เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ZX 085 ใครยั่วยุพวกเจ้า?



ทำไมเขาช่างพูดมาก? รีบลงมือสังหารเขาแล้วรีบหนีไปดีกว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่แถวนี้

ในขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้นมีใครบางคนกล่าวขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว จากนั้นบุคคลนั้นก็เคลื่อนไหว

การเคลื่อนไหวของเขานั้นทำให้ทุกคนต้องยกกระบี่บินขึ้นพุ่งตรงไปยังหยางเฉินเหมือนฝูงตั๊กแตน

หยางเฉินยืนอยู่ตรงจุดเดิมเช่นก่อนหน้า และยกมือขึ้นโบกมือธรรมดาก่อให้เกิดดาบสังหารของเพชฌฆาตที่เพียงแค่ฟันลงหนึ่งครั้งก็สามารถตัดภูเขาได้ หยางเฉินฟันลงไปที่ด้านหน้าของเขาในขณะเดียวกันตอนที่เขาฟันมีดลงไปเขาก้อเผยรอยยิ้มออกมา ราวกับว่าความปรารถนาของเขาได้กลายเป็นจริงขึ้นมา ส่งผลให้การแสดงออกของเหล่าคนที่ต้องการทำร้ายเขากลายเป็นน่าเกลียด

คนแรกที่เคลื่อนไหวนั้นร่างกายของเขาพุ่งตรงไปที่หยางเฉิน เขาชี้กระบี่บินพุ่งเข้าไปโจมตีหยางเฉิน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก เขาสามารถตัดศีรษะหยางเฉินได้ในกระบี่เดียวถ้าเพียงเขาต้องการ

เมื่อเห็นดาบเพชฌฆาตฟันลงมาเขาไม่ได้เคลื่อนไหวหลบหลีกหรือพยายามที่จะหนีแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่ยกกระบี่บินของเขาขึ้นมา ในความคิดของเขานั้นหยางเฉินเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มที่เพิ่งถึงระดับก่อสร้างรากฐานเท่านั้น ถึงแม้ว่าอาวุโสหวูจะมอบกระบี่บินให้กับเขา แต่เขาก็คงไม่สามารถที่จะใช้มันได้อย่างชำนาญนัก ยิ่งไปกว่านั้นดาบเพชฌฆาตในมือหยางเฉินนั้นก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ของวิเศษอะไร ดังนั้นเขาก็สามารถที่จะทำลายดาบนั้นได้เพียงแค่ดาบเดียว

ภาพในจินตนาการนั้นช่างสวยงามจนอาจจะสร้างความสับสนให้ผู้อื่นได้ ในความเป็นจริงแล้วการลงดาบในครั้งเดียวของหยางเฉินนั้นประกอบไปด้วยพลังนับพันชั่งกดลงไปที่ศัตรู และทำให้กระบี่บินของเขาหักไปสี่ส่วน

ในเวลานั้นผู้คนที่วิ่งเข้าหาเขาอย่างรีบเร่งต่างสะดุ้งตกใจ สหายที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขานั้นถูกผ่าออกเป็นสองท่อนในดาบเดียว สิ่งนี้ทำให้พวกเขาตกตะลึงงันและหยุดเคลื่อนไหวอย่างไร้สติ

มันเป็นไปได้อย่างไร? แม้ว่าสหายผู้นั้นจะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดของระดับก่อสร้างรากฐาน แต่เขาก็อยู่เหนือระดับก่อสร้างรากฐานและอยู่ในระดับก่อสร้างรากฐานมามากกว่าสิบปี

เมื่อเทียบกับเด็กใหม่อย่างหยางเฉินผู้ซึ่งเพิ่งจะถึงระดับก่อสร้างรากฐานนั้น ระดับการบ่มเพาะของเขานั้นก็ไม่สูงไม่ต่ำ อาวุธเวทของเขาอาจจะแข็งแกร่ง แต่ผลลัพธ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?

ท้ายที่สุดแล้วดาบเพชฌฆาตในมือหยางเฉินนั้นคืออะไร? มันคืออาวุธเวทที่หยางเฉินกลั่นได้ใช่หรือไม่? หากว่าใช่เป็นไปได้อย่างไรที่มันจะเทียบกับกระบี่บินของสหายเต๋าที่ถูกกลั่นมานับสิบปี?

เหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้านี้อยู่นอกเหนือความรู้ของพวกเขา สถานการณ์นี้มันคืออะไรกัน? บุคคลแรกที่ตั้งตัวเป็นผู้นำนั้นก็ตื่นตระหนกไปด้วย มันเป็นไปได้อย่างไร? เพียงแค่ไม่กี่ปีก่อนที่พวกเขาไล่ล่าหยางเฉินในธารลาวา ในเวลานั้นหยางเฉินไม่กล้าแม้แต่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่ปีตั้งแต่หยางเฉินออกไปจากหลุมดักเซียน ความสามารถของสหายเต๋าของพวกเขานั้นก็ไม่ได้อ่อนด้อยกว่าพวกเขาเท่าไรนัก แต่ตอนนี้หยางเฉินเผชิญหน้าต่อสู้ต่อหน้าพวกเขา?

เวรเอ้ยย เจ้า!

หลังจากช่วงเวลาที่เงียบงันสั้นๆ ก็เกิดเสียงดังก้องกังวาลขึ้นมาในทันที คนอื่นๆเปลี่ยนเป็นพุ่งตรงไปยังหยางเฉินอย่างบ้าคลั่ง กระบี่บินในมือพวกเขานั้นเพิ่มความเร็วขึ้นพุ่งตรงไปหมายแทงให้ทะลุท้องของหยางเฉิน

ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!

เสียงก้องกังวาลเป็นชุดนั้นดังขึ้นในสถานที่แห่งนี้ แต่ดาบเพชฌฆาตของหยางเฉินยังคงอยู่ในแนวนอนปกป้องร่างกายของเขา หน้ากว้างของใบมีดนั้นขวางกั้นการโจมตีอย่างต่อเนื่องของกระบี่บิน แม้จะมีกระบี่บินแทงเข้ามาด้วยพลังมหาศาลแต่ก็ไม่สามารถที่จะทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ที่ใบดาบได้เลย

การโจมตีเป็นชุดอย่างต่อเนื่องนั้นทำให้สายตาทุกคนเปล่งประกาย ดาบเพชฌฆาตเล่มนั้นนอกจากเป็นอาวุธเวทแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นอาวุธเวทที่ล้ำเลิศ ไม่เช่นนั้นแล้วมันคงไม่สามารถทำลายกระบี่บินของเหล่าสหายของพวกเขาให้แยกเป็นสองส่วนได้ และยังสามารถที่จะต่อต้านการลุกฮือเหล่านี้ได้ สายตาของทุกคนเปล่งประกายสว่างจ้าในทันที

ผู้ที่นำพวกเขานั้นเพียงต้องการสูตรโอสถและคัมภีร์โอสถที่หยางเฉินครอบครองเท่านั้น เขาไม่ได้ประสงค์สิ่งอื่นใดอีก เป็นเรื่องธรรมชาติที่ดาบเวทเล่มนี้เหมาะสมที่จะให้กับผู้ที่ช่วยเหลือเขา มันเป็นเหมือนการขโมยอาหารในถ้ำเสือ แม้จะเกิดการบาดเจ็บล้มตายบ้างแล้วใครจะสนล่ะ? หลังจากที่ตกตะลึงในทีแรกผ่านไป ทุกคนต่างระมัดระวังยิ่งขึ้น

ปรมาจารย์กระบี่บินอี้จินพุ่งกระบี่บินของเขาตามติดหยางเฉินอย่างประชันชิด เขากางมือทั้งสองข้างของเขาออกโจมตีหยางเฉินอย่างโหดเหี้ยมด้วยกำปั้น เนื่องจากกระบี่บินของเขายังคงต่อสู้ติดพันอยู่กับดาบเวทของหยางเฉิน มันทำให้หยางเฉินต้องใช้กำปั้นของเขารับมือ

เหอะ!

หยางเฉินเค้นเสียงออกมาจากจมูก เขายกมือซ้ายที่ยงว่างอยู่ขึ้นกำหมัดและโจมตีไปยังหมัดของอี้จินอย่างเด็ดเดี่ยว

ปัง!

หมัดของทั้งสองปะทะกันทำให้เกิดเสียงดังกึกก้อง เคล็ดลับวิชาหยินหยางห้าธาตุด้วยพลังจิตวิญญาณในหมัดของหยางเฉินสู่หมัดของอี้จิน การผสมผสานของพลังจิตวิญญาณหยินหยางห้าธาตุทะลุทะลวงเข้าสู่ร่างกายของอี้จิน ไม่เพียงแค่นั้นเมื่อหมัดทั้งสองปะทะกันหมัดของหยางเฉินก็ทำให้นิ้วมือของอี้จินทั้งหมดแตกหักเหมือนโดนค้อนเหล็กทุบ

อ๊ากกกกกกก!

อี้จินแหกปากร้องออกมาอย่างน่าสยดสยอง ไม่เพียงแค่นั้นสิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวมากที่สุดคือการที่พลังจิตวิญญาณของหยางเฉินส่งตรงเข้าสู่กำปั้นของเขาอย่างต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะหยุดและไล่ตามมาที่แขนท่อนบน เสียงกระดูกแตกหักดังก้องจากกำปั้นของเขา เพราะการทำลายพลังจิตวิญญาณนั้นไม่ใช่เพียงแค่นิ้วมือของเขาเท่านั้นที่แตกหัก แต่รวมถึงกระดูกทั้งมือของเขาแหลกเป็นผุยผง

พลังจิตวิญญาณที่ทุบลงไปนี้ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น แต่ยังมุ่งตรงสู่ส่วนบนไปตามแขนของอี้จิน เขาไม่สามารถต้านทานพลังจิตวิญญาณของเคล็ดลับวิชาหยินหยางห้าธาตุได้ เมื่อเทียบกับคนเหล่านี้ที่อยู่ในระดับก่อสร้างรากฐานมาอย่างยาวนาน พลังจิตวิญญาณของหยางเฉินนั้นเป็นการกลั่นขั้นสูงและบริสุทธิ์อย่างยิ่ง แต่พวกเขาเป็นได้เพียงแค่ระดับต่ำของขั้นสูงเท่านั้น การเพิ่มพูนของรูปแบบอาคมทำให้การต่อต้านของอี้จินไร้ความหมายไปอย่างสิ้นเชิง

เสียงบดกระดูกดังออกมาจากแขนของเขาและลามขึ้นไปยังไหล่ อี้จินยังคงกรีดร้องอย่างน่าสยดสยองไม่หยุด และในความว้าวุ่นนั้นเขาก็ไม่ได้สังเกตว่ากระบี่บินของเขานั้นถูกเก็บลงกล่องกระบี่ของหยางเฉินอย่างเรียบร้อยเช่นกัน

ในเวลานี้จิตสำนึกจิตวิญญาณของเขานั้นถูกตัดขาดในทันที เพราะว่าเขาต้องควบคุมอาวุธเวทในเวลาเดียวกันด้วย สำนึกจิตวิญญาณของเขานั้นเสียหายอย่างสาหัสอย่างที่เขาไม่สามารถปกปิดได้

ในความตื่นตกใจของเขา อี้จินคิดได้เพียงว่ากระบี่บินของเขาถูกทำลายลงแล้วด้วยฝีมือของหยางเฉิน เขาเสียใจอย่างยิ่งแต่ความเจ็บปวดภายในร่างกายของเขาก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ พลังจิตวิญญาณยังคงไม่หยุด หลังจากที่ไหลผ่านไปทางไหล่ของเขาแล้ว เสียงกระดูกกำลังแตกดังออกมาจากไล่ของเขาเช่นกัน เหมือนกับว่ามันพร้อมจะป่นได้ทุกเวลา

ผู้นำกลุ่มวางมือของเขาลงตรงหลังของอี้จิน พลังจิตวิญญาณบริสุทธิ์ขั้นสูงสุดของระดับก่อสร้างรากฐานแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกายของอี้จินไปยังที่มือของเขาและเริ่มต่อต้านพลังจิตวิญญาณของหยางเฉิน

พลังจิตวิญญาณของแต่ละคนจะทำให้ห้าธาตุถูกปลุกเร้าหมุนเวียนจนไม่มีที่สิ้นสุด

หลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บเพียงชั่วครู่หนึ่ง ผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นก็เข้าใจพลังจิตวิญญาณของหยางเฉินที่เพิ่มเพียงเล็กน้อยจึงรีบร้องบอกผู้นำกลุ่มเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลากับวิธีการช่วยที่ไม่เหมาะสมและจะทำให้ได้รับบาดเจ็บแทน

ธาตุทั้งห้าต่างถูกปลุกเร้า? ผู้นำกลุ่มตกตะลึง หยางเฉินสามารถประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้อย่างไร? แต่เขาก็เริ่มมุ่งที่จะตอบโต้เช่นกัน ตราบเท่าที่พลังจิตวิญญาณของหยางเฉินถูกนำไปใช้บางส่วน เขาก็จะสามารถทำลายการปลุกเร้าทั้งห้าธาตุได้เช่นกัน

เขาพยายามคิดหาหนทางที่เป็นไปได้ แต่เมื่อพลังจิตวิญญาณของเขาสัมผัสกับพลังจิตวิญญาณของหยางเฉิน เขาก็ค้นพบทันทีว่าพลังจิตวิญญาณของหยางเฉินแข็งแรงอย่างยิ่งและพุ่งตรงเข้าบดขยี้กัดกินจิตวิญญาณของเขาอย่างต่อเนื่องด้วยเสียงดัง ปัง!

ไหล่ของอี้จินหักเป็นชิ้นๆ เสียงแตกหักที่ดังขึ้นทำให้ผู้คนใจสั่น พลังจิตวิญญาณไม่ได้หยุดลงแค่นั้นแต่ยังบังคับพุ่งตรงเข้าสู่หัวใจผ่านเส้นชีพจรของเขา

จู่ ๆ ผู้นำกลุ่มก็ส่งเสียงดังและกำลังขยับตัวออกอย่างฉับพลัน เมื่อชิ้นส่วนของเจตจำนงสังหารในร่างสหายของเขาปรากฏผ่านฝ่ามือที่กดลงบนร่างสหายของเขาเข้าสู่ทะเลจิตวิญญาณ

เฮือก!

ภาพในหัวของเขาคือเจตจำนงสังหารที่น่ากลัวนั้นจมอยู่ใต้จิตสำนึกของผู้นำกลุ่ม ภายในจิตใจของเขานอกจากเจตจำนงสังหารที่ทำให้ผู้คนสั่นกลัวนั้น ก็ไม่ได้คิดถึงสิ่งอื่นใดอีก

ใครให้เจ้ามา?”

เสียงที่ดังก้องกังวาลอยู่ภายในหูของผู้นำกลุ่มนั้นเหมือนเสียงของพยายม เมื่อได้ยินเสียงนี้ก็ทำให้ผู้นำกลุ่มตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้

มันเป็นสหายเต๋าแซ่หลี่จากนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่!

ผู้นำกลุ่มไม่รู้ตัวว่าได้กล่าวประโยคนี้ออกไป เขารู้แต่เพียงว่าภายใต้การต่อต้านเจตจำนงสังหารที่น่าสยดสยองนี้เขาต้องเปิดเผย

ตาย!

หลังจากที่รู้ว่าเป็นใคร หยางเฉินก็หมดความสนใจและปล่อยเขาไปด้วยเสียงอันดังกึกก้อง คนทั้งสองก็ระเบิดเป็นชิ้น ๆ ในทันที

ทุกคนโดยรอบต่างประหลาดใจเพียงแค่ครู่เดียวที่กำปั้นของหยางเฉินปะทะกับกำปั้นของสหายของเขา ในทันทีกระดูกทั้งหมดช่วงไหล่สหายของเขาหักเป็นชิ้น ๆ แม้ว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากผู้นำกลุ่ม แต่กระดูกก็ยังหักอย่างต่อเนื่องรวดเร็ว หลังจากนั้นทั้งสองก็ระเบิดเป็นชิ้นๆ พร้อมกัน

เจ้าใช้อาคมอะไร?”

คนที่เคยไล่ล่าหยางเฉินมาก่อนตะโกนถามมาจากอีกด้านหนึ่ง

เขาเป็นนักบ่มเพาะมารทุกคนต้องสังหารเขา!

ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานและได้รับการจับคู่กับคนในระดับเดียวกับตัวเองที่พอจะเข้าร่วมการโจมตีนี้กับทุกคนได้ ไม่มีคำอธิบายอื่นได้นอกจากว่าเขาได้ใช้วิชามาร

ฮู่!

หยางเฉินเปล่งเสียงครางออกมาและหันไปหาชายคนนั้น ด้วยดวงตาสีโลหิตทำให้เขาดูเหมือนเทพอสูรสำหรับผู้ที่กำลังมองดูเขาอยู่

ผู้คนรอบ ๆ มองดูผู้นำกลุ่ม ซึ่งเป็นถึงนักบ่มเพาะระดับสูงแต่ก็ยังถูกระเบิด เมื่อเห็นว่ายากที่จะต่อกรกำลังใจต่างหดหายก็เริ่มที่จะหลบหนีในทันที พวกเขาไม่คิดแม้แต่จะเอากระบี่บินของตนคืน

คิดที่จะหนี? มันไม่ง่ายขนาดนั้น!

หยางเฉินรอคอยการพบปะที่ยิ่งใหญ่และยากยิ่งอย่างนี้ แล้วเขาจะปล่อยให้คนพวกนี้หลบหนีไปได้อย่างไร?เขตแดนสวนโอสถถูกใช้ออกมาในทันที

ปกติแล้วภายในหลุมดักเซียนเมื่อถูกไล่ล่าหยางเฉินกังวลว่าผู้อาวุโสหวูจะค้นหาเขาเจอ แม้ว่าเขาจะไม่กล้าที่จะใช้มันแต่ในตอนนี้เขาไม่มีอะไรจะต้องกังวลอีกต่อไป

หยางเฉินอยู่ในระดับก่อสร้างรากฐานแล้ว ดังนั้นไม่ว่าเขาจะใช้พลังจิตวิญญาณหรือจิตสำนึกจิตวิญญาณทั้งสองสิ่งนี้ต่างมีความแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ ยิ่งไปกว่านี้นขวดสวนสมุนไพรนี้ก็เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณ ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วเขาไม่จำเป็นต้องกังวลถึงผลสะท้อนของพลังเขตแดนสวนโอสถ

ในขณะที่พวกเขากำลังกังวลอยู่นั้น เหล่าผู้ที่ได้หลบหนีไปก่อนหน้านี้ จู่ ๆ ก็กรีดร้องอย่างน่าสยดสยอง ก่อนที่พวกเขาจะเห็นได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกนั้น สหายของพวกเขาก็ได้กลายเป็นสิ่งน่าเกลียดน่ากลัวไปอย่างไม่เต็มใจ

การโจมตีเพียงครั้งเดียวนี้ทำให้พวกเขาตื่นกลัว ทุกคนต่างรวบรวมกำลังให้มากที่สุดทั้งอาวุธเวทและรูปแบบอาคม มีผู้หนึ่งในจำนวนที่เหลืออยู่ได้วิ่งออกไปอีกต่าง แต่แค่เพียงสองก้าวเขาก็รู้สึกปวดร้าวไปทั้งร่าง และร่างกายของเขาก็เริ่มไม่มีแรง เขารีบหันกลับมาและเห็นว่าร่างของตนเองนั้นถูกทำลายกลายเป็นศพไปแล้ว

ผู้ที่เหลืออยู่ไม่กล้าที่จะทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่คำนึงอีกต่อไป ได้แต่ยืนอยู่กับที่ไม่กล้าแม้ขยับตัว สายตาที่หวาดกลัวได้แต่มองดูหยางเฉินที่กำลังเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างช้าๆ

เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เป็นสิ่งยืนยันได้ว่า ความแข็งแกร่งของเขานั้นขยายอำนาจมากขึ้น ภายใต้เคล็ดลับวิชาประสานหยินหยางห้าธาตุ ดวงดาวสวรรค์และปีศาจปฐพี ดังนั้นคนเหล่านี้ก็ไม่มีค่าอะไรสำหรับเขา หยางเฉินไม่ต้องการเสียเวลาแม้เพียงน้อยนิดกับคนตายที่เดินได้เหล่านี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงได้กลับไปหาอาจารย์ที่พระราชวังหยางบริสุทธิ์ช้าลง การใช้กลยุทธ์สายฟ้าแลบนี้จะจัดการเรื่องน่าพิศวงนี้ได้อย่างดี

ใครก็ตามที่ขยับที่ ตาย!

หยางเฉินเดินเข้าไปหาคนเหล่านั้นอย่างช้า ๆ และกางมือของเขาออกเพื่อข่มขู่พวกเขา

แล้วพวกเจ้าล่ะ? ทุกคนต่างมีเข็มทิศที่สามารถติดตามตำแหน่งกระเป๋าจัดเก็บของข้าได้ ใคาสั่งให้พวกเจ้าทำเช่นนี้?”

ในตอนแรกพวกเขาต่างลังเลใจ แต่คนเจ้าเล่ห์คนหนึ่งหยิบเอาเข็มทิศในกระเป๋าจัดเก็บของตนเองออกมาอย่างรวดเร็วและส่งให้กับหยางเฉิน หลายๆคนในที่นี้ไม่มีเข็มทิศ พวกเขาต่างถูกชักชวนให้เข้าร่วมช่วยกันสังหารหยางเฉินเท่านั้น

พวกเราถูกชักชวนโดยสหายเต๋าหลีแห่งนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ เข็มทิศนี้ถูกจัดเตรียมไว้ให้พวกเราโดยสหายเต๋าชูเฮิง จากนิกายท่าน!

พวกเขารู้แล้วว่าในเวลานี้พวกเขาต่างเป็นลูกแกะและหยางเฉินนั้นเป็นหมาป่า จะดื้อรั้นขัดขืนเขาไปก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ ไม่เช่นนั้นแล้วผลลัพธ์ก็จะเป็นการที่พวกเขาต้องถูกฆ่าตาย

พวกเขาทุกคนไม่ใช่คนโง่อย่างชูเฮิง ที่เลือกความตายมากกว่าการยอมแพ้ ทุกคนต่างหลังเพียงจะได้รับผลประโยชน์ของตัวเองเพียงเท่านั้น ดังนั้นใครล่ะจะแสดงการเสียสละและการจงรักภักดีของตนเอง? มากไปกว่านั้นชูเฮิงบอกพวกเขาว่าหยางเฉินนั้นเป็นเพียงผู้เยาว์ระดับรวบรวมลมปราณเท่านั้น แต่นับตั้งแต่ที่พวกเขาไม่สามารถโจมตีหยางเฉินได้ พวกเขาก็รู้แล้วว่านี่เป็นเพียงแค่การยืมมือเท่านั้น ใครล่ะจะรู้ว่าผู้เยาว์นี้จะสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญได้อย่างฉับพลัน มันเป็นการยืมมือของพวกเขาสังหารหยางเฉินได้อย่างไร? นี่เป็นการยืมมือของหยางเฉินสังหารพวกเขามากกว่า!

ทั้งสี่คนหลังจากที่มอบเข็มทิศให้กับหยางเฉินก็สูญเสียการรับรู้จากการโจมตีเพียงครั้งเดียวของหยางเฉิน หลังจากนั้นก็กำจัดร่างกายของพวกเขาลำดับต่อไปพวกเขาก็ถูกโยนเข้าไปในสวนโอสถ และปิดผนึกการรับรู้ ส่วนคนที่เหลือเขาไม่สนใจและขยับจากมา ดาบเพชฌฆาตลอยขึ้นไปและฟันลงมาหันทุกคนเป็นชิ้น ๆ เหลือไว้เพียงกระเป๋าจัดเก็บของพวกเขาเท่านั้น

ส่วนผู้ที่เหลือรอดอยู่ต้องช่วยเป็นหลักฐานของหยางเฉินในการแสดงต่อชูเฮิง หลังจากนั้นพวกเขาค่อยตาย สำหรับคนพวกนี้ที่มาช่วยเขาหากว่าใครคิดจะสังหารเขา เขาก็จะไม่ละเว้นให้พวกนั้นมีชีวิตเหมือนกัน

หลังจากจัดการเรื่องนี้แล้วหัวใจของหยางเฉินก็ผ่อนคลายอย่างแท้จริง ในความผ่อนคลายนี้เขาก็คาดหวังว่าตอนนี้เขาอยู่ในระดับก่อสร้างรากฐานแล้ว หลังจากกลับไปที่พระราชวังหยางบริสุทธิ์ เขาจะสามารถเป็นศิษย์สายในและสามารถพบอาจารย์ของเขาที่ไม่ได้เจอกันเลย ตั้งแต่เขาเกิดใหม่อีกครัง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาก็ร้อนใจขึ้นมาปรารถนาให้ถึงพระราชวังหยางบริสุทธิ์ในทันที

ความเร็วในการบินของเหยี่ยวไผ่นั้นช้ามาก เทียบกับทักษะหลบหลีกของหยางเฉินแล้วกินขาด ในช่วงตลอดระยะเวลาการเดินทางหยางเฉินได้ใช้ทักษะหลบหลีก และก็ไม่พบผู้ใดปรากฏซักคน ในขณะที่เขามุ่งหน้าสู่พระราชวังหยางบริสุทธิ์อย่างเต็มกำลัง

บริเวณเส้นทางที่ผ่านมานั้นหยางเฉินคุ้นเคยดี เทพภูเขาเป็นคนแรกที่หยางเฉินได้ตัดหัว วิหารของเทพภูเขาองค์นั้นอยู่ในเส้นทางนี้ ย้อนกลับไปเทพภูเขาได้ทิ้งหินจิตวิญญาณบางส่วนไว้ ซึ่งเขาไม่ต้องการให้หยางซีและพวกได้ไป ดังนั้นหยางเฉินต้องการผ่านไปดูระหว่างทาง

ในตอนนั้นเทพภูเขาได้พูดต่อหน้าแท่นบูชาของตน นั่นทำให้เขาเจ็บปวดที่ต้องทิ้งหินจิตวิญญาณไว้บางส่วน เขารู้สึกว่าเทพภูเขาองค์นั้นช่างน่าสงสารเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะรับมันไว้ แต่เนื่องจากเรื่องนี้มันถูกกำหนดให้เขาจัดการ และเทพภูเขาองค์นั้นได้ทำตามข้อตกลงกับเขาเอาไว้ก่อนตาย แน่นอนว่าหยางเฉินก็ไม่ได้ทำให้อย่างไม่รับผลประโยชน์ ดังนั้นการเก็บหินจิตวิญญาณเหล่านี้ไว้จะทำให้เขารักษาสำนึกที่เชื่อว่าเขาได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

อย่างไรก็ตามเมื่อหยางเฉินหยุดที่วิหารบนภูเขาแห่งนี้ และขุดบริเวณที่ด้านหน้าแท่นพระ เขาเปิดหีบนั้นหยิบหินจิตวิญญาณออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาน้ำตาไหลออกมาอย่างน่าประหลาด

3 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณครับ รอติดตามนานมาก 55+

    ตอบลบ
  2. เรื่องนี้ไม่มีอับแล้วเหรอครับ..หรือว่ามีกลุ่มให้สมัครหรือเปล่าครับ

    ตอบลบ