แปลโดย ข้าแปลเจ้าอ่าน
ให้กำลังใจผู้แปลโดยงด การกอปปี้ งดแชร์
แล้วมาอ่านด้วยกันที่ https://imakeuread.blogspot.com/
แล้วมาอ่านด้วยกันที่ https://imakeuread.blogspot.com/
แปะ แปะ แปะ ~
เสียงปรบมือดังออกมาจากห้องโถง ฮั่นหลางหันไปทางต้นเสียง
และเห็นเฉินเทียงพ่อบ้านคนสำคัญของหลี่เซียง
มีข่าวลือว่าเฉินเทียงไม่มีพลังพิเศษและเขาก็ไม่ได้เข้าร่วมทีมนักล่าเพื่อทำภารกิจ
แต่เขากลับมาถึงที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ก่อนคนอื่น
ฮั่นหลางยังจำได้ว่าเมื่อตอนที่ทีมนักล่ากำลังออกเดินทาง เฉินเทียงยังกล่าวคำอำลาและยืนส่งราชาของเขา
แต่เขากลับมาถึงที่นี่ก่อนทีมนักล่า
ฮั่นหลางยังรู้จักชายอีกคนหนึ่ง เขาเป็นชายหัวล้านและตาบอดที่เฝ้าวิหารของราชาเทพเจ้า
ฮั่นหลางขมวดคิ้ว การสู้รบในวันนี้เป็นเรื่องแปลกอย่างแท้จริง
ทุกคนจากโลกรังผึ้งดูเหมือนจะมารวมตัวกันที่นี่
เฉินเทียงและชายตาบอดหัวล้านดูเหมือนจะไม่มีท่าทีเกรงกลัวอะไร
ทั้งสองคนแทบจะไม่ได้มองมาที่ฮั่นหลางที่กำลังรู้สึกแปลกใจ
เมื่อไม่กี่วันก่อนเฉินเทียงได้ลอบติดตามฮั่นหลางไปรอบ ๆ เมือง
"เฉินเทียงทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ทำไมถึงมาอยู่กับชายตาบอด?" หลี่เซียงถามออกไปด้วยเสียงทุ้มต่ำ
แม้ว่าหลี่เซียงและเฟิงหว่านโจวจะไม่สามารถทำอะไรได้
แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ ทั้งสองคนเกลียดชายหัวโล้นคนตาบอดอย่างเข้าไส้
เฉินเทียงยิ้มและลุกขึ้นยืน
"ข้าจะพลาดงานปาร์ตี้ที่มีชีวิตชีวานี้ได้อย่างไร?"
“หลี่เซียง เจ้าโง่
เจ้าไม่ตระหนักถึงความแปลกประหลาดของสถานการณ์นี้หรืออย่างไร? เจ้าจำได้หรือไม่ว่าใครที่เล่าให้เจ้าฟังเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง
ๆ ของเฟิงหว่านโจว?"
หลี่เซียงชะงัก ความรู้สึกของเขาราวกับถูกแช่แข็ง "มันคือเจ้า"
เขาตอบออกไป
"ใครบอกเจ้าเกี่ยวกับสมบัติของราชาเทพเจ้า?"
"เจ้า"
"ใครแนะนำให้เจ้าไปบอกให้เฟิงหว่านโจวเข้าสู่ทีมสำรวจ?"
"เป็นเจ้า"
หลังจากตอบคำถามของเฉินเทียง อาการหลี่เซียงเริ่มแย่ลง
ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่าการตัดสินใจที่สำคัญทั้งหมดที่เขาทำในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทั้งหมดอยู่ภายใต้อิทธิพลของเฉินเทียง
เขาเป็นเพียงหุ่นเชิดของเฉินเทียง!
แต่ยังคงมีคำถามของเฉินเทียงที่ถามต่อมาว่า "ใครบอกเจ้าเกี่ยวกับ
สัตว์จิตวิญญาณที่ฮั่นหลางนำมา?"
"สัตว์จิตวิญญาณไม่เคยเข้าไปใกล้กำแพงถอนหายใจ
ทำไมมันถึงแตกต่างกันกับในครั้งนี้ ทำไมสัตว์จิตวิญญาณถึงวิ่งมาที่กำแพงถอนหายใจในขณะที่พวกเจ้ามาที่นั่น
เจ้าคิดเกี่ยวกับคำถามเหล่านี้หรือไม่"
"เจ้าหลอกข้ามาตลอดเวลาอย่างงั้นหรอกหรือ?" หลี่เซียงชี้ไปที่เฉินเทียงและตะโกนออกไป
เฉินเทียงหัวเราะอย่างเย็นชาและพูดว่า "หลอกเจ้า? ข้าจะถือว่ามันเป็นคำชมเชยสำหรับสติปัญญาของเจ้า"
ในเวลานี้เฒ่าหัวล้านพูดออกมาว่า
"เฉินเทียงเจ้าเป็นคนที่ได้รับเลือกให้เป็นราชาของสมาคมคนต่อไป..เจ้าควรจะให้บทเรียนใครบางคนที่กำลังจะตายเหล่านี้"
เฉินเทียงคำนับเฒ่าหัวล้านและพูดออกมาด้วยเสียงต่ำว่า "รับทราบ
ท่านพูดถูก ข้าเพียงแค่รู้สึกหงุดหงิดกับหลี่เซียง หลังจากที่ข้าต้องเป็นทาสของเขามาหลายปี
ข้าจะให้บทเรียนกับเขา"
"ตาแก่ เจ้าเป็นใคร?" เฟิงหว่านโจวอดที่จะถามออกไปไม่ได้ หลังจากที่เขาครุ่งคิดถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ครู่หนึ่ง
ชายตาบอดยิ้มเล็กน้อยและตอบว่า
"พวกเจ้ากำลังยืนอยู่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าเคยสร้างมา
แล้วเจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร?"
"เจ้าเป็นราชาเทพเจ้า!" เฟิงหว่านโจวชะงักก่อนกล่าวออกไปว่า
"เป็นไปไม่ได้ ราชาฮาร์วีย์เสียชีวิตเมื่อหลายปีก่อน
ไม่มีทางที่เจ้าจะเป็นราชาเทพเจ้า!"
ชายตาบอดพูดออกไปโดยไม่หยุดชะงักว่า "ถ้าข้าตาย
ข้าจะปกป้องความลับอันใหญ่นี้ได้อย่างไร?"
"กลับมา ข้ามาที่โลกรังผึ้งคนเดียว
และพบทางเข้าจากโลกรังผึ้งเพื่อไปเมืองจิตวิญญาณ นี่คือที่ที่ข้าประสบความสำเร็จสูงสุดและความมั่งคั่งในชีวิตของข้า"
"โชคร้าย หลังจากนั้นก็มีนักรบมาที่มาโลกรังผึ้งมากขึ้นเรื่อย
ๆ"
“ตอนแรกข้าฆ่าพวกเขาทั้งหมด..แต่ข้ารู้ว่า ไม่มีทางที่ข้าจะฆ่าทุกคนได้
ดังนั้น ข้าจึงตัดสินใจที่จะหลอกทุกคนว่าข้าตาย และทำการควบคุมสิ่งต่าง ๆ จากที่มืด"
"มันไม่สำคัญว่านักล่าเหล่านั้นสร้างปัญหาวุ่นวายขนาดไหน
หรือจำนวนสัตว์จิตวิญญาณที่พวกเขาสามารถฆ่าได้ ข้าไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย..สิ่งที่สำคัญคือต้องไม่มีใครแตะต้องสิ่งที่ข้าฝังไว้ใต้พีรามิดเพชร"
"หลังจากหลายปีที่ผ่านมา โลกรังผึ้งและเมืองจิตวิญญาณไม่ได้แข็งแกร่ง
เมื่อใดก็ตามที่เมืองจิตวิญญาณได้รับพลังอำนาจบางอย่างจะมีโศกนาฏกรรมอยู่เสมอและพวกเขาต้องถูกควบคุมโดยข้า"
สิ่งที่ข้าต้องการคือความสมดุล ข้าสามารถยกตัวอย่างให้เข้าใจได้ง่ายเช่น
เจ้าและเฟิงหว่านโจวเป็นสองนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกรังผึ้ง ถ้าเจ้าทั้งสองและนักล่าทั้ง
200 คนในทีมตาย เมืองจิตวิญญาณก็จะสูญเสียความแข็งแกร่งมากที่สุด
ในอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้าก็จะไม่มีใครที่จะเป็นภัยคุกคามต่อความลับนี้ของข้า
"หลังจากนั้นอีกร้อยปีข้างหน้า หากเกิดสถานการณ์เช่นนี้อีกครั้ง
ข้าก็จะใช้สมบัติของราชาเทพเจ้าเป็นเหยื่อล่อ เพื่อนำนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองจิตวิญญาณเข้าสู่พีระมิด
ข้าจะฆ่าพวกมันทั้งหมดและคืนความสงบได้อีกร้อยปี"
"มันจะเป็นวัฏจักร..เมืองจิตวิญญาณจะไม่มีวันแข็งแกร่ง
ความลับของข้าก็จะปลอดภัยตลอดไป สมบัติของราชาเทพเจ้าก็จะดำรงอยู่ได้
มันก็จะไม่เป็นของใคร"
ทุกคนต่างหายใจไม่ออก ช่างเป็นแผนการณ์ที่ร้ายกาจ!
เพื่อปกป้องความลับของเขา ราชาฮาร์วีย์แกล้งทำเป็นคนบ้า
โดยที่ไม่มีใครรู้ถึงความร้ายกาจภายในตัวเขา
กลุ่มนักล่าในเมืองจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งได้ถูกฆ่าตายในลักษณะนี้โดยราชาฮาร์วีย์
หลี่เซียงตะโกนออกไปด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด "ตาแก่
ข้าไม่เชื่อในสิ่งที่เจ้าพูด อย่าลืมว่า พวกเจ้ามีเพียงสองคนและพวกเรามีถึงห้าคน!"
หลังจากได้ยินคำพูดของเขา เฟิงหว่านโจวก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
สำหรับเฟิงหว่านโจวการฆ่าหลี่เซียงเป็นสิ่งสำคัญ แต่เพื่อความอยู่รอด
เฟิงหว่านโจวดูจะไม่มีทางเลือกอื่น นอกเหนือจากการทำงานร่วมกับหลี่เซียง
บูม ~
ทันใดนั้นสถานการณ์ก็เปลี่ยนไป
ราชาฮาร์วีย์ได้ปรากฏเป็นเงาที่ด้านหลังหลี่เซียง
เขาใช้ดาบรูปเขาสัตว์ตัดคอหลี่เซียงอย่างเงียบเชียบ
เลือดพุ่งออกมาเหมือนน้ำพุและห้องโถงเต็มไปด้วยกลิ่นเลือด
ราชาฮาร์วีย์ได้ขยับดาบเลือดและพูดว่า
"เหลือเพียงสี่คนเท่านั้น"
“หลี่เซียงไม่รู้จักพลังของตัวเอง แม้กระทั่งตอนที่ตาย
เขาไม่เคยรู้เลยว่าพวกเจ้าสี่คน แต่ละคนแข็งแกร่งกว่าเขา
เขามีเกราะคุ้มกันของเทพเจ้า..หากไม่ได้มัน เขาก็ไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ใครได้
แม้แต่อาจารย์ของเขา เฟิงหว่านโจว"
"ตอนนี้ ข้าควรจะฆ่าใครต่อไป?
ลูกเจี๊ยบที่รู้เทคนิคซาตานดูเหมือนจะน่าอร่อย"
ภาพลักษณ์ของราชาฮาร์วีย์น่าขยะแขยง เขาเป็นตาแก่ ร่างผอม
ตาสีขาวเหมือนปลาตาย หัวล้าน เขาใช้จมูกของเขาดมกลิ่นเหมือนหมาป่าตาบอด
แปะ แปะ แปะ ~
เวลานี้ฮั่นหลางตบมือและเขาก็พูดออกมาว่า
"นี่เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ตอนที่ข้าได้พบเจ้าครั้งแรก
เจ้าแนะนำให้ข้านำ เฟิงหว่านโจวเข้าสู่ทีมนั่นเป็นเพราะเจ้าต้องการให้เขาตาย"
"ข้าต้องยอมรับว่า หากเป็นเรื่องของสัตว์จิตวิญญาณ สติปัญญา
และทักษะการหลอกลวงของเจ้า มันนับได้ว่าเจ้าต้องได้รับตำแหน่งอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามการหลอกลวงของเจ้าไม่สมบูรณ์แบบ"
"เจ้ากำลังพูดถึงอะไร?!"
ราชาฮาร์วีย์ตะโกนออกมา
"เจ้าไม่ใช่มนุษย์ หากแต่เป็นสัตว์จิตวิญญาณ"
ฮั่นหลางพูดอย่างสงบ
ทุกคนตกใจ ฮั่นหลางบอกว่าฮาร์วี่ย์เป็นสัตว์จิตวิญญาณ มันไม่สมเหตุสมผล!
เป็นไปได้อย่างไรที่สัตว์จิตวิญญาณจะมีสติปัญญาและทักษะการหลอกลวงที่เยี่ยมยอด? แม้แต่เฟิงหว่านโจวที่ใช้ชีวิตร่วมกับ
สัตว์จิตวิญญาณ ก็ไม่อาจเชื่อคำพูดของฮั่นหลางได้
"ไหนลองบอกเหตุผลข้ามา!" ฮาร์วีย์ตะโกนออกไปด้วยความโกรธ
ฮั่นหลางหัวเราะและพูดว่า "ครั้งแรกที่ข้าได้พบเจ้า
ไข่ดำมันส่งเสียงหอนออกมาราวกับว่ามันได้พบกับศัตรูของมัน ในตอนนั้นข้าก็ยังไม่แน่ใจนัก"
"และเมื่อตอนที่เราได้พบกับสัตว์จิตวิญญาณ
ปฏิกิริยาของไข่ดำก็เหมือนกับปฏิกิริยาเมื่อตอนที่เจอกับเจ้า..แต่ข้าก็ยังไม่แน่ใจ"
"แต่ตอนนี้ข้ามั่นใจ 90% ว่าเจ้าเป็นสัตว์จิตวิญญาณ
เป็นเพราะเจ้าไม่กลัวเขตแดนสิ้นสลายของข้า ซึ่งเป็นพลังพิเศษที่สามารถริบพลังอำนาจของเอสเปอร์ทั้งหมดได้โดยไม่มีข้อยกเว้น
แต่ในขณะที่ข้ายังเปิดใช้งานเขตแดนสิ้นสลาย
เจ้ายังสามารถเปิดใช้การเคลื่อนย้ายมิติเพื่อฆ่าหลี่เซียงได้"
"ตอนนี้ข้าแน่ใจได้แล้วว่า ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร เจ้าต้องไม่ใช่มนุษย์หรือเผ่าพันธุมนุษย์ที่ฉลาดอันใด"
"แล้วข้าก็เริ่มคิดพิจารณาว่า
ทำไมเจ้าถึงสนใจเรื่องลึกลับที่อยู่ใต้พีรามิดแห่งนี้?"
“ถ้ามีสมบัติฝังอยู่ใต้พีรามิด เจ้าก็สามารถเอามันไปได้
เจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่และปกป้องมันมาเป็นเวลานานมากเช่นนี้
และพยายามที่จะซ่อนความลับของเจ้าไว้ มันไม่สมเหตุสมผล"
"บางทีสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้พีรามิดนี้ อาจจะไม่ใช่สมบัติ
แต่เป็นสิ่งที่เจ้าไม่ต้องการให้คนอื่นเห็น สัตว์จิตวิญญาณล้วนต่างมีความภาคภูมิใจ
ข้าคิดว่า เมื่อเรารู้ความลับของเจ้า เจ้าจะรู้สึกอับอาย
ดังนั้นเจ้าจึงต้องปกป้องความลับนี้แม้ว่าเจ้าจะต้องตาย"
"หยุดพูด!" ฮาร์วีย์คำรามออกมา นิ้วมือที่เหี่ยวย่นข่วนไปบนเสาหินอัคนีสีดำ
พวกมันถูกบดขยี้ในทันที
สำหรับเจียนเจีย ลั่วอิ๋ง เฟิงหว่านโจวและเฉินเทียง
พวกเขาทั้งหมดต่างตกใจ!
ราชาฮาร์วีย์นักล่าสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ชายคนแรกที่มาถึงโลกรังผึ้งไม่ใช่มนุษย์
หากแต่เป็นสัตว์จิตวิญญาณ?!
มันเป็นไปได้อย่างไร?
เฟิงหว่านโจวและเจียนเจียต้องการผ่าสมองของฮั่นหลางออกมาเพื่อตรวจดูว่ามีการกลายพันธุ์หรือไม่
เขาถึงสามารถสรุปเรื่องราวได้อย่างน่ากลัว จากรายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้ได้อย่างไร?
ในขณะที่ลั่วอิ๋งกำลังมองไปที่ฮั่นหลางอย่างชื่นชม
เมื่อฮั่นหลางเปิดเผยความลับที่แท้จริงของฮาร์วีย์และทำให้มันรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก
ลั่วอิ๋ง คิดว่าฮั่นหลางดูเจ๋งมาก
"มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด แต่ก็ไม่สำคัญหรอก..เจ้ากำลังจะตายในวันนี้
ไม่มีใครจะเดินหนีออกไปได้!" ราชาจิตวิญญาณฮาร์วีย์โกรธเป็นอย่างมาก
เฟิงหว่านโจวมองไปตามเส้นทางที่อยู่เบื้องหลังเขา...ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น