โลก ฐานนาซคา
การหายตัวไปอย่างรวดเร็วของฮั่นหลางและรังไหมเสมือนจริง
ทำให้เกิดความตื่นตระหนก
แน่นอนความตื่นตระหนกนี้เกิดขึ้นในกลุ่มผู้ที่มีอำนาจสูงไม่กี่คน ไม่มีใครกล้าที่จะเผยแพร่ข่าวที่น่าสะพรึงกลัวนี้แก่สาธารณชน
เฒ่าโม้ได้รับเชิญไปที่ห้องประชุมและดูวิดีโอวงจรปิด
“มันเป็นไปได้อย่างไร? หรือว่ารังไหมเสมือนจริงติดตั้งเครื่องยนต์เปลี่ยนสถานะและพาฮั่นหลางไป?"
คลาร์กถามออกไปอย่างกระวนกระวาย
เฒ่าโม้ส่ายหน้า "เป็นไปไม่ได้ การติดตั้งเครื่องยนต์เปลี่ยนสถานะขนาดเล็ก
การเปิดใช้งานของมันจะเป็นการเปิดรูหนอน"
"ข้าเฝ้าดูกล้องวงจรปิดอย่างละเอียด
ไม่มีร่องรอยของการเปิดรูหนอนเทียม อีกอย่างเทคโนโลยีนี้ก็ไม่อนุญาตให้เปิดรูหนอนภายในอาคาร
เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ที่อยู่รอบ ๆ ก็จะถูกดูดเข้าไปได้
และจะก่อให้เกิดผลกระทบที่ยากที่จะจินตนาการได้ แต่ที่นี่ทุกอย่างยังคงเป็นปกติดี”
"เอาง่าย ๆ ถ้ามีคนเปิดรูหนอนที่ฐานนาซคาแล้ว
ฐานนี้ก็จะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป และรูหนอนก็จะพังทะลายไป
เพราะมันดูดวัสดุเข้าไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นมันย่อมไม่ใช่รูหนอนอย่างแน่นอน"
"แล้วมันคืออะไร?" ทาลินขมวดคิ้วและถาม
เฒ่าโม้ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบออกมาว่า
"อาจจะเป็นเทคโนโลยีการย้ายมวลสาร ระหว่างอวกาศที่เราไม่ทราบ
ข้าสังเกตเห็นกระบวนการหายตัวไปของรังไหม และสังเกตเห็นว่าในช่วงเวลาที่มันหายไป ดูเหมือนจะมีการสลายตัวโมเลกุลบางอย่าง"
"ในทางทฤษฎี วัสดุประกอบด้วยอะตอม อนุภาค โมเลกุลเล็ก ๆ
ถ้าเรามีความสามารถในการควบคุมการสลายตัวและการรวมตัวกันใหม่ของสสาร
มันก็จะจะเป็นไปได้ที่จะสลายตัวของดาวเคราะห์แล้วย้ายไปที่อื่นแล้วรวมส่วนประกอบทั้งหมดเข้าด้วยกันและไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใด
ๆ"
"แต่นี่เป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น เท่าที่ข้ารู้ยังไม่มีใครเข้าใจในทฤษฏีนี้
การเคลื่อนที่ของโมเลกุลนั้นซับซ้อนเป็นอย่างมาก แม้แต่อารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงระดับของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนี้ได้"
ทุกคนตกใจและไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาอีก
เฒ่าโม้ถอนหายใจยาวออกมา "ถ้าข้ารู้ว่ามันจะเป็นเช่นนี้
ข้าจะไปกับฮั่นหลาง แต่ตอนนี้ช่วงเวลาของการประชุมได้ผ่านไปแล้ว
ไม่มีใครรู้ได้ว่าฮั่นหลางไปที่ไหนและด้วยวิธีการใดในตอนนี้"
"สิ่งเดียวที่เราสามารถทำได้คือรอ เพียงหวังว่าฮั่นหลางจะโชคดี
แต่เรื่องนี้ไม่สามารถแพร่กระจายไปสู่ภายนอกได้
ข้าเชื่อว่ามันไม่ได้เป็นเพียงแค่เขาคนเดียวที่ได้หายไป"
เฒ่าโม้เดาไม่ผิด
ในเวลาเดียวกันผู้คนจำนวนมากจากทางช้างเผือกและแม้กระทั่งจากถิ่นทุรกันดารกาแลคซี
ที่ห่างไกลออกไปก็หายตัวไป
ในเวลาเดียวกัน ดาร์คเน็ตเข้าสู่โหมดการแจ้งเตือนขั้นสูง
เมื่อชนชั้นระดับสูงได้หายตัวไป และเป็นการหายตัวไปเนื่องจากการประชุมดาร์คเน็ต
แน่นอนว่าธุรกิจการค้าปกติบนดาร์คเน็ต
ผู้ค้าเหล่านั้นไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมดาร์คเน็ตได้
ดังนั้นธุรกิจเหล่านั้นก็ยังคงดำเนินต่อไปได้เป็นปกติ
เมื่อฮั่นหลางสังเกตเห็นว่าตัวเขาและรังไหมเสมือนจริงได้มาปรากฏตัวในที่แปลก
ๆ พร้อมกัน มันทำให้เขาอดที่จะรู้สึกทึ่งไม่ได้
เพราะทุกอย่างแตกต่างไปจากประสบการณ์ที่เขามีกับรังไหมเสมือนจริงในอดีต
มันไม่ได้รู้สึกว่าเขากำลังอยู่ในโลกเสมือนจริง แต่เหมือนกับว่ามีคนนำเขาที่อยู่ในรังไหมแล้วส่งเขามาที่นี่
ผู้คนนับหลายพันคนได้มารวมตัวกันที่ทุ่งหญ้า
นี่อาจจะไม่ใช่ทุกคนที่เข้าร่วมการประชุมดาร์คเน็ต
หลังจากที่ทางช้างเผือกเป็นลานดาวขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 120,000 ปีแสง
ประชากรนับไม่ถ้วน แม้ว่าดาร์คเน็ตจะเชิญเฉพาะผู้เชี่ยวชาญชั้นนำ
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเพียงไม่กี่พันคน
ตามสิ่งที่ฮั่นหลางรู้ ในอาณาจักรที่ถูกลืมก็มีมากกว่าสองสามพันคน
แน่นอนคนส่วนใหญ่ในอาณาจักรที่ถูกลืมปฏิเสธที่จะมาที่นี่
ทุกคนต่างมองหน้ากัน เนื่องจากผู้ที่มาต่างทำการปลอมแปลงตัวเอง ไม่มีใครในที่นี้รู้ตัวตนของผู้อื่น
แม้ว่าเขาจะรู้จักใครบางคนจริง ๆ เขาหรือเธอก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
นิสัยของคนที่อาศัยอยู่ในดาร์คเน็ตทั้งหมดไม่มีใครอยากจะทำตัวเป็นที่รู้จักของคนอื่น
"นรกอะไรกัน? แหวนมิติของข้ายังสามารถใช้ได้หรือไม่? โลกเสมือนจริงสามารถอ่านหินมิติได้หรือไม่?"
ในขณะนั้นมีคนร้องตะโกนออกมา
"เป็นไปได้ที่ผู้อ่านไม่สามารถอ่านข้อมูลข้ามพื้นที่ได้
นั่นเป็นกฎหมายทางวิทยาศาสตร์" มีคนกล่าวตอบออกมา
"ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า ก็ลองดูสิ"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนแตะไปที่แหวนมิติหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่คล้าย ๆ กัน
จากนั้นภาพเหตุการณ์ก็เงียบสงบ
มีเพียงเสียงของสายลมที่พัดผ่านต้นหญ้าและเสียงของหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นที่สามารถได้ยินเท่านั้น
"เกิดอะไรขึ้นที่นี่?
เราอยู่ที่ไหนกัน?"
"ไม่แน่ใจ"
"ใครก็ได้บอกข้าที ที่นี่เป็นโลกเสมือนจริงหรือโลกแห่งความเป็นจริง?"
"ไม่แน่ใจ คงต้องรอดูไป"
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมาเสียงของข้อสงสัยและการคาดคะเนได้มาถึงจุดสูงสุด
ทันใดนั้นได้มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากป่าที่อยู่ล้อมรอบทุ่งหญ้า เขาอยู่ในชุดรบที่ถูกออกแบบด้วยผ้าใบสีดำ
พร้อมกับมีโลโก้ของดาร์คเน็ตแปะอยู่ที่ชุดรบ"
การปรากฏตัวของบุคคลนี้ก่อให้เกิดภาพเหตุการณ์ที่ดูเงียบสงบ
“ตอนนี้พวกเจ้ามากับข้า” ชายคนนั้นพูดออกมาด้วยภาษาสากลทางช้างเผือก
เขาดูอ่อนเยาว์ ผมสีบลอนด์ คิ้วสีทอง
"เจ้าเป็นตัวแทนที่ส่งมาจากดาร์คเน็ตใช่หรือไม่?"
"เมื่อไหร่เราจะได้พบผู้ก่อตั้งดาร์คเน็ต?"
"เนื่องจากเป็นโลกเสมือนทำไมเราถึงยังต้องเดิน? ทำไมไม่เปลี่ยนฉากในโลกเสมือน?"
คำถามเหล่านี้ ตัวแทนที่ส่งมาจากดาร์คเน็ตไม่ได้ตอบคำถามใด ๆ
เขาเดินไปข้างหน้าและไม่ได้มองย้อนกลับมามองดูเสียงที่ดังมาจากข้างหลังเขา
ฮั่นหลางคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจที่จะเดินตามชายคนนี้เข้าไปในป่า
แต่ก่อนออกเดินทาง ฮั่นหลางก็ยิ่งระวังตัวมากขึ้นและเก็บรังไหมที่เขาใช้ไว้ในจันทราทมิฬ
และบางคนก็รู้สึกว่าความคิดของฮั่นหลางไม่เลวและทำแบบเดียวกัน
"ข้าชื่อ แสงจันทร์สีน้ำเงินที่รางเลือน เจ้าชื่ออะไร?" หนึ่งในนั้นหันมาทางฮั่นหลาง
และพยายามที่จะตีสนิทโดยเริ่มต้นสนทนา
"ผู้รายงานสายลม" ฮั่นหลางใช้ชื่อที่เขาใช้ในดาร์คเน็ต
"เป็นเพราะเจ้ารู้ข้อมูลภายในใช่หรือไม่
และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าจึงเก็บรังไหมเสมือนจริง?" หนุ่มแสงจันทร์สีน้ำเงินที่รางเลือนถามออกมาด้วยความอยากรู้
ฮั่นหลางไม่ได้มองเขามากนัก เพราะมันไร้ประโยชน์ ทุกคนต่างปลอมตัวก่อนที่จะมาที่นี่
ฮั่นหลางในตอนนี้ปลอมแปลงตัวเองเป็นชายผิวขาว ดูคล้ายชาวอังกฤษ ในยุค
30 แต่ในความเป็นจริงเขาเป็นชายหนุ่มที่มีเชื้อสายจีน
คนแปลกหน้าแสงจันทร์สีน้ำเงินที่รางเลือนนี้ก็อาจจะเช่นเดียวกับเขา
ฮั่นหลางส่ายหน้าและพูดว่า "ข้าไม่รู้เรื่องภายใน
ข้าเพียงแต่รู้สึกว่าในเมื่อพื้นที่มิติใช้งานได้ และรังไหมเสมือนจริงก็ดูน่าสนใจ
ดังนั้นข้าสามารถเก็บมันไว้เพื่อทำศึกษามันเมื่อข้ามีเวลาในภายหลัง”
"โอ้" แสงจันทร์สีน้ำเงินที่เรือนลางรับรู้ถึงเหตุผลและพูดออกมาว่า
"นี่เป็นสิ่งที่เจ้าวางแผนไว้"
ในเวลาเดียวกัน มีเสียงดังออกมาจากป่า ราวกับว่าใครบางคนอยากจะหัวเราะ
แต่ถูกปิดปากไม่ให้หัวเราะออกมา
แสงจันทร์สีน้ำเงินที่เรือนลางลังเลใจ เขาอยากจะเข้าไปในป่าเพื่อตรวจสอบ
แต่ฮั่นหลางก็จับตัวเขาไว้ในทันที
"ไม่จำเป็นต้องไป นอกจากเรายังมีคนอื่น ๆ อยู่ในป่า"
"พวกเขาเป็นใคร?"
"อาจจะเป็นคนในดาร์คเน็ต สถานที่นี้มีบรรยากาศที่ชั่วร้าย มันดีที่สุดถ้าเราอยู่ในความระมัดระวัง"
แสงจันทร์สีน้ำเงินที่เลือนราง รู้สึกว่าคำพูดของฮั่นหลางสมเหตุสมผล
เป็นอย่างมาก เขาพยักหน้า หลังจากนั้นราวกับว่าเขาคิดอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา
และถามฮั่นหลางออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า
"เจ้าเป็นเหมือนเพื่อนของข้าในโลกแห่งความเป็นจริง เสียงก็เหมือนและเขาก็ระมัดระวัง
เช่นเดียวกับเจ้า ข้าสามารถถามชื่อของเจ้าได้หรือไม่? เจ้าอยู่ในภูมิภาคดาวที่เท่าไหร่?
บางทีเราอาจรู้จักกัน"
ฮั่นหลางพูดเบา ๆ ว่า "ข้าลืมว่าคนที่มาที่นี่ ต่างอยู่ในดาร์คเน็ต ไม่มีใครอยากให้คนอื่นรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ผู้ก่อตั้งดาร์คเน็ตต้องการให้เราปกปิดตัวเราไว้อย่างชัดเจน
พวกเขาก็ไม่ต้องการให้เรารู้จักซึ่งกันและกัน"
แสงจันทร์สีน้ำเงินที่เลือนรางลังเลอีกครั้ง "เหมือนกันมากเกินไป ไม่เพียงแต่เจ้าจะระมัดระวังเช่นเขา
แต่ยังฉลาดเหมือนเขา โอเคข้าจะฟังเจ้า และจะไม่นำเรื่องโลกแห่งความเป็นจริงมาพูดอีก
ถ้าอย่างนั้นเรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ”
ฮั่นหลางพยักหน้า "ตกลง"
รอจนกระทั่งฮั่นหลางและคนอื่น ๆ เดินห่างออกไป
เยาวชนสองสามคนในชุดรบที่มีโลโก้สัญลักษณ์ของดาร์คเน็ตได้เดินออกจากป่า
ในหมู่พวกเขามีหญิงสาวคนหนึ่งที่ไม่ได้สวยหรือน่าเกลียด เธอมีกระเล็ก ๆ ดูน่ารักบนใบหน้าของเธอ
ในตอนนี้เธอไม่ได้กลั้นหัวเราะเอาไว้เช่นตอนที่อยู่ในป่า เธอปล่อยเสียงหัวเราะออกมาค่อนข้างดัง
เธอเดินมาถึงจุดที่เคยวางรังไหมเสมือนจริงของฮั่นหลางไว้
แล้วสังเกตหมายเลขที่วางรังไหมของฮั่นหลาง แล้วพูดกับคนที่อยู่ข้าง ๆ ว่า
"ผู้ชายคนนี้ดูเป็นคนตลกจริง ๆ เหตุผลที่เขาจะเก็บรังไหมแยกอนุภาค
เพียงแค่ต้องการเปิดมันขึ้นมาและศึกษามัน ข้าคิดว่าเขาได้ค้นพบความจริงแล้ว"
เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่อยู่ข้าง ๆ บุ้ยปากและพูดว่า "ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร
เขาก็ได้คะแนนเพิ่มขึ้น และใครที่ทำตามผู้รายงานสายลม ก็ได้รับคะแนนโบนัสเช่นเดียวกัน
นับว่าพวกเขาโชคดี คนที่ทิ้งรังไหมแยกอนุภาคไว้ที่นี่ ถ้าพวกเขาต้องการที่จะกลับมาเอามันอีกครั้ง
ก็จะเป็นเรื่องยาก"
หญิงสาวที่มีฝ้ากระบาง ๆ บนใบหน้า ดูเหมือนจะเป็นคนที่ค่อนข้างซุกซน
เธอหันมาและเธอก็พูดว่า "ข้าอยากจะรู้ว่า ผู้รายงานสายลม จะทำมันได้จริงหรือไม่
เขาจะสามารถที่จะแยกรังไหมอนุภาคออกได้หรือไม่?
สิ่งนั้นก็ดูน่าสนใจมิใช่น้อย"
เด็กหนุ่มที่ยืนถัดมาเห็นได้ชัดว่า ไม่มีอารมณ์ขันบนใบหน้าของเขา
ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า "เขาจะได้คะแนนมากพอ จนเขาจะไม่อยากกลับบ้าน
ดูสิว่ามันจะยังน่าสนใจมากขนาดไหน"
"งี่เง่า!" หญิงสาวไม่ชอบความรุนแรงของคู่หูของเธอ เธอสะบัดแขนขึ้น
ในตอนที่พวกเขามาถึงที่นี่ มันเป็นเวลาเที่ยงวัน ในพริบตาเวลาได้ผ่านไปจนล่วงเข้าสู่เวลาเที่ยงคืน
อุณหภูมิลดลงต่ำกว่าศูนย์และแมลงบินออกมาส่งเสียงรบกวนคนจำนวนมาก
กลุ่มคนหลายพันคนยังคงเดินอยู่ในป่าไม่หยุดหย่อน และในที่สุดก็มีใครบางคนในกลุ่มที่ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
ชายในวัยราว ๆ ห้าสิบปี เขามีจมูกแดงสีกุหลาบ
ได้เดินขึ้นไปด้านหน้าพบตัวแทนหนุ่มที่ส่งมาโดยดาร์คเน็ตและคว้าไปที่ไหล่
"เจ้าบอกข้าได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? ทำไมเราถึงเดินไปรอบ ๆ แบบสะเปะสะปะในป่าเหมือนแมลงวันหัวขาด?
การประชุมจัดขึ้นที่ใด? ผู้ก่อตั้งดาร์คเน็ต
คือใคร?"
ตัวแทนหนุ่มดาร์คเน็ตหันไปมองชายที่มีจมูกสีกุหลาบ
คิ้วสีทองของเขายกขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า
"อย่าแตะต้องตัวข้า"
"เกิดอะไรขึ้น ถ้าข้าสัมผัสเจ้า?
เจ้าไม่ใช่สุนัขตัวเมียเสียหน่อย!"
คิ้วสีทองของหนุ่มน้อยที่เป็นตัวแทนของดาร์คเน็ตเลิกสูงขึ้น
"ข้าจะพูดอีกครั้งหนึ่ง อย่าสัมผัสตัวข้า"
ชายคนนั้นโกรธและพูดด้วยเสียงแหลมสูงว่า
"เจ้าจะทำตัวกระด้างกระเดื่อง?
นี่คือโลกเสมือนจริง! แม้ว่าเจ้าจะเป็นคนของดาร์คเน็ต แล้วไง
เจ้าจะทำอะไรข้าได้? แม่งเอ้ย ข้าไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมการประชุมบ้านี้!
ส่งข้ากลับไปเดี๋ยวนี้!"
ชิ้ง ~
หลังจากที่เขาพูดจบ ทุกคนก็เห็นมือของเด็กหนุ่มที่เป็นตัวแทนดาร์คเน็ตกลายเป็นเหมือนกรงเล็บของนกอินทรี
และเดินตรงเข้าไปควักหัวใจของชายผู้นั้น เลือดไหลอาบไปทั่วร่างของเขา
เอสเปอร์สายพันธุ์แปลงร่างสัตว์ ฮั่นหลางรู้ดีในพลังอำนาจนี้
ในตอนที่เข้าไปสำรวจในอาณาจักรสาบสูญที่ 43 พี่น้อง ลีซาและไรลีย์ ก็เอสเปอร์สายพันธุ์แปลงร่างสัตว์เช่นเดียวกัน
"การแสดงที่ดื้อด้านในโลกเสมือนจริง? ดูสิเจ้าจะยังมีความกล้าหาญอยู่หรือไม่?"
ผู้ชายคนนั้นไอออกมาเป็นเลือดขณะที่สาบแช่ง
เขาคิดว่าเขาจะไม่ตายเพราะไม่มีใครสามารถตายได้ในโลกเสมือนจริง
แต่ในไม่ช้า เขาสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ
ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่หน้าอกที่ฉีกขาดของเขา เขาต้องการที่จะตะโกนออกมา
แต่กลับไม่มีคำใดที่สามารถเปล่งออกมาได้
เขาล้มลงไปกับพื้น ก่อนที่จะเสียชีวิต
กลุ่มแมลงที่กระตือรือร้นคลานขึ้นไปบนแผลและเริ่มเลียเลือด
สายตาของเด็กหนุ่มดาร์คเน็ต กวาดมองไปรอบ ๆ
แล้วกล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นชาว่า "ประการแรก นี่ไม่ใช่โลกเสมือนจริง พวกเจ้าถูกส่งมาที่นี่โดยใช้เทคโนโลยีพอลิเมอร์
นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง"
"ประการที่สองเมื่อเจ้าตาย ดาวเคราะห์แม่ของเจ้าจะถูกลบออกไปจากทางช้างเผือก
ดังนั้นจงระวังให้ดี"
"ประการที่สาม ในโลกแห่งนี้จะข้าจะไม่ทำอะไรซ้ำซากถึงสามครั้ง"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น