แปลโดย ข้าแปลเจ้าอ่าน
ให้กำลังใจผู้แปลโดยงด การกอปปี้ งดแชร์
แล้วมาอ่านด้วยกันที่ https://imakeuread.blogspot.com/
แล้วมาอ่านด้วยกันที่ https://imakeuread.blogspot.com/
หลังจากฮั่นหลางออกจากองค์กรใหญ่ทั้งห้า เขาหันไปทางถนนที่เล็กแคบ
ไม่มีทางที่เขาจะหันหลังกลับมาได้ ทางเข้าหอคอยทองคำใช้เทคโนโลยีการก้าวกระโดดเชิงพื้นที่
ปัจจุบันเขาไม่มีทางรู้ว่าประตูทางเข้าอยู่ที่ใดและไกลแค่ไหน
และตามข้อมูลที่เขาได้รับจากหุบเหวเดียวดาย ประตูทางเข้าก็เหมือนถนนทิศทางเดียว
แม้ว่าฮั่นหลางจะค้นพบมัน มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหาทางออกไปได้
ถ้าออกจากหอคอยทองคำเป็นเรื่องง่าย แน่นอนว่าหุบเหวเดียวดายคงจะไม่ได้บอกว่า
เขาจะทำการดักทุกคนที่นี่ ตั้งแต่ที่เขาบอกมาเช่นนั้น มันพิสูจน์ให้เห็นว่าเขามีความเชื่อมั่นในโครงสร้างของหอคอยเป็นอย่างมาก
วิธีเดียวที่จะรอดนั่นคือขึ้นไปที่ชั้นที่ 7 และเปิดทางออก
แต่จนถึงขณะนี้ฮั่นหลางยังคงไม่เข้าใจในวิธีการที่จะขึ้นไปยังหอคอย
เขาเดินไปรอบ ๆ แต่เขาก็ยังอยู่ในชั้นแรก
เขาเริ่มได้ยินเสียงประหลาด ๆ มากขึ้น เสียงมันดังอยู่รอบ ๆ ตัวเขา
ฮั่นหลางรู้ว่ามีสัตว์หลายตัวที่นี่ เป้าหมายหลักของพวกมันควรจะเป็นคนจาก
องค์ใหญ่ทั้งห้า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะไม่โจมตีฮั่นหลาง ระบบการป้องกันและการโจมตีของหอคอยทองคำจะไม่เลือกปฏิบัติกับบางคน
ถึงแม้ว่าหุบเหวเดียวดายจะอยู่ที่นี่ เขาก็จะถูกโจมตีด้วยเช่นกัน
ถ้าเขาต้องการที่จะออกไป เขาก็จำเป็นต้องไปที่ชั้นที่เจ็ดเช่นเดียวกัน
ฮั่นหลางแตะนิ้วของเขาบนจันทราทมิฬเพื่อปล่อยสหายของเขาออกมา
จิ้งจอกเงินทำการตรวจสอบสภาพแวดล้อมเช่นนักแกะรอย บลูสตาร์ทำหน้าที่เช่นคนคุ้มกัน
ไข่ดำเป็นเหมือนกองโจร ขณะที่เสี่ยวบ่าวห่อรัดอยู่บนหลังของฮั่นหลาง แม้ว่ามันจะกลัว
มันก็ยังคงพยายามที่จะอยู่อย่างกล้าหาญ
ชูวว ~
จิ้งจอกเงินหายไปในทันที และไม่นานนัก มันก็โผล่ขึ้นมายืนที่ด้านหน้าฮั่นหลางและโบกมือให้สัญญาณว่าปลอดภัย
หลังจากนั้นประมาณ 20 นาทีฮั่นหลางก็ต้องตกใจ
จิ้งจอกเงินดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ มันนำฮั่นหลางไปข้างหน้าโดยไม่พบปะกับศัตรูแม้แต่ตัวเดียว
แม้แต่นักแกะรอยระดับพระเจ้า ก็อาจจะทำไม่ได้เช่นเดียวกับจิ้งจอกเงิน
สิ่งที่ฮั่นหลางไม่ทราบก็คือจิ้งจอกเงินไม่ได้อยู่แค่เพียงคนเดียวเท่านั้น
จิ้งจอกเงินมีพืชจิตวิญญาณเป็นคู่หู ถั่วงอกน้อย ภายในหอคอยทองคำมีพืชเกิดอยู่มากมายและภายใต้อิทธิพลของถั่วงอกน้อย
พืชทุกต้นได้กลายเป็นเพื่อนของฮั่นหลางเช่นกัน
ถั่วงอกน้อยติดตามจิ้งจอกเงินไปอย่างเชื่อฟัง
ตราบเท่าที่จิ้งจอกเงินขยับหางไปด้านหน้ามันก็จะสามารถเห็นถั่วงอกน้อยได้
"เจ้าพูดว่า เราสามารถไปได้ทั้งถนนทางด้านขวาและซ้าย?" จิ้งจอกเงิน ลูบคางและถามออกไป
อืมมม ~
ถั่วงอกน้อยพยักหน้าไม่หยุด
"เราควรเลือกเส้นทางที่ใกล้กับหุบเหวเดียวดายมากที่สุด
เขาต้องรู้วิธีที่จะออกจากที่บ้า ๆ นี้ เราต้องตามเขาให้ทัน" จิ้งจอกเงินคิดและกล่าวออกมา
ช่างเป็นสหายตัวน้อยที่ฉลาดที่เกือบจะเทียบเท่ากับมนุษย์
ขณะนี้จิ้งจอกเงินกำลังสร้างแผนการ และแกนหลักของแผนนี้คือการทำตามหุบเหวเดียวดาย
และไปทุกที่ที่เขาไป
ชูวว ~
ถั่วงอกน้อยชี้ไปทางขวาแสดงให้เห็นว่าเส้นทางนั้นใกล้กับหุบเหวเดียวดาย
หลังจากได้รับข้อมูลที่ถูกต้องแล้วจิ้งจอกเงินโบกมือให้ฮั่นหลางอีกครั้ง
ถ้าเพียงแต่มันจะสามารถสื่อสารกับฮั่นหลางได้เช่นไข่ดำทำกับฮันหลาง มันจะสะดวกมากยิ่งขึ้น
จิ้งจอกเงินไม่เคยอิจฉาไข่ดำสำหรับสิ่งอื่นใด สิ่งเดียวก็คือพวกเขามีความสัมพันธ์ทางจิต
แต่น่าเสียดายที่ไข่ดำหยิ่งเกินไป การเชื่อมต่อทางจิตจึงไม่ได้มีประโยชน์มากนัก
ความภาคภูมิใจของมัน ทำให้มันแตกต่างจากจิ้งจอกเงิน มันไม่ชอบฟังคำสั่งที่มาจากฮั่นหลาง
เนื่องจากทักษะที่เป็นเอกลักษณ์ของจิ้งจอกเงิน ฮั่นหลางจึงประสบความสำเร็จอย่างมากในการเดินผ่านหอคอยทองคำ
แต่ฮั่นหลางรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขารู้สึกว่ามีคนตามเขาและไข่ดำก็ไม่สามารถหยุดการตรวจสอบไปทางด้านหลังเขาได้เช่นกัน
ฮั่นหลางจ้องตาสีทองของมันแล้วถามว่า
"มีคนอยู่ข้างหลังเรา?"
ฮั่นหลางถาม
ไข่ดำพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรอย่างอื่น
"เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเราก็รอเขา" ฮั่นหลางหยุดและพูดออกไป
แน่นอนเงาดำได้พุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็ว เขาเปิดเผยตัวโดยไม่ได้พยายามที่จะซ่อนตัวจริง
ๆ
"อ่า ข้ามาช้าอีกแล้ว!" ชายคนนี้พูดกับฮั่นหลาง
เอ่อ ..
ฮั่นหลางพูดไม่ออก มันเป็นอาจารย์ของป่าคำราม คนที่ชอบพูดขี้โม้ตลอดทั้งวัน
ไหวลาดดาว
"ทำไม เจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?"
ฮั่นหลางถาม
ไหวลาดดาวตบหน้าอกของเขาและพูดว่า "เหล่าสมองขององค์กรใหญ่ทั้งห้ารวมทั้งเจ้าและหุบเหวเดียวดายจากเผ่าพันธุ์ทองคำทั้งหมดต่างมารวมกันที่นี่
ข้าจะพลาดงานสำคัญเช่นนี้ได้อย่างไร?"
"หุบเหวเดียวดาย เชิญเจ้าด้วยเหรอ?" ฮั่นหลางถาม
"ไม่ เขาอาจจะลืม .. มันก็โอเค ข้าควรที่จะให้อภัยเขา!" ไหวลาดดาวพูดออกไป
ฮั่นหลางขมวดคิ้ว เขาหมายถึงหุบเหวเดียวดายลืมอะไร หุบเหวเดียวดายอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไหวลาดดาวเป็นใคร
ไหวลาดดาวกล่าวโดยไม่คิดว่า "ตอนนี้ข้าอยู่ที่นี่แล้ว ดังนั้นเจ้าจึงปลอดภัย
..ไม่ต้องกังวลตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ ข้าก็สามารถพาเจ้าออกจากหอคอยทองคำ ถ้าหุบเหวเดียวดายกำหนดเป้าหมายเป็นเจ้า
ข้าจะจัดการเขา!"
ฮั่นหลางคิดกับตัวเองว่า 'เจ้า? เจ้าสามารถจัดการพวกเขาได้หรือไม่?
ลูชุ่ยชิวหลิน อาจจะไม่ได้พูดอะไรแบบนั้น แต่ถ้าเจ้าเป็นอาจารย์ของ
ป่าคำราม ข้าก็จะฟังและพยักหน้าเห็นด้วย'
พรึบ ~
ไหวลาดดาวโยนชายร่างเล็กลงไปบนพื้นและชี้ไปที่เขา "องค์กรใหญ่ทั้งห้าไม่ใช่คนดี
พวกเขาได้จ้างฆาตกรที่โหดเหี้ยมที่สุดเพื่อให้ติดตามเจ้าและกำจัดเจ้า โชคดีที่ข้าอยู่ที่นี่
ข้าจึงจับเขามาได้ มิฉะนั้นเจ้าก็จะถูกฆ่าตาย"
ฮั่นหลางรู้สึกตกใจ เขามองไปที่คนที่อยู่บนพื้นดินที่ถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา
ใบหน้าของเขาถูกปกคลุมจนเหลือเพียงลูกตาสองข้างเท่านั้น
เขาจ้องมองฮั่นหลางด้วยสายตาที่ดูเศร้าและไม่มีความโกรธในแววตา
"องค์กรเหล่าเทพเจ้า ได้ส่งมือลอบสังหาร?" ฮั่นหลางเห็นสัญลักษณ์บนเกราะของชายคนนั้นและดึงลูกบอลพลังงานออกจากปากของเขา
"ลูชุ่ยชิวหลิน ต้องการจะฆ่าข้า?"
ฮั่นหลางถามขึ้น
ไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าคน ๆ นี้จะเรียกชื่อของฮั่นหลางออกมาในขณะที่เขาร้องไห้
"อะไร..เจ้าคือเจียนเจีย?!"
ฮั่นหลางรู้สึกตกใจกับเสียงที่คุ้นเคย
อืมมม!
เจียนเจียพยักหน้า
ฮั่นหลางหลุดชื่อเจียนเจียออกมา เขากล่าวโทษไหวลาดดาวในใจของเขา
ฆาตกรที่ร้ายกาจที่สุด? เห็นได้ชัดว่าเจียนเจียตามข้ามา แต่เจ้าเพิ่งตัดสินใจจับเธอและผูกมัดเธอไว้
แม้ว่าฮั่นหลางจะคิดอย่างนี้ เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรกับไหวลาดดาวได้
เขาเป็นอาจารย์ของป่าคำราม เขาจะไม่ได้รับประโยชน์จากการที่ทำให้ไหวลาดดาวอาย และไหวลาดดาวก็อาจจะหวังดีจริง
ๆ เขาอาจจะไม่รู้ว่าเจียนเจียเป็นอย่างไร ดังนั้นเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอเป็นคนดีหรือไม่
ฮั่นหลางเช็ดน้ำตาของเจียนเจีย แล้วกล่าวว่า
"อย่าร้องไห้ตอนนี้เจ้าปลอดภัยแล้ว"
"ใครบอกว่าข้าร้องไห้ ???"
แม้ว่าเจียนเจียจะคิดถึงฮั่นหลาง แต่เธอยังคงปากแข็งอยู่
"แต่น้ำตาของเจ้า ... "
"ลมพัดเข้าตาข้า!!"
"ไม่มีลมที่นี่... "
"ถ้าข้าบอกว่ามี มันก็มี!"
ฮั่นหลางรู้สึกเสียใจ นิสัยของเจียนเจียได้ถูกทำลายโดยปู่และพ่อของเธอ เธอไม่มีเหตุผลอย่างสมบูรณ์
"เจ้ามาที่นี่ทำไม?" ฮั่นหลางถามเธอ
"ข้าย่อมตามคุณปู่ของข้ามาที่นี่ เจ้าคงจะไม่คิดว่าข้ามาที่นี่เพื่อตามหาเจ้า?" เจียนเจียกล่าวออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
ฮั่นหลางพูดออกไปอย่างจริงจังว่า "ถ้าเจ้าตามคุณปู่ของเจ้ามาที่นี่ เจ้าควรตามเขา
สถานที่นี้อันตรายจริง ๆ"
"เจ้า!!" เจียนเจียรู้สึกโกรธมากจนไม่สามารถหาคำอื่นได้
เธอมาที่นี่เพื่อมาหาฮั่นหลาง ด้วยความรักของเธอ แต่ฮั่นหลางไม่ได้พูดอะไรกับเธอ
ตอนนั้นจิ้งจอกเงินก็สังเกตเห็นว่าฮั่นหลางไม่ติดตามมันมา ดังนั้นมันจึงย้อนหลังกลับมา
เมื่อเขาเห็นว่าไหวลาดดาวก็อยู่ที่นั่น จิ้งจอกเงินก็โบกมือให้อย่างตื่นเต้น
ฮั่นหลางคิดว่าจิ้งจอกเงินกำลังโบกมือให้เขา ดังนั้นเขาจึงไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
"แกะรอยต่อไป เราต้องดำเนินปฏิบัติตามหุบเหวเดียวดาย
เพื่อที่เราจะได้ออกไปโดยเร็วที่สุด" ฮั่นหลางบอกกับจิ้งจอกเงิน
ชูวว ~
จิ้งจอกเงินพยักหน้าและทำภารกิจของมันต่อ จากที่ไกลออกไปเสียงของการต่อสู้ที่รุนแรงและเสียงคำรามของสัตว์มากมายดังออกมา
ฮั่นหลางเงยหน้าขึ้นและพูดว่า "มันอาจจะเป็นฝูงสัตว์ที่โจมตีคุณปู่ของเจ้า
อย่าไปที่นั่นในตอนนี้ เพียงทำตามข้า ข้าหวังว่าปู่ของเจ้าจะปลอดภัย"
เจียนเจียกล่าวโดยคิดว่า "ปู่ของข้าจะสบายดี แค่ดูแลตัวเองก่อน"
"นั่นดีที่สุด ไปกันเถอะ"
ฮั่นหลางโบกมือและพาทุกคนไปตามทางที่จิ้งจอกเงินนำทาง
ฮั่นหลางได้จัดตั้งทีมเล็ก ๆ ขึ้นมาโดยเฉพาะ แต่คุณภาพของทีมก็ค่อนข้างน่าสงสัย
นอกจากบลูสตาร์และจิ้งจอกเงินที่น่าเชื่อถือ ไข่ดำก็หยิ่งเกินไป
เสี่ยวบ่าว กลัวเกินไป ไหวลาดดาวโอ้อวดมากเกินไปและเจียนเจียเป็นหญิงสาวที่ทำตัวเหมือนเจ้าหญิงมากเกินไป
ฮั่นหลางส่ายหัว เสี่ยวบ่าว ไหวลาดดาวและเจียนเจียอ่อนแอเกินไป
พวกเขาทั้งหมดจำเป็นต้องได้รับการคุ้มครอง และไข่ดำ... เอาเถอะมันก็คือไข่ดำ
"พวกเจ้าตามหลังข้ามา บลูสตาร์จะอยู่ข้างหลังพวกเราทุกคน"
ฮั่นหลางกล่าวกับเจียนเจียและไหวลาดดาว
จากนั้นเขาก็ตบเบาๆ ที่หัวของบลูสตาร์ เครื่องป้องกันโลหะที่ทึ่มแต่จงรักภักดีวิ่งไปอยู่ท้ายของของทีมนี้และเข้ารับหน้าที่ดูแลความปลอดภัย
"เจ้าเป็นห่วงว่าข้าจะเป็นภาระกับเจ้า?" เจียนเจียทำตัวเป็นเด็กและถามออกไปด้วยความโกรธ
"ไม่ ข้าไม่อยากให้เจ้าเจ็บ" ฮั่นหลางพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ฮั่นหลางพูดออกมาอย่างจริงใจและเอาใจใส่ มันทำให้เจียนเจียตกใจมาก
ไหวลาดดาวเป็นคนที่น่าหงุดหงิดเช่นกัน เขาเริ่มพูดถึงพลังของเขาและเขาจะทำให้หุบเหวเดียวดายคุกเข่าลงและขอร้องเขาเพื่อขอความเมตตา
แต่แน่นอนฮั่นหลางไม่ได้พูดอะไรออกไปอย่างอย่างจริงจัง
ชูวว ~
จิ้งจอกเงินนั้นเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว มันก็เกือบจะเหมือนเขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคิด
เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีสัตว์มากมายมารวมตัวกัน
มีอยู่หลายครั้งที่สัตว์กลุ่มเล็กจะวิ่งเข้ามาหาฮั่นหลาง
แต่เมื่อไข่ดำจ้องตาพวกมันด้วยดวงตาสีทองของมัน พวกมันเหล่านั้นก็วิ่งหนีไปในทันที
ฮั่นหลางสังเกตและตระหนักว่า สัตว์ในชั้นแรกของหอคอยเป็นสัตว์ดาวธรรมดา
ฮั่นหลางฆ่าพวกมันเป็นจำนวนมากในสมัยก่อนที่เขาจะกลายเป็นขุนศึก
บางทีอาจเป็นเพราะชั้นแรกของหอคอยมีระดับต่ำสุดและนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกมันจึงกลัวไข่ดำ
แต่ฮั่นหลางพบปัญหาอีกอย่างหนึ่ง
มีสัตว์มากมายที่เริ่มวิ่งเข้าหาเขาบ่อยขึ้น
แม้ว่าไข่ดำจะแข็งแกร่งพอ ที่เมื่อสัตว์เห็นมันก่อนที่พวกมันจะหลบหนีไป
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า พวกมันทุกตัวจะวิ่งหนีไป
ตามการคาดการณ์ของฮั่นหลาง เกี่ยวกับหอคอยทองคำควรจะมีชุดของกฎตรรกะ
ใครก็ตามที่แข็งแกร่งที่สุดในหอคอยทองคำ สัตว์เหล่านั้นจะทำร้ายพวกมันก่อน
เขาไม่แน่ใจว่าทำไม ที่สัตว์ในหอคอยถึงคิดว่าฮั่นหลางเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อพวกมัน
และนั่นคือเหตุผลที่ฮั่นหลางเริ่มดึงดูดสัตว์มากขึ้นเรื่อย ๆ
และเห็นสถานะปัจจุบันของจิ้งจอกเงิน ดูเหมือนว่ามันจะนำทางได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ
แน่นอนว่ามันเป็นสัญญาณที่ไม่ดี นี่เป็นเพียงแค่ชั้นแรกที่เต็มไปด้วยเหล่าสัตว์ระดับต่ำกว่ากลัวไข่ดำที่มีสายเลือดในระดับสูงสุด
แต่เมื่อพวกเขาเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง ชั้นสามหรือสูงกว่า อะไรจะเกิดขึ้น?
สัตว์ที่มีระดับสูงเหล่านี้จะไม่หลบหนีจากการจ้องมองของไข่ดำ พวกมันก็ยังคงโจมตีฮั่นหลางและลูกทีมของเขา
ฮั่นหลางเริ่มคิดย้อนกลับไป เมื่อจำนวนสัตว์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เขาพบกับเจียนเจียและไหวลาดดาว อาจเป็นเพราะพวกเขา? นั่นเป็นเหตุผลที่ทีมของฮั่นหลางกลายเป็นเป้าหมายที่สำคัญสำหรับสัตว์เหล่านี้?
"ไม่มีทาง"
ฮั่นหลางส่ายหัว เขาปฏิเสธความเป็นไปได้นี้ เขารู้จักเจียนเจียดีมาก เธอสามารถต่อสู้
แต่เธอก็ไม่มีอะไรที่เทียบกับเขาได้
และสำหรับไหวลาดดาว นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย
เขาไม่ได้มีชื่อเสียงในเรื่องของพลัง แต่เขามีชื่อเสียงในเรื่องของความหน้าด้านและนิสัยที่ชอบขี้โม้
"โอ้พวกมันวิ่งหนีอีกแล้ว? ข้ารอที่จะหวดเพื่อฆ่าพวกมัน แต่สัตว์ประหลาดเหล่านี้กลับไม่โจมตี ช่างน่ากลัวจริง
ๆ!" ไหวลาดดาวบ่นอยู่ด้านหลังฮั่นหลาง แน่นอนเขาไม่ได้มีท่าทีของผู้เชี่ยวชาญ
นี่เป็นการยืนยันความเชื่อของฮั่นหลางว่าเขาไม่ใช่เหตุผลที่ดึงดูดสัตว์ให้เข้ามามากขึ้นเรื่อย
ๆ
"มันอาจจะเป็นจิ้งจอกเงินและไข่ดำ พวกมันมีพลังมากหรืออาจเป็นเพราะข้าได้เรียนรู้เกี่ยวกับจิตวิญญาณ"
ฮั่นหลางคิดถึงเรื่องนี้และตัดสินใจที่จะให้เหตุผลกับตัวเอง
จิ้งจอกเงินสามารถหาทางเข้าสู่ชั้นที่สองได้ มันเป็นลานสีทองและมีบันไดวนอยู่บนแท่น
อาจเป็นระบบการขนส่งเชิงพื้นที่แบบสัมผัสบางประเภท
ชูวว ~
จิ้งจอกเงินใช้อุ้งมือของมันเกาหัว มันคิดว่ามันโชคดีมากเพราะสัตว์หลายตัวที่กำลังตามมาจนถึงที่นี่
เห็นได้จากเงาดำที่กำลังเข้ามาใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
โอ้ววว ~
ไข่สีดำหงุดหงิด คำรามออกมาจนทำให้ฝูงสัตว์ร้ายที่อยู่ห่างออกไปราว ๆสิบเมตรหวาดกลัว
แต่อย่างรวดเร็วพวกมันดูเหมือนจะถูกดึงดูดโดยกองกำลังลึกลับบางอย่างและยังคงเข้ามาใกล้
ๆ พวกเขา
หนึ่ง สอง สาม
ฮั่นหลางมองไปรอบ ๆ ตัวเขาภายในระยะเวลาสั้น ๆ
มีสัตว์หลายหมื่นตัวเข้ามาหาเขา อะไรที่ดึงดูดพวกมัน?
"ปล่อยมันไป!" ฮั่นหลางกล่าวออกมาด้วยเสียงต่ำ
เจียนเจีย พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง ในขณะนี้เธอหมดเวลาที่จะล้อเล่น เธอเป็นนักรบที่ยอดเยี่ยมดังนั้นเธอจึงรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
"พวกเจ้าไปก่อน ข้าจะส่งสัญญาณให้คุณปู่ของเจ้าก่อน!"
ฮั่นหลางพูดปราศจากการลังเล
"งั้นข้าไปก่อน!"
ราชาแห่งการโม้ซึ่งบอกว่าเขาจะฆ่าหุบเหวเดียวดาย กลับเป็นคนแรกที่กระโดดขึ้นไปบนบันไดสีทอง
ชูวว ~
แสงสีทองส่องลงบนร่างของเขาและเขาก็หายตัวไปในอากาศบาง ๆ ในวินาทีถัดไป
ชูวว ~
ชูวว ~
แล้วเจียนเจีย จิ้งจอกเงิน บลูสตาร์ ทั้งหมดก็ถูกย้ายไปโดยรัศมีแสงสีทอง
มีเพียงฮั่นหลางและเสี่ยวบ่าวที่อยู่บนหลังและไข่ดำที่ไม่เคยฟังคำสั่งของฮั่นหลาง
ฮั่นหลางมองลงไปและเดินขึ้นบันไดสีทองในขณะนี้สัตว์ทุกตัวก็วิ่งเข้าหาเขาอย่างกับพายุเฮอริเคน
แสงสีทองเปิดออกมา หลังจากฮั่นหลางทิ้งสัญญาณควัน ในตอนนี้ ฝูงสัตว์อยู่ห่างจากตัวเขาไม่ถึง
100 เมตรและทุกตัวก็ดูโกรธแค้น
"นี่เป็นเรื่องแปลก พวกมันจะจู่โจมข้า?” ฮั่นหลานกัดฟันและถามออกไปอย่างสับสน
เขารู้อย่างชัดเจนว่าถึงแม้ว่าเขาจะพึ่งพาทักษะของจิ้งจอกเงินเพื่อก้าวไปสู่ชั้นแรกของหอคอยทองคำโดยไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่รอยเดียว
แต่ความโชคดีของเขาอาจจะจบสิ้นลง ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น