“ทำไมเขาช่างพูดมาก?
รีบลงมือสังหารเขาแล้วรีบหนีไปดีกว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่แถวนี้”
ในขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้นมีใครบางคนกล่าวขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว
จากนั้นบุคคลนั้นก็เคลื่อนไหว
การเคลื่อนไหวของเขานั้นทำให้ทุกคนต้องยกกระบี่บินขึ้นพุ่งตรงไปยังหยางเฉินเหมือนฝูงตั๊กแตน
หยางเฉินยืนอยู่ตรงจุดเดิมเช่นก่อนหน้า
และยกมือขึ้นโบกมือธรรมดาก่อให้เกิดดาบสังหารของเพชฌฆาตที่เพียงแค่ฟันลงหนึ่งครั้งก็สามารถตัดภูเขาได้
หยางเฉินฟันลงไปที่ด้านหน้าของเขาในขณะเดียวกันตอนที่เขาฟันมีดลงไปเขาก้อเผยรอยยิ้มออกมา
ราวกับว่าความปรารถนาของเขาได้กลายเป็นจริงขึ้นมา
ส่งผลให้การแสดงออกของเหล่าคนที่ต้องการทำร้ายเขากลายเป็นน่าเกลียด
คนแรกที่เคลื่อนไหวนั้นร่างกายของเขาพุ่งตรงไปที่หยางเฉิน
เขาชี้กระบี่บินพุ่งเข้าไปโจมตีหยางเฉิน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก
เขาสามารถตัดศีรษะหยางเฉินได้ในกระบี่เดียวถ้าเพียงเขาต้องการ
เมื่อเห็นดาบเพชฌฆาตฟันลงมาเขาไม่ได้เคลื่อนไหวหลบหลีกหรือพยายามที่จะหนีแม้แต่น้อย
เขาเพียงแค่ยกกระบี่บินของเขาขึ้นมา ในความคิดของเขานั้นหยางเฉินเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มที่เพิ่งถึงระดับก่อสร้างรากฐานเท่านั้น
ถึงแม้ว่าอาวุโสหวูจะมอบกระบี่บินให้กับเขา
แต่เขาก็คงไม่สามารถที่จะใช้มันได้อย่างชำนาญนัก
ยิ่งไปกว่านั้นดาบเพชฌฆาตในมือหยางเฉินนั้นก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ของวิเศษอะไร
ดังนั้นเขาก็สามารถที่จะทำลายดาบนั้นได้เพียงแค่ดาบเดียว
ภาพในจินตนาการนั้นช่างสวยงามจนอาจจะสร้างความสับสนให้ผู้อื่นได้
ในความเป็นจริงแล้วการลงดาบในครั้งเดียวของหยางเฉินนั้นประกอบไปด้วยพลังนับพันชั่งกดลงไปที่ศัตรู
และทำให้กระบี่บินของเขาหักไปสี่ส่วน
ในเวลานั้นผู้คนที่วิ่งเข้าหาเขาอย่างรีบเร่งต่างสะดุ้งตกใจ
สหายที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขานั้นถูกผ่าออกเป็นสองท่อนในดาบเดียว
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาตกตะลึงงันและหยุดเคลื่อนไหวอย่างไร้สติ
มันเป็นไปได้อย่างไร? แม้ว่าสหายผู้นั้นจะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดของระดับก่อสร้างรากฐาน
แต่เขาก็อยู่เหนือระดับก่อสร้างรากฐานและอยู่ในระดับก่อสร้างรากฐานมามากกว่าสิบปี
เมื่อเทียบกับเด็กใหม่อย่างหยางเฉินผู้ซึ่งเพิ่งจะถึงระดับก่อสร้างรากฐานนั้น
ระดับการบ่มเพาะของเขานั้นก็ไม่สูงไม่ต่ำ อาวุธเวทของเขาอาจจะแข็งแกร่ง
แต่ผลลัพธ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ท้ายที่สุดแล้วดาบเพชฌฆาตในมือหยางเฉินนั้นคืออะไร? มันคืออาวุธเวทที่หยางเฉินกลั่นได้ใช่หรือไม่?
หากว่าใช่เป็นไปได้อย่างไรที่มันจะเทียบกับกระบี่บินของสหายเต๋าที่ถูกกลั่นมานับสิบปี?
เหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้านี้อยู่นอกเหนือความรู้ของพวกเขา
สถานการณ์นี้มันคืออะไรกัน? บุคคลแรกที่ตั้งตัวเป็นผู้นำนั้นก็ตื่นตระหนกไปด้วย มันเป็นไปได้อย่างไร?
เพียงแค่ไม่กี่ปีก่อนที่พวกเขาไล่ล่าหยางเฉินในธารลาวา
ในเวลานั้นหยางเฉินไม่กล้าแม้แต่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่ปีตั้งแต่หยางเฉินออกไปจากหลุมดักเซียน
ความสามารถของสหายเต๋าของพวกเขานั้นก็ไม่ได้อ่อนด้อยกว่าพวกเขาเท่าไรนัก
แต่ตอนนี้หยางเฉินเผชิญหน้าต่อสู้ต่อหน้าพวกเขา?
“เวรเอ้ยย เจ้า!”
หลังจากช่วงเวลาที่เงียบงันสั้นๆ
ก็เกิดเสียงดังก้องกังวาลขึ้นมาในทันที
คนอื่นๆเปลี่ยนเป็นพุ่งตรงไปยังหยางเฉินอย่างบ้าคลั่ง
กระบี่บินในมือพวกเขานั้นเพิ่มความเร็วขึ้นพุ่งตรงไปหมายแทงให้ทะลุท้องของหยางเฉิน
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
เสียงก้องกังวาลเป็นชุดนั้นดังขึ้นในสถานที่แห่งนี้
แต่ดาบเพชฌฆาตของหยางเฉินยังคงอยู่ในแนวนอนปกป้องร่างกายของเขา
หน้ากว้างของใบมีดนั้นขวางกั้นการโจมตีอย่างต่อเนื่องของกระบี่บิน
แม้จะมีกระบี่บินแทงเข้ามาด้วยพลังมหาศาลแต่ก็ไม่สามารถที่จะทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ที่ใบดาบได้เลย
การโจมตีเป็นชุดอย่างต่อเนื่องนั้นทำให้สายตาทุกคนเปล่งประกาย
ดาบเพชฌฆาตเล่มนั้นนอกจากเป็นอาวุธเวทแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นอาวุธเวทที่ล้ำเลิศ
ไม่เช่นนั้นแล้วมันคงไม่สามารถทำลายกระบี่บินของเหล่าสหายของพวกเขาให้แยกเป็นสองส่วนได้
และยังสามารถที่จะต่อต้านการลุกฮือเหล่านี้ได้
สายตาของทุกคนเปล่งประกายสว่างจ้าในทันที
ผู้ที่นำพวกเขานั้นเพียงต้องการสูตรโอสถและคัมภีร์โอสถที่หยางเฉินครอบครองเท่านั้น
เขาไม่ได้ประสงค์สิ่งอื่นใดอีก
เป็นเรื่องธรรมชาติที่ดาบเวทเล่มนี้เหมาะสมที่จะให้กับผู้ที่ช่วยเหลือเขา มันเป็นเหมือนการขโมยอาหารในถ้ำเสือ
แม้จะเกิดการบาดเจ็บล้มตายบ้างแล้วใครจะสนล่ะ?
หลังจากที่ตกตะลึงในทีแรกผ่านไป ทุกคนต่างระมัดระวังยิ่งขึ้น
ปรมาจารย์กระบี่บินอี้จินพุ่งกระบี่บินของเขาตามติดหยางเฉินอย่างประชันชิด
เขากางมือทั้งสองข้างของเขาออกโจมตีหยางเฉินอย่างโหดเหี้ยมด้วยกำปั้น
เนื่องจากกระบี่บินของเขายังคงต่อสู้ติดพันอยู่กับดาบเวทของหยางเฉิน
มันทำให้หยางเฉินต้องใช้กำปั้นของเขารับมือ
เหอะ!
หยางเฉินเค้นเสียงออกมาจากจมูก
เขายกมือซ้ายที่ยงว่างอยู่ขึ้นกำหมัดและโจมตีไปยังหมัดของอี้จินอย่างเด็ดเดี่ยว
ปัง!
หมัดของทั้งสองปะทะกันทำให้เกิดเสียงดังกึกก้อง
เคล็ดลับวิชาหยินหยางห้าธาตุด้วยพลังจิตวิญญาณในหมัดของหยางเฉินสู่หมัดของอี้จิน
การผสมผสานของพลังจิตวิญญาณหยินหยางห้าธาตุทะลุทะลวงเข้าสู่ร่างกายของอี้จิน
ไม่เพียงแค่นั้นเมื่อหมัดทั้งสองปะทะกันหมัดของหยางเฉินก็ทำให้นิ้วมือของอี้จินทั้งหมดแตกหักเหมือนโดนค้อนเหล็กทุบ
อ๊ากกกกกกก!
อี้จินแหกปากร้องออกมาอย่างน่าสยดสยอง
ไม่เพียงแค่นั้นสิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวมากที่สุดคือการที่พลังจิตวิญญาณของหยางเฉินส่งตรงเข้าสู่กำปั้นของเขาอย่างต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะหยุดและไล่ตามมาที่แขนท่อนบน
เสียงกระดูกแตกหักดังก้องจากกำปั้นของเขา
เพราะการทำลายพลังจิตวิญญาณนั้นไม่ใช่เพียงแค่นิ้วมือของเขาเท่านั้นที่แตกหัก
แต่รวมถึงกระดูกทั้งมือของเขาแหลกเป็นผุยผง
พลังจิตวิญญาณที่ทุบลงไปนี้ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น
แต่ยังมุ่งตรงสู่ส่วนบนไปตามแขนของอี้จิน เขาไม่สามารถต้านทานพลังจิตวิญญาณของเคล็ดลับวิชาหยินหยางห้าธาตุได้
เมื่อเทียบกับคนเหล่านี้ที่อยู่ในระดับก่อสร้างรากฐานมาอย่างยาวนาน
พลังจิตวิญญาณของหยางเฉินนั้นเป็นการกลั่นขั้นสูงและบริสุทธิ์อย่างยิ่ง
แต่พวกเขาเป็นได้เพียงแค่ระดับต่ำของขั้นสูงเท่านั้น การเพิ่มพูนของรูปแบบอาคมทำให้การต่อต้านของอี้จินไร้ความหมายไปอย่างสิ้นเชิง
เสียงบดกระดูกดังออกมาจากแขนของเขาและลามขึ้นไปยังไหล่
อี้จินยังคงกรีดร้องอย่างน่าสยดสยองไม่หยุด
และในความว้าวุ่นนั้นเขาก็ไม่ได้สังเกตว่ากระบี่บินของเขานั้นถูกเก็บลงกล่องกระบี่ของหยางเฉินอย่างเรียบร้อยเช่นกัน
ในเวลานี้จิตสำนึกจิตวิญญาณของเขานั้นถูกตัดขาดในทันที
เพราะว่าเขาต้องควบคุมอาวุธเวทในเวลาเดียวกันด้วย
สำนึกจิตวิญญาณของเขานั้นเสียหายอย่างสาหัสอย่างที่เขาไม่สามารถปกปิดได้
ในความตื่นตกใจของเขา
อี้จินคิดได้เพียงว่ากระบี่บินของเขาถูกทำลายลงแล้วด้วยฝีมือของหยางเฉิน
เขาเสียใจอย่างยิ่งแต่ความเจ็บปวดภายในร่างกายของเขาก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
พลังจิตวิญญาณยังคงไม่หยุด หลังจากที่ไหลผ่านไปทางไหล่ของเขาแล้ว
เสียงกระดูกกำลังแตกดังออกมาจากไล่ของเขาเช่นกัน
เหมือนกับว่ามันพร้อมจะป่นได้ทุกเวลา
ผู้นำกลุ่มวางมือของเขาลงตรงหลังของอี้จิน
พลังจิตวิญญาณบริสุทธิ์ขั้นสูงสุดของระดับก่อสร้างรากฐานแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกายของอี้จินไปยังที่มือของเขาและเริ่มต่อต้านพลังจิตวิญญาณของหยางเฉิน
“พลังจิตวิญญาณของแต่ละคนจะทำให้ห้าธาตุถูกปลุกเร้าหมุนเวียนจนไม่มีที่สิ้นสุด”
หลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บเพียงชั่วครู่หนึ่ง
ผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นก็เข้าใจพลังจิตวิญญาณของหยางเฉินที่เพิ่มเพียงเล็กน้อยจึงรีบร้องบอกผู้นำกลุ่มเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลากับวิธีการช่วยที่ไม่เหมาะสมและจะทำให้ได้รับบาดเจ็บแทน
ธาตุทั้งห้าต่างถูกปลุกเร้า? ผู้นำกลุ่มตกตะลึง
หยางเฉินสามารถประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้อย่างไร? แต่เขาก็เริ่มมุ่งที่จะตอบโต้เช่นกัน
ตราบเท่าที่พลังจิตวิญญาณของหยางเฉินถูกนำไปใช้บางส่วน
เขาก็จะสามารถทำลายการปลุกเร้าทั้งห้าธาตุได้เช่นกัน
เขาพยายามคิดหาหนทางที่เป็นไปได้
แต่เมื่อพลังจิตวิญญาณของเขาสัมผัสกับพลังจิตวิญญาณของหยางเฉิน
เขาก็ค้นพบทันทีว่าพลังจิตวิญญาณของหยางเฉินแข็งแรงอย่างยิ่งและพุ่งตรงเข้าบดขยี้กัดกินจิตวิญญาณของเขาอย่างต่อเนื่องด้วยเสียงดัง
ปัง!
ไหล่ของอี้จินหักเป็นชิ้นๆ
เสียงแตกหักที่ดังขึ้นทำให้ผู้คนใจสั่น พลังจิตวิญญาณไม่ได้หยุดลงแค่นั้นแต่ยังบังคับพุ่งตรงเข้าสู่หัวใจผ่านเส้นชีพจรของเขา
จู่ ๆ
ผู้นำกลุ่มก็ส่งเสียงดังและกำลังขยับตัวออกอย่างฉับพลัน
เมื่อชิ้นส่วนของเจตจำนงสังหารในร่างสหายของเขาปรากฏผ่านฝ่ามือที่กดลงบนร่างสหายของเขาเข้าสู่ทะเลจิตวิญญาณ
เฮือก!
ภาพในหัวของเขาคือเจตจำนงสังหารที่น่ากลัวนั้นจมอยู่ใต้จิตสำนึกของผู้นำกลุ่ม
ภายในจิตใจของเขานอกจากเจตจำนงสังหารที่ทำให้ผู้คนสั่นกลัวนั้น
ก็ไม่ได้คิดถึงสิ่งอื่นใดอีก
“ใครให้เจ้ามา?”
เสียงที่ดังก้องกังวาลอยู่ภายในหูของผู้นำกลุ่มนั้นเหมือนเสียงของพยายม
เมื่อได้ยินเสียงนี้ก็ทำให้ผู้นำกลุ่มตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้
“มันเป็นสหายเต๋าแซ่หลี่จากนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่!”
ผู้นำกลุ่มไม่รู้ตัวว่าได้กล่าวประโยคนี้ออกไป
เขารู้แต่เพียงว่าภายใต้การต่อต้านเจตจำนงสังหารที่น่าสยดสยองนี้เขาต้องเปิดเผย
“ตาย!”
หลังจากที่รู้ว่าเป็นใคร
หยางเฉินก็หมดความสนใจและปล่อยเขาไปด้วยเสียงอันดังกึกก้อง
คนทั้งสองก็ระเบิดเป็นชิ้น ๆ ในทันที
ทุกคนโดยรอบต่างประหลาดใจเพียงแค่ครู่เดียวที่กำปั้นของหยางเฉินปะทะกับกำปั้นของสหายของเขา
ในทันทีกระดูกทั้งหมดช่วงไหล่สหายของเขาหักเป็นชิ้น ๆ
แม้ว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากผู้นำกลุ่ม แต่กระดูกก็ยังหักอย่างต่อเนื่องรวดเร็ว
หลังจากนั้นทั้งสองก็ระเบิดเป็นชิ้นๆ พร้อมกัน
“เจ้าใช้อาคมอะไร?”
คนที่เคยไล่ล่าหยางเฉินมาก่อนตะโกนถามมาจากอีกด้านหนึ่ง
“เขาเป็นนักบ่มเพาะมารทุกคนต้องสังหารเขา!”
ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานและได้รับการจับคู่กับคนในระดับเดียวกับตัวเองที่พอจะเข้าร่วมการโจมตีนี้กับทุกคนได้
ไม่มีคำอธิบายอื่นได้นอกจากว่าเขาได้ใช้วิชามาร
“ฮู่!”
หยางเฉินเปล่งเสียงครางออกมาและหันไปหาชายคนนั้น
ด้วยดวงตาสีโลหิตทำให้เขาดูเหมือนเทพอสูรสำหรับผู้ที่กำลังมองดูเขาอยู่
ผู้คนรอบ ๆ มองดูผู้นำกลุ่ม
ซึ่งเป็นถึงนักบ่มเพาะระดับสูงแต่ก็ยังถูกระเบิด
เมื่อเห็นว่ายากที่จะต่อกรกำลังใจต่างหดหายก็เริ่มที่จะหลบหนีในทันที
พวกเขาไม่คิดแม้แต่จะเอากระบี่บินของตนคืน
“คิดที่จะหนี? มันไม่ง่ายขนาดนั้น!”
หยางเฉินรอคอยการพบปะที่ยิ่งใหญ่และยากยิ่งอย่างนี้
แล้วเขาจะปล่อยให้คนพวกนี้หลบหนีไปได้อย่างไร?เขตแดนสวนโอสถถูกใช้ออกมาในทันที
ปกติแล้วภายในหลุมดักเซียนเมื่อถูกไล่ล่าหยางเฉินกังวลว่าผู้อาวุโสหวูจะค้นหาเขาเจอ
แม้ว่าเขาจะไม่กล้าที่จะใช้มันแต่ในตอนนี้เขาไม่มีอะไรจะต้องกังวลอีกต่อไป
หยางเฉินอยู่ในระดับก่อสร้างรากฐานแล้ว
ดังนั้นไม่ว่าเขาจะใช้พลังจิตวิญญาณหรือจิตสำนึกจิตวิญญาณทั้งสองสิ่งนี้ต่างมีความแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้
ยิ่งไปกว่านี้นขวดสวนสมุนไพรนี้ก็เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณ
ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วเขาไม่จำเป็นต้องกังวลถึงผลสะท้อนของพลังเขตแดนสวนโอสถ
ในขณะที่พวกเขากำลังกังวลอยู่นั้น
เหล่าผู้ที่ได้หลบหนีไปก่อนหน้านี้ จู่ ๆ ก็กรีดร้องอย่างน่าสยดสยอง
ก่อนที่พวกเขาจะเห็นได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกนั้น
สหายของพวกเขาก็ได้กลายเป็นสิ่งน่าเกลียดน่ากลัวไปอย่างไม่เต็มใจ
การโจมตีเพียงครั้งเดียวนี้ทำให้พวกเขาตื่นกลัว
ทุกคนต่างรวบรวมกำลังให้มากที่สุดทั้งอาวุธเวทและรูปแบบอาคม
มีผู้หนึ่งในจำนวนที่เหลืออยู่ได้วิ่งออกไปอีกต่าง
แต่แค่เพียงสองก้าวเขาก็รู้สึกปวดร้าวไปทั้งร่าง และร่างกายของเขาก็เริ่มไม่มีแรง
เขารีบหันกลับมาและเห็นว่าร่างของตนเองนั้นถูกทำลายกลายเป็นศพไปแล้ว
ผู้ที่เหลืออยู่ไม่กล้าที่จะทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่คำนึงอีกต่อไป
ได้แต่ยืนอยู่กับที่ไม่กล้าแม้ขยับตัว
สายตาที่หวาดกลัวได้แต่มองดูหยางเฉินที่กำลังเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างช้าๆ
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เป็นสิ่งยืนยันได้ว่า
ความแข็งแกร่งของเขานั้นขยายอำนาจมากขึ้น ภายใต้เคล็ดลับวิชาประสานหยินหยางห้าธาตุ
ดวงดาวสวรรค์และปีศาจปฐพี ดังนั้นคนเหล่านี้ก็ไม่มีค่าอะไรสำหรับเขา
หยางเฉินไม่ต้องการเสียเวลาแม้เพียงน้อยนิดกับคนตายที่เดินได้เหล่านี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงได้กลับไปหาอาจารย์ที่พระราชวังหยางบริสุทธิ์ช้าลง
การใช้กลยุทธ์สายฟ้าแลบนี้จะจัดการเรื่องน่าพิศวงนี้ได้อย่างดี
“ใครก็ตามที่ขยับที่
ตาย!”
หยางเฉินเดินเข้าไปหาคนเหล่านั้นอย่างช้า
ๆ และกางมือของเขาออกเพื่อข่มขู่พวกเขา
“แล้วพวกเจ้าล่ะ?
ทุกคนต่างมีเข็มทิศที่สามารถติดตามตำแหน่งกระเป๋าจัดเก็บของข้าได้
ใคาสั่งให้พวกเจ้าทำเช่นนี้?”
ในตอนแรกพวกเขาต่างลังเลใจ
แต่คนเจ้าเล่ห์คนหนึ่งหยิบเอาเข็มทิศในกระเป๋าจัดเก็บของตนเองออกมาอย่างรวดเร็วและส่งให้กับหยางเฉิน
หลายๆคนในที่นี้ไม่มีเข็มทิศ พวกเขาต่างถูกชักชวนให้เข้าร่วมช่วยกันสังหารหยางเฉินเท่านั้น
“พวกเราถูกชักชวนโดยสหายเต๋าหลีแห่งนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่
เข็มทิศนี้ถูกจัดเตรียมไว้ให้พวกเราโดยสหายเต๋าชูเฮิง จากนิกายท่าน!”
พวกเขารู้แล้วว่าในเวลานี้พวกเขาต่างเป็นลูกแกะและหยางเฉินนั้นเป็นหมาป่า
จะดื้อรั้นขัดขืนเขาไปก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ
ไม่เช่นนั้นแล้วผลลัพธ์ก็จะเป็นการที่พวกเขาต้องถูกฆ่าตาย
พวกเขาทุกคนไม่ใช่คนโง่อย่างชูเฮิง
ที่เลือกความตายมากกว่าการยอมแพ้
ทุกคนต่างหลังเพียงจะได้รับผลประโยชน์ของตัวเองเพียงเท่านั้น
ดังนั้นใครล่ะจะแสดงการเสียสละและการจงรักภักดีของตนเอง? มากไปกว่านั้นชูเฮิงบอกพวกเขาว่าหยางเฉินนั้นเป็นเพียงผู้เยาว์ระดับรวบรวมลมปราณเท่านั้น
แต่นับตั้งแต่ที่พวกเขาไม่สามารถโจมตีหยางเฉินได้
พวกเขาก็รู้แล้วว่านี่เป็นเพียงแค่การยืมมือเท่านั้น
ใครล่ะจะรู้ว่าผู้เยาว์นี้จะสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญได้อย่างฉับพลัน มันเป็นการยืมมือของพวกเขาสังหารหยางเฉินได้อย่างไร?
นี่เป็นการยืมมือของหยางเฉินสังหารพวกเขามากกว่า!
ทั้งสี่คนหลังจากที่มอบเข็มทิศให้กับหยางเฉินก็สูญเสียการรับรู้จากการโจมตีเพียงครั้งเดียวของหยางเฉิน
หลังจากนั้นก็กำจัดร่างกายของพวกเขาลำดับต่อไปพวกเขาก็ถูกโยนเข้าไปในสวนโอสถ
และปิดผนึกการรับรู้ ส่วนคนที่เหลือเขาไม่สนใจและขยับจากมา
ดาบเพชฌฆาตลอยขึ้นไปและฟันลงมาหันทุกคนเป็นชิ้น ๆ
เหลือไว้เพียงกระเป๋าจัดเก็บของพวกเขาเท่านั้น
ส่วนผู้ที่เหลือรอดอยู่ต้องช่วยเป็นหลักฐานของหยางเฉินในการแสดงต่อชูเฮิง
หลังจากนั้นพวกเขาค่อยตาย สำหรับคนพวกนี้ที่มาช่วยเขาหากว่าใครคิดจะสังหารเขา
เขาก็จะไม่ละเว้นให้พวกนั้นมีชีวิตเหมือนกัน
หลังจากจัดการเรื่องนี้แล้วหัวใจของหยางเฉินก็ผ่อนคลายอย่างแท้จริง
ในความผ่อนคลายนี้เขาก็คาดหวังว่าตอนนี้เขาอยู่ในระดับก่อสร้างรากฐานแล้ว
หลังจากกลับไปที่พระราชวังหยางบริสุทธิ์
เขาจะสามารถเป็นศิษย์สายในและสามารถพบอาจารย์ของเขาที่ไม่ได้เจอกันเลย
ตั้งแต่เขาเกิดใหม่อีกครัง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาก็ร้อนใจขึ้นมาปรารถนาให้ถึงพระราชวังหยางบริสุทธิ์ในทันที
ความเร็วในการบินของเหยี่ยวไผ่นั้นช้ามาก
เทียบกับทักษะหลบหลีกของหยางเฉินแล้วกินขาด
ในช่วงตลอดระยะเวลาการเดินทางหยางเฉินได้ใช้ทักษะหลบหลีก
และก็ไม่พบผู้ใดปรากฏซักคน
ในขณะที่เขามุ่งหน้าสู่พระราชวังหยางบริสุทธิ์อย่างเต็มกำลัง
บริเวณเส้นทางที่ผ่านมานั้นหยางเฉินคุ้นเคยดี
เทพภูเขาเป็นคนแรกที่หยางเฉินได้ตัดหัว วิหารของเทพภูเขาองค์นั้นอยู่ในเส้นทางนี้
ย้อนกลับไปเทพภูเขาได้ทิ้งหินจิตวิญญาณบางส่วนไว้
ซึ่งเขาไม่ต้องการให้หยางซีและพวกได้ไป ดังนั้นหยางเฉินต้องการผ่านไปดูระหว่างทาง
ในตอนนั้นเทพภูเขาได้พูดต่อหน้าแท่นบูชาของตน
นั่นทำให้เขาเจ็บปวดที่ต้องทิ้งหินจิตวิญญาณไว้บางส่วน
เขารู้สึกว่าเทพภูเขาองค์นั้นช่างน่าสงสารเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะรับมันไว้
แต่เนื่องจากเรื่องนี้มันถูกกำหนดให้เขาจัดการ
และเทพภูเขาองค์นั้นได้ทำตามข้อตกลงกับเขาเอาไว้ก่อนตาย
แน่นอนว่าหยางเฉินก็ไม่ได้ทำให้อย่างไม่รับผลประโยชน์
ดังนั้นการเก็บหินจิตวิญญาณเหล่านี้ไว้จะทำให้เขารักษาสำนึกที่เชื่อว่าเขาได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อหยางเฉินหยุดที่วิหารบนภูเขาแห่งนี้
และขุดบริเวณที่ด้านหน้าแท่นพระ เขาเปิดหีบนั้นหยิบหินจิตวิญญาณออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เขาน้ำตาไหลออกมาอย่างน่าประหลาด
ขอบคุณมากครับ
ตอบลบขอบคุณครับ รอติดตามนานมาก 55+
ตอบลบเรื่องนี้ไม่มีอับแล้วเหรอครับ..หรือว่ามีกลุ่มให้สมัครหรือเปล่าครับ
ตอบลบ