือ?
คำพูดแต่ละคำที่เอ่ยออกมาเหมือนค้อนทุบลงมาที่ศีรษะ
ไม่มีใครสามารถขัดขวางหยางเฉินได้ แม้ว่าจะมีข้ออ้างอยู่ก็ตาม
ถ้าเหลียงเซาหมิงพูดอะไรผิดหรือพลาดแม้แต่คำเดียว
ก็อาจจะทำให้ข้อกล่าวหาของชูเฮงเป็นจริง
"บางทีซุนไห่จิ้งอาจจะประจบสอพลอเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากชูเฮิง!"
เหลียงเซาหมิงพูดคำเหล่านี้โดยไม่รู้สึกอับอาย
"ภายหลังจากที่ซุนไห่จิ้งเป็นศิษย์ที่เขารู้สึกภูมิใจมากที่สุด
ซุนไห่จิ้งจึงเข้าไปทำความรู้จัก และพยายามหลอกหลวงชูเฮิงตลอดเวลา
มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ชูเฮิงจะไม่รู้เรื่อง"
จากคำพูดทั้งหมดแล้ว ชูเฮิงอาจจะถูกกล่าวหาว่าล้มเหลวในการอบรมลูกศิษย์
แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องในการเป็นผู้บงการ
"หรือบางทีเราอาจจะไม่รู้แน่ชัดได้ว่าแท้จริงแล้ว
ที่เขาได้รับพ่ายแพ้ไปเป็นเพราะความประมาท!"
หยางเฉินได้เปลี่ยนหัวข้ออย่างกะทันหันโดยเอ่ยถึงเรื่องอื่น ๆ
ที่เอ่ยมาแล้ว
"เรื่องทั้งหมดอาจารย์อาเหลียงสามารถเรียกชูเฮิงมาสอบถามเรื่องเหล่านี้ได้หรือไม่?
ถ้าศิษย์พี่ชูเฮิงไม่กล้ามาก็ถือเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าเขาหนีไปเพราะความกลัวที่จะถูกลงโทษ"
"ดี ให้เขามาเผชิญหน้าพูดความจริงกับทุกคน"
เหลียงเซาหมิงพยักหน้า
"ข้าจะส่งข้อความไปให้ชูเฮิง! แต่ข้าต้องขอเวลาอย่างน้อยครึ่งปีถึงหนึ่งปี
ตอนนี้ข้าไม่รู้เขาอยู่ที่ไหน!
ศิษย์หลานหยางได้รับเข็มทิศเหล่านี้มาจากผู้ที่พยายามตามล่าเจ้าหรือไม่? แต่ช่างโชคร้ายที่ศิษย์หลานหยางฆ่าพวกเขาหมด ถ้าเจ้าปล่อยให้รอดบ้าง
มันจะไม่ง่ายกว่าหรือที่จะถามพวกเขา?"
“อืม!”
หยางเฉินตบไปที่หน้าผากของตัวเองและตอแหลเกินจริงด้วยท่าทางรำคาญ
"ถ้าเพียงพวกเขารอดมาบ้างความจริงก็จะได้รับการเปิดเผยทันที!"
"การจับขโมยก็ต้องจับให้เจอสินค้าที่ถูกขโมย!"
เหลียงเซาหมิงกล่าวอย่างเฉยเมย
"ตั้งแต่ที่เจ้ากล่าวหาชูเฮิงเจ้าก็ควรจะมีหลักฐาน
เพียงแค่นี้ทำไมไม่ทำ!"
ขณะที่พูดเขาก็ส่ายศีรษะ แล้วมองไปที่เข็มทิศเหล่านั้นกับกระเป๋าจัดเก็บ
จากนั้นเขาก็หันไปหาประมุขพระราชวัง
เป็นนัยบอกว่าเขาต้องการปกป้องศิษย์ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
"เจ้าเลือกปฏิบัติแต่ศิษย์ของเจ้าได้อย่างไร?"
กั่วหยู่ตะโกนใส่เขา เธอตบไปที่โต๊ะและยืนขึ้น
"ในขณะที่เจ้าต้องการปกป้อศิษย์ของเจ้า ข้าก็ต้องการปกป้องศิษย์ของข้า
ถ้าเจ้าต้องการจัดการชูเฮิงเจ้าก็ต้องมีหลักฐานก่อน!"
มันหมายความว่าเหลียงเซาหมิงไม่ได้เห็นกั่วหยู่อยู่ในสายตา
ดังนั้นเขาจึงโต้กลับไปอย่างดุเดือดและตอกหน้านางในทันที
"พวกเจ้าทุกคนต้องการกำจัดศิษย์ของข้าโดยไม่ให้โอกาสเขา? ไม่มีทาง!"
ใบหน้าของเหลียงเซาหมิงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาไม่หันไปรอบ ๆ
เขาตกอยู่ในความตะลึงงันเมื่อเห็นว่าหยางเฉินหยับร่างที่อ่อนปวกเปียกออกมาจากที่ไหนซักแห่งและโยนมันลงไปที่พื้น
"โชคดีที่ข้าไม่ได้ฆ่าทุกคนในตอนนั้น!"
หยางเฉินพูดด้วยความยินดี
"นี่เป็นหนึ่งในคนที่ตามล่าศิษย์
ท่านประมุขและผู้ดูแลกฏหมิงโปรดตัดสิน!"
ดุเดือดอีกแบบนึงเลยฮะ
ตอบลบ😍😍ขอบคุณครับ😍😍
ตอบลบ