วิหารได้พังทะลายลงมา
ภาพวาดของเหล่าเทพเจ้าและส่วนกำแพงถูกทำลายแตกหักร่วงหล่นลงมาเหลือไว้เพียงโครงสร้างเท่านั้น
ไม้เลื้อยต่างๆปรากฎขึ้นในทุกๆที่ แมงมุมก็พบเจอได้ในทุกๆมุม
มันเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ผู้คนเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้มีความเกี่ยวโยงกับอัญมณีและสิ่งล้ำค่า
ด้วยเหตุผลนี้ปู่ของหยางซีจึงพาพวกเขามาหลบซ่อนในที่แห่งนี้
ศูนย์กลางที่เขาใช้ในยามฉุกเฉินนั้นก่อให้เกิดความคลางแคลงใจกับคนจำนวนหนึ่ง
ต้นฮวายฉู้สมบัติล้ำค่าที่หยางเฉินขุดเจอก็เติบใหญ่
แล้วเวลานับสิบปีนั้นมากพอทำให้มันเติบโตกลายเป็นต้นไม้ที่เขียวชอุ่มชุ่มฉ่ำ
การไม่สมหวังของเทพภูเขาผู้ที่อยู่ที่ประตูมรณะในตอนนั้น
หยางเฉินมั่นใจเลยว่าทุกคนเชื่ออย่างสนิทใจโดยไม่มีความสงสัยเลยว่าจริงๆแล้วเขานั้นมีหินจิตวิญญาณเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น
แต่การเตรียมเวทย์จิตวิญญาณที่จะใช้จัดการกับหินจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งนั้นเป็นเหมือนการจัดการปัญหาเล็กๆที่มีแต่ความยุ่งยากมากมาย
แต่หยางเฉินเข้าใจดีว่ามันต้องอยู่ภายใต้การป้องกันการรั่วไหลของจิตวิญญาณเพื่อรักษาระดับขั้นของหินจิตวิญญาณ
มากไปกว่านั้นแน่นอนว่าต้องป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นค้นพบ
เชื่อได้อย่างแน่นอนว่าหากไม่ใช่เพื่อหยางเฉิน เทพภูเขาจะไม่โกหกหรือหากว่าหยางเฉินไม่ได้เจอเวทย์จิตวิญญาณที่ถูกเก็บรักษาไว้
โดยทั่วไปแล้วเขาไม่สามารถแยกภาพควันออกและค้นพบกล่องที่ถูกฝั่งไว้ใต้ดิน
มันเป็นกล่องไม้มะค่าสีแดงทั่วไปธรรมดาๆที่หักบิ่น
เมื่อเปิดออกก็พบกับกล่องเหล็กใบเล็กๆอยู่ภายใน แม้ว่าจะหนักแต่สภาพที่ถูกกัดกร่อนตามกาลเวลาทำให้มันดูบอบบาง
เมื่อเปิดฝากล่องเหล็กออกก็พบกับหินจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งที่ส่องแสงเปล่งประกายออกมาจากภายในกล่อง
มันจริงอยู่ที่ว่าภายในนั้นจะมีเพียงหินจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งเท่านั้น
แต่หินจิตวิญญาณเพียงบางส่วนภายในนั้นก็มีค่ามากกว่าหินจิตวิญญาณขั้นต่ำทั่วๆไปสองถึงสามล้านเท่า
หินจิตวิญญาณทั้งเก้าที่ถูกห่อหุ้มอยู่ภายในกล่องนั้นเป็นหินจิตวิญญาณชั้นเยี่ยมที่สามารถบดบังหินจิตวิญญาณคุณภาพดีๆได้อย่างง่ายดาย
หินทุกๆก้อนมีขนาดเท่าๆกันและรูปทรงเหมือนๆกันถูกบรรจงเรียงซ้อนกันอยู่ภายในผลึกโลหะที่สามารถดึงลมหายใจของทุกๆคนที่พบเห็นได้
หยางเฉินร้องถามเสียงดังออกไปอย่างไม่จริงจังว่าหินจิตวิญญาณที่ยังเหลืออยู่เหล่านี้มาจากการสิ้นเนื้อประดาตัวและความผิดหวังของเทพภูเขาหรือ? หลังจากได้ยินคำพูดของเทพภูเขาในตอนแรกหยางเฉินก็ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก
อย่างไรก็แล้วแต่มันก็แค่หินจิตวิญญาณเพียงจำนวนนึงแค่นั้น
หินจิตวิญญาณชั้นเยี่ยมหนึ่งก้อนมีมูลค่าเท่ากับหินจิตวิญญาณชั้นสูงหนึ่งร้อยก้อน
หินจิตวิญญาณชั้นสูงหนึ่งก้อนมีมูลค่าเท่ากับหินจิตวิญญาณชั้นกลางจำนวนหนึ่งร้อยก้อน
หินจิตวิญญาณชั้นกลางจำนวนหนึ่งก้อนมีมูลค่าเท่ากับหินจิตวิญญาณชั้นต่ำหนึ่งร้อยก้อน
อย่างนั้นภายในกล้องนี้มีหินจินจิตวิญญาณชั้นเยี่ยมอยู่จำนวนเก้าก้อนก็เท่ากับว่ามีมูลค่าเท่ากับหินจิตวิญญาณชั้นต่ำเก้าล้านก้อน
หินจิตวิญญาณชั้นต่ำจำนวนเก้าล้านก้อนสามารถซื้อนิกายระดับกลางส่วนใหญ่ได้เลย
นี่คือความยากจนที่ต้องขนานนามว่า “เทพภูเขาผู้ยากจน” หรือ? สิ่งนี่เป็นการแสดงความเจ็บปวดของการไม่เหลืออะไรเลยน่ะหรือ?
ทั้งหมดในชีวิตที่ผ่านมาของหยางเฉินเมื่อรวมกันแล้วยังไม่ได้เท่านี้เลย
แล้วอย่างเขาควรจะเป็นอะไร? ขอทานหรือเปล่า?
การเก็บหินจิตวิญญาณเหล่านี้ได้ไม่รู้ว่าเขาควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
หยางเฉินเก็บหินไว้ในวงแหวนแห่งความสำเร็จ
ในขณะที่เพิ่งจะวางลงไปจู่ๆเขาก็คิดอะไรบางอย่างได้
เขาหยิบกล่องเหล็กขึ้นมาและเริ่มพิจารณากล่องอีกครั้ง
กล่องหีบนี้ถูกฝังอยู่ลึกลงไปมีน้ำหนักมากกว่าหินจิตวิญญาณที่ถูกบรรจุอยู่ภายใน
ก่อนหน้านี้หยางเฉินไม่ได้ให้ความสนใจกับกล่องนี้มากนัก
แต่เมื่อเขาถือมันไว้ในมือก็ค้นพบความน่าอัศจรรย์ของกล่องใบนี้
ภายใต้ร่องรอยของการกัดกร่อนมีร่องรอยของความกระจ่างใสชัดเจนปรากฏขึ้น
หลังจากหยางเฉินมองดูและเริ่มเดาออกเขาก็อยากที่จะประนามเทพภูเขาอย่างยิ่ง
แม้แต่กล่องเหล็กที่บรรจุหินจิตวิญญาณใบนี้ก็ทำมาจากผลึกทองคำฟ้าคราม!
วัตถุที่ถูกกลั่นจากวัสดุคุณภาพชั้นยอดเช่นนี้ต้องใช้โชคเท่าไหรถึงจะพบเจอ
และไม่ได้เกิดจากการค้นหาแต่กลับถูกพบเจอโดยเขาอย่างน่าประหลาดใจ
ช่างน่าเสียใจยิ่งนักหากว่าเขาไม่สังเกตุอย่างละเอียดถี่ถ้วน
หากเพียงแค่เขาหมกหมุ่นอยู่กับหินจิตวิญญาณเหล่านั้น
เขาคงตัดสินใจผิดพลาดไปอย่างแน่นอน
ผลึกทองคำฟ้าครามนี้สามารถแลกเปลี่ยนเป็นหินจิตวิญญาณชั้นเยี่ยมได้มากกว่าในกล่องนับสิบเท่า
แค่หินจิตวิญญาณจำนวนเท่านี้ก็เกินพอที่จะให้หยางเฉินเลื่อนระดับชั้นของเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ
กล่องกระบี่และกระบี่บินที่เขามีอยู่ทั้งหมดอย่างน้อยก็สองขั้น
ตลอดที่ผ่านมาเขายังกล้าที่จะเรียกตัวเองว่าเป็นคนยากจนข้นแค้นอีกหรือ? หยางเฉินพูดอะไรไม่ออกเลยในคราวเเรกเขารับของเหล่านี้ไว้เพียงเพราะเขาเป็นเจ้าของมันแล้ว
และไม่ต้องการให้ของต้องตกไปอยู่กับผู้อื่น
แต่หลังจากได้เห็นหินจิตวิญญาณชั้นเยี่ยมเหล่านั้นแล้ว
ก็รู้สึกว่าโชคชะตาช่างเข้าข้างตนจู่ๆความคิดของเขาก็เปลี่ยนเป็นไม่อยากจะเชื่อว่าก่อนหน้านี้เขาช่างเป็นคนงี่เง่าสิ้นดี
ทันใดนั้นหยางเฉินก็คิดขึ้นได้ว่าการที่เขาเก็บรักษาหีบผลึกทองคำฟ้าครามนี้ไว้
แล้วเกิดมีคนล่วงรู้เข้าจะเป็นเช่นไร?
พวกเขาเหล่านั้นจะมีสีหน้าเช่นไรเมื่อได้เห็น? จะประนามว่าเขาใช้ทรัพยากรอันมีค่าอย่างไม่คุ้มค่าที่สุดหรือจะชักดาบออกมาเพื่อกำจัดเขากัน?
แน่นอนว่านั่นเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก
เมื่อได้หีบมาครอบครองแล้วก็ถึงเวลาที่เขาต้องไปต่อ
ก่อนจะไปหยางเฉินนึกอะไรบ้างอย่างขึ้นได้จึงเดินย้อนกลับไปที่หลุมใหญ่ที่ถูกเจาะ
เขาก้มหัวลงไปดูภายในอีกครั้งหินจิตวิญญาณถูกห่อไว้ภายในหีบผลึกทองคำฟ้าครามแล้วเจ้ากล่องไม้ที่รุ่งริ่งที่ใช้เก็บหีบผลึกทองคำฟ้าครามนั่นหล่ะ
เป็นเพียงแค่หีบไม้ธรรมดาๆจริงเหรอ?
หยางเฉินเอื้อมมือไปหยิบหีบไม้ออกมาและเริ่มพิจารณาอย่างช้าๆ
หีบไม้เก่าๆนี้ถึงแม้ว่าดูเหมือนจะทำขึ้นจากไม้ปกติที่เน่าผุธรรมดาๆ
แต่เขายังไม่ยอมแพ้เขาใช้จิตสำนึกจิตวิญญาณห่อหุ้มรอบๆหีบไม้และเรื่มสำรวจที่ละนิดๆ
ในทุกๆมุมทุกๆรอยแตก
ท้ายที่สุดจิตสำนึกจิตวิญญาณเขาก็สัมผัสถึงพลังจิตวิญญาณได้ในมุมนึงของหีบ
หยางเฉินจับความผิดปกตินี้ได้ก็เริ่มวิเคราะห์อย่างกระตือรือร้น
หน้าของหีบไม้ที่ดูรุ่งริ่งใบนี้มันไม่สามารถแตกหักได้อย่าง่ายดาย
หยางเฉินเริ่มต้นรื้อค้นความทรงจำทั้งหมดที่เขามีขึ้นมาที่ละนิดๆ
หลังจากผ่านไปหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนเต็มก่อนที่จะเข้าวันที่สองหยางเฉินก็ใช้เคล็ดลับวิชาหยินหยางห้าธาตุที่มุมหนึ่งของหีบไม้เวทย์มนต์
ค่อยๆคลอบคลุมลงไปที่หีบที่ละนิดๆและระเบิดลักษณะของเนื้อไม้ที่แท้จริงออกมา
มันดูสดใหม่เหมือนกับเพิ่งถูกตัดออกมาจากต้น
กิ่งก้านที่แผ่กระจายออกมานั้นตรงได้สัดส่วนอย่างสมบูรณ์พอดิบพอดีการวางซ้อนทับถมกันทำให้เกิดหีบไม้ธรรมดาๆ
แต่จู่ๆก็มีพืชเขียวชอุ่มเติบโตขึ้นมาหากถูกฝั่งอยู่ในดินจะสามารถเจริญเติบโตได้สูงมาก
ไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหล! เทพภูเขาผู้นั้นใช้ไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหลทำหีบ
ใบนี้ช่างทำให้ผู้อื่นประหลาดใจแท้ในที่สุดหยางเฉินก็คิดได้ว่า
หากการใช้ผลึกทองคำฟ้าครามในการทำหีบเหล็กนั้นช่างเป็นเรื่องเสียของอย่างไร้ค่า
แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาค้นพบในตอนนี้คือหีบไม้ที่ทำมาจากไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหล
เมื่อเทียบกับหีบผลึกทองคำฟ้าครามนั้นช่างเป็นงานของคนขี้เหนียวจริงๆ
ช่างเป็นเรื่องเสียเปล่า!
เทพภูเขาผู้นี้ช่างเป็นอัจฉริยะในการทำให้เสียของโดยแท้
เทียบกับเมื่อครั้งที่หยางเฉินใช้ผลไม้หยางล้ำเลิศพันปีเป็นอาหารแล้ว
เขาช่างเป็นเหมือนขอทานในชุดมอมแมมที่เดินมาขออาหาร
ภายหน้าหากใครก็ตามในศาลสวรรค์บอกกับเขาว่าตนเองนั้นยากจนข้นแค้นและครึ่งหนึ่งมีชีวิตที่น่าสลดใจ
ให้ตายอย่างไรเขาก็จะไม่มีวันเชื่อ
แค่นี้เขาก็คิดได้แล้วว่าคำที่ว่ายากจนของใครก็ตามจากศาลสวรรค์นั้นเป็นคำพูดที่ช่างเจียมเนื้อเจียมตัว
หากว่าเขาถือคำพูดของคนคนนั้นเป็นจริงเขาก็เป็นคนโง่เขลาเต็มทน
หลังจากหายตกใจหยางเฉินก็ได้แต่หัวเราะอย่างหนักไปรอบๆให้กับความมั่งคั่งที่มีเพียงเขาคนเดียวที่ได้ครอบครอง
แม้แต่อาวุโสหวู่ยังตกเป็นรองเขา
หยางเฉินเก็บของทั้งหมดเข้าไปในวงแหวนแห่งความสำเร็จอย่างจากนั้นก็เริ่มต้นเดินทางมุ่งตรงไปยังพระราชวังหยางบริสุทธิ์
หลังจากผ่านไปสองวันหยางเฉินก็หายจากอาการตกใจ หัวสมองของเขาโล่งขึ้นเขาไม่สามารถทำอะไรได้แล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้
แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะเคยเป็นอมตะทองคำได้พบเจอเล่ห์เหลี่ยมของผู้เชี่ยวชาญระดับสูงจำนวนไม่น้อย
แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับความมั่งคั่งที่ตกเป็นของตนเอง
อา! ไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหลเพียงแค่มีรากไม้ที่หนาสมบูรณ์เพียงแค่นิ้วเดียว
กับการกลั่นแบบธรรมชาติโดยไม่จำเป็นต้องใช้เวทย์ใดๆ
ด้วยคุณสมบัติไม้ที่แข็งแกร่งก็สามารถกลายเป็นกระบี่บินชั้นสูงได้
แต่หากว่าการกลั่นนั้นเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบและใช้การบ่มเพาะที่เหมาะสม
ก็จะกลายเป็นวัตถุชั้นเยี่ยมยอดแบบที่ไม่มีระดับใดมาเทียบได้
แม้แต่ระดับจักรพรรดิหรือแม้แต่ระดับอมตะก็ไม่ใช่ปัญหา
เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณที่ผ่านมาของเขานั้นล้วนเป็นวัตถุขั้นสูงสุด
ในระดับอมตะไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหลที่มีค่านั้นไม่สามารถพบเจอได้ทั่วๆไป
หีบไม้ที่ทำมาจากไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหลที่หน้าเท่าข้อมือนี้ต้องทำมาจากเนื้อไม้ที่หนาเป็นนิ้วๆเท่านั้น
ตั้งแต่ถูกขนานนามว่าไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหล
แน่นอนว่าต้องมีเหตุผลว่าเนื้อไม้ของไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหลนั้นมีส่วนประกอบของความศักสิทธ์
เมื่อมีบางอย่างที่เรียกว่า “วัตถุศักดิ์สิทธิ์”
ก็ไม่จำเป็นต้องบอกแล้วว่ามันมีดีอย่างไรบ้าง
ตั้งแต่หยางเฉินได้สิ่งของน่ามหัศจรรย์เหล่านี้มาครอบครอง เขาก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเหตุใดเทพภูเขาถึงไม่ใช้พวกมันในการกลั่นอาวุธวิเศษมากกว่าทิ้งไว้ให้เขาที่โลกแห่งนิรันดร์
เกี่ยวกับเรื่องนี้เขาได้แต่ตั้งข้อสันนิฐานเบื้องต้นไว้ก่อนว่า
แม้แต่ตัวเทพภูเขาเองก็ไม้รู้ว่านี่คือไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหล
หรือว่าเขากลัวที่จะเก็บรักษาแหวนหยกมีแต่คนที่เคยขึ้นสวรรค์แล้วเท่านั้นที่จะอยากได้ของสิ่งนี้
มันจึงทำให้เขาคิดว่าควรฝังไว้ที่นี่ซะทำเหมือนไม่เคยพบเห็นมาก่อนนับตั้งแต่วันนั้น
แต่ว่าทำไมถึงได้ทิ้งไว้ให้หยางเฉิน
เหตุผลเดียวที่สามารถเป็นไปได้คือการที่หยางเฉินสัญญาว่าจะสังหารใครบางคนในศาลสวรรค์
และอีกเหตุผลหนึ่งที่น่าจะเป็นไปได้คือเทพภูเขาเชื่อว่าหยางเฉินคงไม่ฉลาดพอที่จะรู้ว่ามันมีค่าเพียงไร
ยังเป็นไปได้อีกว่าเทพภูเขาเห็นภาพว่าหยางเฉินต้องรับมือ
กับภัยหายนะเช่นไรหากต้องครอบครองสมบัติล้ำค่าชิ้นใหญ่โดยไม่รู้ถึงมูลค่าของมัน
ดูได้จากแหวนหยกที่ต้องรักษาไว้ มันทำให้แม้แต่ศพของตนยังไม่ถูกฝัง
ถ้าเป็นเช่นนั้นอย่างไรเทพภูเขาก็เป็นเพชรฆาตในศาลสวรรค์ที่เลวร้ายน่ารังเกียจ
ดังนั้นแล้วหยางเฉินก็ไม่รู้สึกเสียใจสักนิดที่ต้องสังหารเขาในช่วงเวลาสุดท้าย
แต่หย่างเฉินก็ยังคงเดาว่าเทพภูเขาไม่รู้และทำว่ามันเป็นเหมือนสมบัติทั่วๆไป
หากว่าเขาอยู่ในจุดเดียวกับเทพภูเขาแล้วรู้ว่าแหวนหยกล้ำค่าที่เก็บรักษาไว้จะนำภัยมาสู่ตน
เขาก็คงยังที่จะเสี่ยงกลั่นมันออกมาเพียงเพราะความแข็งแกร่งเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาเติบโตขึ้นหลังจากที่ได้ลงมือทำ
จะพูดอย่างไรตอนนี้สิ่งของเหล่านี้ก็มาอยุ่ในมือของหยางเฉินแล้ว
ดังนั้นหยางเฉินจะไม่ให้ไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหลเป็นเพียงหีบอย่างแน่นอน
เพราะเขาไม่จำเป็นต้องกลั่นผลึกทองคำฟ้าครามแล้ว
ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเสียเวลาใส่ใจต่อมัน แต่อย่างไรเขาก็รู้สึกว่าจะปล่อยให้ไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหลนี้อยู่อย่างไร้ค่าเช่นนี้ไม่ได้เช่นกัน
มองดูหีบไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหลที่อยู่ตรงหน้ากิ่งก้านนับสิบเริ่มปรากฏออกมาให้เห็นแล้ว
หยางเฉินรื้อกล่องไม้นี้อย่างระมัดระวัง
โชคดีที่มีเพียงเถาวัลย์เท่านั้นที่ผูกรัดโดยรอบๆทำให้ไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหลไม่ได้รับความเสียหาย
หยางเฉินไม่มีระดับการบ่มเพาะที่ชำนาญเพียงพอและเหมาะสมในการกลั่น
แต่สำหรับการเพาะปลูกนั้นไม่น่าจะใช่ปัญหาขวดสวนโอสถ
นั่นน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีและเหมาะสมที่สุดในเวลานี้โดยธรรมดาแล้วสมุนไพรจำนวนมากสามารถเติบโตข้างในนั้นได้
และที่มากไปกว่านั้นตอนอยู่ในหลุมดักเซียนขวดได้ดูดรับพลังจิตวิญญาณไว้มากพอดังนั้นจึงเป็นที่ที่ดีและเหมาะสำหรับลงเพาะปลูก
เมื่อครั้งแรกที่กลั่นขวดสวนโอสถนั้นมีคุณสมบัติเป็นน้ำเท่านั้น
แต่หลังจากผสมผสานกับโลกและปลูกส่วนผสมต่างๆลงไป
มันก็ก่อเกิดระบบนิเวศน์ของโลกใบเล็กๆและคุณสมบัติไม้ขึ้นมา
ถ้าหากว่านับโถงพิทักษ์ของฝาขวดเข้าไป และเพิ่มการเลียนแบบคุณสมบัติของพระอาทิตย์
เหล็กและไฟเข้าไปอย่างละเล็กน้อยคุณสมบัติทั้งห้าก็จะหลอมรวมเข้าด้วยกันและมีอำนาจขึ้น
แต่ถึงแม้ว่าคุณสมบัติทั้งห้าจะหลอมรวมเข้ากันยังไม่สมบูรณ์และอยู่ในช่วงที่ดีพอ
แต่คุณสมบัติน้ำที่สร้างขึ้นนั้น ส่วนใหญ่มาจากการดูดซับพลังจิตวิญญาณธาตุน้ำ
มันจึงเหมือนกับว่าเป็นอาวุธเวทธาตุน้ำ
ก็สามารถสร้างให้เหมือนกับว่าคุณสมบัติน้ำที่มีอยู่นั้นเป็นอาวุธวิเศษ
หยางเฉินเริ่มลงมือปลูกกิ่งไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหลอย่างระมัดระวังลงในพื้นที่ว่าง
หลังจากนั้นก็เริ่มควบคุมพลังจิตวิญญาณในสวนโอสถให้ชุ่มชื้นเพื่อรักษากิ่งไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงนี้
เป็นไปตามที่หยางเฉินคาดการณ์ไว้เพียงแค่เขาเริ่มต้น
พลังจิตวิญญาณระดับสูงในสวนโอสถใช้ในการดูดซับก็ไหลเชี่ยวลงสู่รากของไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหลทั้งสิบ
กิ่งของไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหลนั้นเหมือนบ่อลึกที่ไม่มีก้นบ่อ มันดูดซับพลังจิตวิญญาณทั้งหมดลงไปในหลุมนั้นโดยไม่สนว่าได้รับพลังจิตวิญาณไปมากเพียงไร
มันดูดซับอย่างสมบูรณ์โดยไม่ปล่อยให้เล็ดรอดแม้แต่นิดเดียว
หลังจากที่หยางเฉินเพิ่มพลังจิตวิญญาณลงไปเมื่อตอนเริ่มต้นจากนั้นจนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของหยางเฉินแล้ว
พลังจิตวิญญาณทั้งหมดภายในขวดถูกควบคุมโดยไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหลอย่างสมบูรณ์แบบปราศจากความกังวลใดๆ
วุ่นวายอยู่แต่กับการดูดซับเท่านั้น
ตราบใดที่ยังมีเส้นดายของของเหลวสีฟ้าปรากฏอยู่ในขวดนั้น
มันแสดงให้เห็นว่ามีพลังจิตวิญญาณเพียงพอให้กับสวนโอสถดูดซับนานนับสิบปี
แต่ตอนนี้เส้นด้ายพลังจิตวิญญาณสีฟ้าเหล่านั้นเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว
เหมือนวิ่งลงหายไปในฟองน้ำมีเพียงกิ่งไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหลทั้งสิบเท่านั้นที่ได้รับการบำรุงและฟื้นฟูพลังชีวิต
ที่สำคัญที่สุดคือพลังจิตวิญญาณจำนวนมหาศาลนี้สามารถทำให้ใครก็ตามที่พบเห็นตกตะลึงได้
หยางเฉินยังไม่คิดที่จะใช้หินจิตวิญญาณระดับสูงในตอนนี้
ตราบเท่าที่สถานการณ์พลังจิตวิญญาณยังเพียงพอ หากเมื่อไรที่มันลดลงจนวิกฤตเขาจะใช้หินจิตวิญญาณระดับสูงเหล่านั้นทันทีเพื่อเติ่มพลังจิตวิญญาณให้กับขวดสวนโอสถและไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหล
เป็นธรรมดาที่หินจิตวิญญาณเหล่านี้สมควรที่ต้องเสียสละพลังจิตวิญญาณอย่างคุ้มค่าที่สุด
โชคดีอย่างยิ่งที่สถานการณ์เช่นนั้นยังไม่เกิดขึ้นเมื่อพลังจิตวิญญาณในขวดโอสถถูกใช้ไปสามในสี่ส่วน
หยางเฉินก็เตรียมพร้อมที่จะใส่หินจิตวิญญาณระดับสูงบางส่วนลงไปในขวดสวนโอสถ
ก่อนที่พลังจิตวิญญาณในขวดจะอยู่ในระดับวิกฤตความเร็วของพลังจิตวิญญาณที่ถูกดูดซับก็เริ่มช้าลงเรื่อยๆ
หยางเฉินรู้สึกยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่ง มองดูสิ่งเหล่านี้ซิ! เขาเข้าไปในขวดสวนโอสถและมองดูฉากที่ทำให้เขามีความสุขที่สุด
รากของไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหลทั้งสิบนั้นฝังลึกลงไปในพื้นดินและเริ่มแตกหน่อแตกใบใหม่ออกมา
ไม่มีอะไรจะต้องให้พูดมาก
แน่นอนแล้วว่ารากไม้เหล่านี้กำลังเริ่มเจริญเติบโตอยู่ใต้ดินกิ่งก้านนั้นไม่ใช่หนาแค่ข้อมืออีกต่อไป
แต่ตอนนี้มันหนาได้เท่ากับน่องของคนหนึ่งคนเลยที่สำคัญที่สุด ในตอนนี้รากของไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหลไม่ใช่แค่รากอีกต่อไป
แต่กลายเป็นลำต้นของไม้ใหญ่อย่างสมบูรณ์
กิ่งไม้นั้นสูงมากอย่างน้อยๆก็สี่ฉื่อ
แต่คาดว่าหลังจากนี้มันจะต้องสูงต่อได้อีก กิ่งก้านนั้นโตและตรงอย่างสมบูรณ์แม้แต่ใบอ่อนก็เริ่มแตกหน่อออกมา
ตรงบริเวณยอดและเกิดกิ่งก้านใหม่ๆยื่นออกมา กิ่งของไม้ศักดิ์สิทธิ์เผิงไหลทั้งสิบในตอนนี้
กลายเป็นป่าไม้เทวรูปศักดิ์สิทธิ์เผิงไหลขนาดเล็กๆที่สมบูรณ์แบบแล้ว
ที่รวมกันอยู่ตรงนี้มันสมควรเรียกว่าคุณสมบัติธาตุไม้ การเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้นนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
แต่ไม้ระดับนี้ก็สามารถเริ่มรวบรวมลมปราณครอบคลุมเต็มพื้นที่แล้ว
เมล็ดทับทิมสายฟ้าระดับรวบรวมลมปราณที่หยางเฉินเพาะเลี้ยงไว้ก่อนหน้านี้ถูกละเลยอย่างสมบูรณ์
เมื่อเที่ยบกับไม้ระดับรวบรวมลมปราณเหล่านี้
ไม้ระดับรวบรวมลมปราณต้นแรกเริ่มเจริญเติบโตและท้ายที่สุดก็ขยายไปทั่วทั้งสวนโอสถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายใน
ตามมาด้วยเสียงดังกึงก้องไปทั่วสวนโอสถเริ่มกลับด้านหัวท้ายและสั่นอย่างรุนแรง
ขอบคุณณครับ รอติดตามเรื่องนี้ตลอดคับ
ตอบลบรออย่างจดจ่อ
ตอบลบขอบคุณคะ สนุกมากเลย รอคะ
ตอบลบ