การสลักอักขระอาคมลงบนเตาไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่
หยางเฉินเองก็เคยใช้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเตาหลอมล้ำเลิศลงอักขระโดยใช้เคล็ดวิชาอาคมก่อร่างปฐพี
แต่การที่จะกระทำโดยใช้เปลวไฟขึ้นรูปอักขระ …นี่เป็นครั้งแรก ทั้งต่อหน้านักปรุงโอสถและผู้อาวุโสหวู
ไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะได้เห็นวิธีนี้
มันไม่ใช่อะไรที่แปลกในการใช้วิธีนี้
ถ้าผู้ใช้อยู่ในระดับออกผล และก็คงเป็นที่ยอมรับชื่นชมราวกับว่าแตะต้องมิได้
แต่มันกำลังจะถูกใช้โดยผู้ที่การบ่มเพาะอยู่เพียงระดับรวบรวมลมปราณ
หนำซ้ำมิได้มาจากนิกายที่มีชื่อเสียงด้านการเป็นผู้ปรุงโอสถ
แต่เป็นศิษย์จากพระราชวังหยางบริสุทธิ์
เหล่านักปรุงยารู้สึกขายหน้าอย่างยิ่ง
มองดูการกระทำของหยางเฉิน พวกเขายิ่งอยากรู้มากขึ้น แต่มิยอมลดความหยิ่งผยองของผู้เชี่ยวชาญระดับออกผลลงและละอายเกินกว่าจะกล้าถาม
ได้แต่เบิกตาให้กว้างขึ้นและมองอย่างตั้งใจทุกการกระทำของหยางเฉิน
เผื่อจะเข้าใจในสิ่งที่หยางเฉินทำ
แต่ไม่ว่าจะด้วยสิ่งที่เห็นด้วยตาหรือรับรู้ด้วยจิตสำนึกวิญญาณ
พวกเขาก็ยังคงไม่เข้าใจและไม่สามารถเข้าถึงใจความสำคัญของกระบวนการทำงาน
ยังคงสับสนอยู่เช่นเดิม
ยามทีหญ้าฟ้าครามชั้นดีถูกส่งเข้าในเตาล้ำเลิศ
มันออกอาการสั่นไหว แต่ภายใต้การควบคุมไฟมันย่อมไร้โอกาสที่จะหลุดพ้น
และในเวลานั้น เหล่าเปลวไฟขนาดเม็ดถั่วล้อมรอบหญ้าฟ้าคราม
แล้วสีเดิมฟ้าครามของมันก็กลายเป็นสีแดงคล้ำ
มันเป็นกระสายยาที่มีความสำคัญมาก
แม้แต่ด้วยทักษะของหยางเฉินก็สามารถหยุดได้ไม่กี่อึดใจ แต่ในช่วงไม่กี่อึดใจนี้
ก็อาศัยฝาปิดเตาแก่จิตวิญญาณที่ปิดไว้อย่างดี
เมื่อหยางเฉินรั้งเปลวไฟที่จะเข้าปะทะหญ้าฟ้าคราม
และอักขระอาคมของลำดับธาตุที่หกปฐพีของชั้นที่หกจากเคล็ดวิชาก่อร่างปฐพีภายในเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณก็เริ่มสำแดงฤทธิ์ของมันในทันที
มันล็อคเจ้าหญ้าฟ้าครามไว้ในค่ายกลอาคมทำให้หมดโอกาสหลบหนี
หยางเฉินเองเพียงต้องการฝึกการควบคุมเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ
เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับพลังจิตวิญญาณที่ต้องใช้สำหรับค่ายกลอาคม
และเร่งการกลั่นและไม่ต้องกังวลเรื่องหญ้าฟ้าครามหลบหนี
เปลวไฟแดงฉานยึดหญ้าทั้งหมดไว้และเริ่มแผดเผามันอย่างช้า ๆ
ร่องรอยพลังปราณของหญ้าฟ้าคราม ค่อย ๆ
ปรากฏภายใต้แรงกดดันจากเปลวไฟแกนพิภพ
แม้เพียงรอยทางเดียวแต่มันเพียงพอที่หยางเฉินได้ทำการทุกอย่างสำหรับค่ายกลอาคมภายในเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ
เพื่อเติมเต็มให้พอกับการควบคุมไฟ
และเขาก็มิได้มีความจำเป็นที่ต้องใช้ยาเม็ดพลังปราณสำหรับฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณของเขา
มันไม่เหมือนกันเลยสำหรับการกลั่นหญ้าฟ้าครามตัวนี้เมื่อเทียบกับที่ผู้อาวุโสหวูใช้ทดสอบเขา
ที่เขาใช้เวลาเพียงชั่วครู่ก็สำเร็จ แม้เปลวไฟแกนพิภพจะเจิดจ้า
แต่ราวกับว่าเจ้าหญ้าฟ้าครามนี้มีอิทธิพลพลังวิญญาณของตัวเอง
และใช้ในการปกป้องตัวเองอยู่ ในระยะเวลาอันสั้นนี้หยางเฉินยังไม่สามารถกลั่นสร้างริ้วรอยแก่มันได้
ไม่ว่าจะใช้วิธีใด
แต่เมื่อเจ้าหญ้าฟ้าครามเข้าไปอยู่ในเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณแล้ว
มันย่อมหมดทางที่จะหนีออกมาได้ แม้คนอื่น ๆ มิอาจรู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นภายใน
แต่หยางเฉินย่อมทราบดี มันเป็นอะไรที่ทุกคนรู้ว่าต้องใช้เวลาพอสมควร
ดังนั้นพวกเขามีความอดทนพอที่จะรอหยางเฉิน
สิ่งที่หยางเฉินต้องทำในขณะนี้คือ
การดูดซับพลังจิตวิญญาณของหญ้าฟ้าครามอย่างช้าๆ ให้มันสงบ หลังจากแทบจะสิ้นแรง
งานชิ้นนี้มันทดสอบความอึดและความแข็งแกร่งในการควบคุมเปลวไฟ
ถ้าความอดทนไม่เพียงพอ หรือมีปัญหาในการควบคุมไฟ
ถ้ามีปัญหาใดเกิดขึ้นแล้วละทิ้งในกลางคัน
จะทำให้คุณสมบัติระดับสวรรค์ของหญ้าฟ้าครามต้องสูญเสียไป
ยังนับว่าโชคดีที่เขาไม่ต้องพะวงเรื่องการหลบหนีของมัน
ทำให้มีใจมุ่งไปที่การควบคุมเปลวไฟเพื่อกลั่นมันเท่านั้น ในเรื่องของความอดทน
เป็นสิ่งที่หยางเฉินไม่เคยบกพร่องเลย แม้แต่ชีวิตที่แล้วก็ตาม
เขาเคยมีประสบการณ์เรื่องความอดทนทรมานมานับพันนับหมื่นปี
เขาหมดเวลากับมันไปสิบวัน
และพบว่าพลังวิญญาณของมันยังคงอยู่และดิ้นรน
แต่โชคร้ายที่มันเข้าไปอยู่ในเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณแล้ว
มันหมดหนทางในการฟื้นฟูพลังวิญญาณ ยิ่งมันใช้พลังไปเท่าใด
ความแข็งแกร่งของมันที่จะขัดขืนก็จะลดลงเรื่อย ๆ ตามที่หยางเฉินคาดคะเน
มันน่าจะใช้เวลาในขั้นตอนการกลั่นนี้สักสองเดือน
ในระหว่างขั้นตอนของการกลั่น
หยางเฉินยังรักษาสภาพพลังจิตวิญญาณไว้เต็มเปี่ยม
ด้วยการดูดซับพลังที่รั่วไหลออกมาของปราณโอสถ มันเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดคาดคิด
ทุกคนทราบดีถึงคุณค่าของหญ้าฟ้าคราม และจ้องมองมาที่เขาอย่างตึงเครียด
เพราะเขาสามารถได้รับพลังจากหญ้าฟ้าคราม
ที่ทุกคนล้วนทราบมาก่อนถึงคุณค่าของสิ่งนี้
และมันจะเป็นประโยชน์ต่อภายภาคหน้าของหยางเฉินเป็นอย่างยิ่ง
เวลาผ่านไปมากกว่าสองเดือนในพริบตา
ภายใต้การปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องและเข้าโจมตีอย่างไม่รู้จบของเปลวไฟแกนพิภพ
ที่สุดหญ้าฟ้าครามก็สงบนิ่งภายในเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณหยุดการดิ้นรน ไม่สั่นไหว
ไร้การเคลื่อนไหวอย่างสิ้นเชิง
พลังจิตวิญญาณอันลึกล้ำพวยพุ่งออกจากเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณเข้าสู่กายหยางเฉิน
ร่างกายที่เคยได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยเลือดของเซียนอมตะนับไม่ถ้วนได้เริ่มที่จะมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเล็กน้อย
เลือดของเขาพลุ่งพล่าน
เหมือนกับว่าเขาได้เพิ่มพูนความสามารถอะไรบางอย่าง
มีความรู้สึกเหมือนพลังชีวิตเต็มเปี่ยม ราวว่าถ้าถูกโจมตีแล้วไม่ตายในตอนนั้น
ร่างกายเขาจะสามารถฟื้นฟูได้สู่สภาพเดิมได้สมบูรณ์
ทั้งหมดเป็นความรู้สึกตามสัญชาติญาณ แม้จะยังไม่ได้ทดสอบดู
แต่หยางเฉินก็มั่นใจเป็นอย่างยิ่ง
มันดูเหมือนว่าตัวเขาได้ดูดซับความสามารถที่อยู่ในหญ้าฟ้าครามขณะกลั่นมัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเค่อเหลียนหยุนไม่ต้องการให้หยางเฉินมีส่วนร่วมในขั้นตอนการกลั่นและกำจัดของเสียจากสมุนไพร
บางทีเขาอาจทราบดีถึงผลประโยชน์มหาศาลที่จะได้รับจากขั้นตอนนี้
หยางเฉินในชีวิตก่อนนี้ไม่ได้มีประสบการณ์ในการปรุงโอสถมากนัก
ดังนั้นเขาจึงมิได้คุ้นเคยกับหญ้าฟ้าครามชั้นยอดนี้มากนัก
ตอนนั้นเชื่อเพียงว่ามันมีพลังจิตวิญญาณมากเท่านั้น แต่ตอนนี้ทราบแล้วว่า
มันมีประโยชน์มหาศาลยิ่งนัก
พลังจิตวิญญาณพุ่งเข้าเติมแต่งพลังจิตวิญญาณภายในร่างของหยางเฉินอย่างโหมกระหน่ำ
หลังจากที่ใช้เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณในการกลั่นสองสามเดือนมานี้ ดูเหมือนเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณแทบไม่มีสิ่งปนเปื้อนเจือปน
ภายใต้อิทธิพลพลังจิตวิญญาณและพลังหยิน-หยางของห้าธาตุมันถูกกระตุ้นให้เริ่มโคจรพลังอย่างดุดัน
ถึงแม้ว่าหยางเฉินจะใช้เคล็ดวิชาหยินหยางห้าธาตุย้อนกลับเพื่อขัดเกลาพลังจิตวิญญาณ
แต่ก็ยังคงมีกระแสของพลังจิตวิญญาณพุ่งเข้าสู่ร่างของเขาไม่สิ้นสุดเช่นเดิม
พลังจิตวิญญาณนี้มันสะสมอยู่ภายในหญ้าฟ้าคราม ค่อยๆถูกปล่อยออกมาเรื่อย ๆ
และเพียงส่วนแรกของการกลั่นบางส่วนของพลังจิตวิญญาณ
..มันก็เพียงพอที่จะเป็นกำไรไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!
หยางเฉินค่อย ๆ
ประคองร่างกายตลอดเวลาที่นั่งโคจรพลังเพื่อเข้าสู่ระดับก่อสร้างรากฐาน
และตอนนี้ได้เวลาที่จะเร่ง ด้วยการใช้พลังจิตวิญญาณที่ลึกล้ำ
พลังจิตวิญญาณของเขาเริ่มที่จะเพิ่มอย่างดุดัน และค่อยๆไหลออกมาสู่ภายนอก
เหมือนจะพยายามหลอมรวมกับพลังจิตวิญญาณของโลกภายนอก
พลังจิตวิญญาณที่หนาแน่นในหมู่บ้านนี้
เริ่มรวมเข้ากับพลังจิตวิญญาณในร่างหยางเฉิน และค่อยๆรวมเป็นหนึ่งเดียว
ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกทั้งสี่ และหนึ่งผู้เชี่ยวชาญระดับออกผล
ประกายแสงเปล่งจากร่างหยางเฉินและพลังสำนึกจิตวิญญาณภายในตัวหมู่บ้านเริ่มมารวมกัน
“เชื่อมต่อพลังของสวรรค์และปฐพี”
ผู้อาวุโสหวูจ้องเขม็งและทันใดนั้นก็คิ้วขมวด
“หืม..รวบรวมทะลวงการบ่มเพาะตอนนี้รึ
? “
การเข้าถึงระดับก่อสร้างรากฐานของหยางเฉิน
แม้ว่าจะสร้างความยินดีอย่างมากแก่ผู้อาวุโสหวู
แต่เขาก็เกรงว่าในขณะที่หยางเฉินต้องเชื่อมต่อกับพลังจากสวรรค์และปฐพี
จังหวะนั้นอาจจะทำให้เกิดความผิดพลาดในการควบุคุมการกลั่นหญ้าฟ้าครามขึ้นได้
ส่วนผสมตัวยาอื่น ๆ มีเตรียมไว้หลายชุด แต่สำหรับหญ้าฟ้าคราม …มันมีเพียงหนึ่งเดียวนี้เท่านั้น!
ยามนี้ผู้อาวุโสหวูรู้สึกเสียใจที่หยางเฉินกำลังทะลวงด่านการบ่มเพาะขั้นก่อสร้างรากฐาน
ในยามเวลานี้ แต่โชคร้ายจริงที่เขาไม่รู้ก่อนหน้า
พวกนักปรุงโอสถที่ล้วนทราบดีแต่เหตุใดไม่มีใครเตือนเขา
คิดอย่างนี้เลยหันไปทางผู้ปรุงโอสถทั้งสาม …หากงานนี้ล้มเหลวขึ้นมาเจ้าสามคนนี่แหละต้องรับผิดชอบ
อันที่จริงแล้ว ทั้งเติ้งอี้
เค่อเหลียนหยุน และจูเพิง ล้วนประหลาดใจ แม้จะทราบถึงผลประโยชน์มากมายจากหญ้าฟ้าคราม
แต่ย่อมมิได้คาดคิดว่าหยางเฉินจะถึงกับทะลวงเขตแดน
แต่กว่าจะรู้สึกทุกอย่างก็ผ่านไปแล้ว ทั้ง ๆ
ที่พวกเขาใช้จิตสำนึกวิญญาณจดจ่ออยู่กับหยางเฉินตลอด
แต่ก็เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่หยางเฉินอาจทำขึ้น
อิทธิพลของพลังจิตวิญญาณแห่งสวรรค์และปฐพี
พุ่งเข้าหาหยางเฉินอย่างคลุ้มคลั่ง แต่เขาได้เตรียมไว้แล้ว
และปลดปล่อยการควบคุมให้พลังจิตวิญญาณสวรรค์และปฐพีเข้าสู่ร่างกาย
แต่มือที่ควบคุมสายใยแห่งเปลวไฟไม่ได้บกพร่องแม้แต่น้อย
ยังคงควบคุมการเผาหญ้าฟ้าครามอย่างมั่นคง
เห็นการกระทำอย่างนี้พอจะทำให้ความวิตกของผู้เฝ้าดูลดลงไปบ้าง
แม้ว่าพลังจิตสำนึกวิญญาณของพวกเขาจะไม่สามารถบอกได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นภายในเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณหรือไม่
แต่จากทักษะมือข้างเดียวควบคุมไฟนั้น ..ไม่มีความผิดพลาดให้ปรากฏ
ทำให้ความวิตกกังวลของพวกเขาบรรเทาลง
ผู้อาวุโสหวูย่อมปิติอย่างยิ่ง
ที่เห็นหยางเฉินยังใส่ใจทุ่มเทกับกระบวนการกลั่นหญ้าฟ้าครามอย่างต่อเนื่อง
แม้จะแปลกใจกับการทะลวงการบ่มเพาะ แต่ทั้งหวั่นเกรงทั้งสุขใจ ผู้บ่มเพาะทั่ว ๆ
ไปย่อมเกิดความผิดพลาดในการควบคุมเส้นเปลวไฟแน่นอนในยามที่ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน
แต่สำหรับความสามารถในการควบคุมเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณของหยางเฉินไม่มีสิ่งคลาดเคลื่อนแม้แต่น้อย
แม้แต่ตัวผู้อาวุโสหวูเองยังคิดว่าถ้าเกิดเหตุการณ์นี้กับตนเองแล้วคงไม่มีทางควบคุมได้
หญ้าฟ้าครามระดับสุดยอดรวมทั้งอิทธิพลของพลังจิตวิญญาณที่มีหนาแน่นในหมู่บ้าน
ทำให้การการทะลวงถึงขั้นระดับก่อสร้างรากฐานของหยางเฉินไร้อุปสรรค
พลังจิตสำนึกและพลังจิตวิญญาณของเขาได้เพิ่มอย่างเร่งร้อนในขั้นตอนนี้
การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่สะสมมานานในที่สุดก็ช่วยยกระดับการบ่มเพาะ
พลังจิตวิญญาณจำนวนมากเริ่มล้นไหลออกจากเส้นชีพจรเข้าสู่ร่างกาย และทำการหล่อเลี้ยงอวัยวะภายในทั้งหมด
พลังโอสถและพลังจิตวิญญาณไหลเข้าไปชะล้างเส้นลมปราณไปทั่วทั้งร่างหยางเฉินทีละนิด
ร่างกายที่หล่อเลี้ยงด้วยแก่นเลือดเหล่าเซียนนับหมื่นเริ่มปลดปล่อยของเสียสีดำออกมา
ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ
นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานที่ทุกคนต้องผ่านเมื่อเข้าสู่ขั้นระดับก่อสร้างรากฐาน
สิ่งสกปรกภายในจะถูกขับออกไปเพื่อให้พลังภายในเกิดความเสถียรขึ้น
แต่ในขณะนี้ไม่มีใครคิดจะทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่หยางเฉินขับออกมา
เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนเขาและทำลายกระบวนการทั้งหมดในการกลิ่นและชำระล้าง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องทนกลิ่นที่น่าสยดสยองนี้ต่อไปเพราะนี่คือโอกาสเดียวในการกลั่นสกัดหญ้าฟ้าคราม
พวกเขาไม่กล้าที่จะผ่อนคลายใดๆจ้องเขม็งมอง
และกังวลว่าหยางเฉินจะได้รับการรบกวนจากเรื่องนี้แล้วทำให้เกิดการสูญเสียการควบคุมไป
ในขณะที่ทุกคนกำลังจ้องมองไปที่หยางเฉิน
แต่หยางเฉินกลับทำให้วิญญาณของพวกเขาแทบหลุดออกจากร่าง
เขาสร้างความประหลาดใจด้วยการเอามือข้างหนึ่งออกจากเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ
แล้วใช้พลังจิตธาตุน้ำปล่อยเป็นสายน้ำชำระล้างร่างกายราวกับมังกรพ่นน้ำ
ภายในเวลาสั้น ๆ มันก็ล้างสิ่งสกปรกที่ร่างของเขาปล่อยออกมา แต่หลังจากนั้นเขากลับนำสิ่งสกปรกนี้บรรจุในขวดหยก
ยิ่งสร้างความงุนงงแก่ทุกคนเข้าไปอีก
แต่กระนั้น
สิ่งที่สร้างความประหลาดใจมากที่สุด แม้หยางเฉินจะทำอะไรหลายอย่างด้วยมือข้างหนึ่ง
แต่มือข้างที่เหลือนั้นตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้ทำสิ่งใดที่ผิดพลาดแม้แต่น้อย
พลังจิตวิญญาณที่ออกมานั้นทั้งสม่ำเสมอและมั่นคง ราวกับว่ามีหยางเฉินพร้อมกันสองคน
แม้คนอื่นจะไม่ทราบแต่หยางเฉินรู้ถึงร่างกายของตนดีว่า
หลังจากมาถึงระดับก่อสร้างรากฐาน
พลังจิตสำนึกวิญญาณเพิ่มอย่างมากมายจนพุ่งถึงจุดสูงสุดของระดับก่อลำต้น
ในตอนนี้มันเห็นผลอย่างชัดว่าเป็นผลจากเคล็ดวิชาสามรู้แจ้ง
แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่บรรลุถึงระดับดั้งเดิมครั้ง แต่แค่แยกจิตทำงานสองอย่างพร้อมกันไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
ด้านหนึ่งควบคุมการกลั่นหญ้าฟ้าครามในเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ
อีกด้านหนึ่งใช้พลังจิตวิญญาณในการชำระล้างร่างกาย
ราวกับว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก
ทุกคนล้วนกริ่งเกรง
กลัวกระทั่งว่าเม็ดเหงื่อจะหล่นจากใบหน้า ตอนนี้ความยกย่องที่มีต่อหยางเฉินได้เพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง
แต่ก็ยังงุนงงที่เห็นหยางเฉินเก็บเหล่าของเสียเข้าขวดหยก
ทว่าก็ยังไม่ใช่เวลาที่จะถาม ดูจนกระทั่งเขาทำเสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง
ขณะที่หยางเฉินสนุกสนานไปกับทำความสะอาดร่างกายด้วยมือข้างหนึ่ง
และอีกข้างก็ควบคุมการกลั่นด้วยเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ
แม้ส่วนต่าง ๆ
ของพลังจิตหญ้าฟ้าครามจะหายไป
แต่ในกระบวนการกลั่นยังคงต้องการพลังเพื่อใช้ในการบดป่น
โชคดีที่การบ่มเพาะของหยางเฉินเข้าสู่ระดับก่อสร้างรากฐานแล้ว
ทำให้พลังจิตวิญญาณและการรับรู้แข็งแกร่งมากขึ้น นอกจากนี้พลังของตัวยาที่กระจายจากหญ้าฟ้าครามทำให้แน่ใจว่ามันมีพลังจิตวิญญาณมากมายเพียงพอ
จึงไม่มีเหตุผลใดที่ต้องกังวลในตอนกลั่น
ในที่สุดพลังจิตวิญญาณธาตุไฟก็ทะลุผ่านคอขวดของระดับรวบรวมลมปราณเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐาน
ในขณะที่พลังจิตวิญญาณธาตุอื่น ๆ ล้วนถูกยกระดับขึ้นหนึ่งขั้นจากการกระตุ้นของหญ้าฟ้าคราม
จากขั้นที่แปดไปสู่ขั้นที่เก้าของระดับรวบรวมลมปราณ
ในขณะที่อีกด้านที่กำลังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงคือการกลั่นหญ้าฟ้าคราม
อย่างต่อเนื่องอีกสิบวัน
ในระหว่างนี้หญ้าฟ้าครามเริ่มจากเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำและอ่อนนุ่ม แล้วค่อย ๆ
กลายเป็นของเหลว ของเสียที่ไม่บริสุทธิ์ของโอสถเหลวถูกปล่อยที่ขอบเตาปรุงยา
ภายใต้การควบคุมเปลวไฟที่แม่นยำ จึงได้รับโอสถเหลวที่บริสุทธิ์ล้วน ๆ
หลังจากที่ของเหลวสมุนไพรถูกแยกออกมาอย่างสมบูรณ์
หยางเฉินได้ทำการควบคุมไฟให้เปลวไฟกำจัดสิ่งสกปรกที่ยังหลงเหลืออยู่
ทำให้มันมีความบริสุทธ์
“หญ้าสีฟ้าครามได้ถูกกลั่นสกัดโดยสมบูรณ์แล้ว
เตรียมเตาปรุงยาให้พร้อมเลย”
หญ้าฟ้าครามต้องใช้ในทันทีที่กลั่นสำเร็จ
ทุกๆคนเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ดังนั้นทันทีที่ได้ยินหยางเฉินเอ่ย
เติ้งอี้ได้นำเตาปรุงโอสถออกมาวางเบื้องหน้าหยางเฉิน มันเป็นเตาปรุงโอสถที่มีระดับสูงกว่าเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณของหยางเฉินมากนัก
เจ้าอุปกรณ์อาคมนี้มันปลดปล่อยรังสีสีม่วงออกจากตัวมัน
ดูแล้วราวกับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ยืนอยู่ต่อหน้าสามัญชน
หยางเฉินควบคุมโอสถเหลวของหญ้าฟ้าครามด้วยกำลังที่มี
แล้วเปิดฝาเตาส่งมันเข้าไปในเตาของเติ้งอี้ ที่ตระเตรียมไว้นานแล้ว
ทันทีที่มันเข้ามาอยู่ในเตาปรุงโอสถของเธอ เธอก็เริ่มเข้าดูแลอย่างทันที
ส่งเจ้าของเหลวนี้ไปก้นเตา
หลังจากเห็นทุกอย่างเรียบร้อย
หยางเฉินจึงเอ่ยวาจาต่อผู้อาวุโสหวู
“ผู้อาวุโส
โชคดีที่ข้าไม่พลาด”
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบขอบคุณครับ รอชมผลงานตอนต่อไป
ตอบลบ