เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2561

ZX 077 มีประโยชน์เช่นนี้ด้วยหรือ?


การสลักอักขระอาคมลงบนเตาไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่ หยางเฉินเองก็เคยใช้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเตาหลอมล้ำเลิศลงอักขระโดยใช้เคล็ดวิชาอาคมก่อร่างปฐพี แต่การที่จะกระทำโดยใช้เปลวไฟขึ้นรูปอักขระ นี่เป็นครั้งแรก ทั้งต่อหน้านักปรุงโอสถและผู้อาวุโสหวู ไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะได้เห็นวิธีนี้

มันไม่ใช่อะไรที่แปลกในการใช้วิธีนี้ ถ้าผู้ใช้อยู่ในระดับออกผล และก็คงเป็นที่ยอมรับชื่นชมราวกับว่าแตะต้องมิได้ แต่มันกำลังจะถูกใช้โดยผู้ที่การบ่มเพาะอยู่เพียงระดับรวบรวมลมปราณ หนำซ้ำมิได้มาจากนิกายที่มีชื่อเสียงด้านการเป็นผู้ปรุงโอสถ แต่เป็นศิษย์จากพระราชวังหยางบริสุทธิ์

เหล่านักปรุงยารู้สึกขายหน้าอย่างยิ่ง มองดูการกระทำของหยางเฉิน พวกเขายิ่งอยากรู้มากขึ้น แต่มิยอมลดความหยิ่งผยองของผู้เชี่ยวชาญระดับออกผลลงและละอายเกินกว่าจะกล้าถาม ได้แต่เบิกตาให้กว้างขึ้นและมองอย่างตั้งใจทุกการกระทำของหยางเฉิน เผื่อจะเข้าใจในสิ่งที่หยางเฉินทำ แต่ไม่ว่าจะด้วยสิ่งที่เห็นด้วยตาหรือรับรู้ด้วยจิตสำนึกวิญญาณ พวกเขาก็ยังคงไม่เข้าใจและไม่สามารถเข้าถึงใจความสำคัญของกระบวนการทำงาน ยังคงสับสนอยู่เช่นเดิม

ยามทีหญ้าฟ้าครามชั้นดีถูกส่งเข้าในเตาล้ำเลิศ มันออกอาการสั่นไหว แต่ภายใต้การควบคุมไฟมันย่อมไร้โอกาสที่จะหลุดพ้น และในเวลานั้น เหล่าเปลวไฟขนาดเม็ดถั่วล้อมรอบหญ้าฟ้าคราม แล้วสีเดิมฟ้าครามของมันก็กลายเป็นสีแดงคล้ำ

มันเป็นกระสายยาที่มีความสำคัญมาก แม้แต่ด้วยทักษะของหยางเฉินก็สามารถหยุดได้ไม่กี่อึดใจ แต่ในช่วงไม่กี่อึดใจนี้ ก็อาศัยฝาปิดเตาแก่จิตวิญญาณที่ปิดไว้อย่างดี

เมื่อหยางเฉินรั้งเปลวไฟที่จะเข้าปะทะหญ้าฟ้าคราม และอักขระอาคมของลำดับธาตุที่หกปฐพีของชั้นที่หกจากเคล็ดวิชาก่อร่างปฐพีภายในเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณก็เริ่มสำแดงฤทธิ์ของมันในทันที มันล็อคเจ้าหญ้าฟ้าครามไว้ในค่ายกลอาคมทำให้หมดโอกาสหลบหนี

หยางเฉินเองเพียงต้องการฝึกการควบคุมเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับพลังจิตวิญญาณที่ต้องใช้สำหรับค่ายกลอาคม และเร่งการกลั่นและไม่ต้องกังวลเรื่องหญ้าฟ้าครามหลบหนี เปลวไฟแดงฉานยึดหญ้าทั้งหมดไว้และเริ่มแผดเผามันอย่างช้า ๆ

ร่องรอยพลังปราณของหญ้าฟ้าคราม ค่อย ๆ ปรากฏภายใต้แรงกดดันจากเปลวไฟแกนพิภพ แม้เพียงรอยทางเดียวแต่มันเพียงพอที่หยางเฉินได้ทำการทุกอย่างสำหรับค่ายกลอาคมภายในเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ เพื่อเติมเต็มให้พอกับการควบคุมไฟ และเขาก็มิได้มีความจำเป็นที่ต้องใช้ยาเม็ดพลังปราณสำหรับฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณของเขา

มันไม่เหมือนกันเลยสำหรับการกลั่นหญ้าฟ้าครามตัวนี้เมื่อเทียบกับที่ผู้อาวุโสหวูใช้ทดสอบเขา ที่เขาใช้เวลาเพียงชั่วครู่ก็สำเร็จ แม้เปลวไฟแกนพิภพจะเจิดจ้า แต่ราวกับว่าเจ้าหญ้าฟ้าครามนี้มีอิทธิพลพลังวิญญาณของตัวเอง และใช้ในการปกป้องตัวเองอยู่ ในระยะเวลาอันสั้นนี้หยางเฉินยังไม่สามารถกลั่นสร้างริ้วรอยแก่มันได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีใด

แต่เมื่อเจ้าหญ้าฟ้าครามเข้าไปอยู่ในเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณแล้ว มันย่อมหมดทางที่จะหนีออกมาได้ แม้คนอื่น ๆ มิอาจรู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นภายใน แต่หยางเฉินย่อมทราบดี มันเป็นอะไรที่ทุกคนรู้ว่าต้องใช้เวลาพอสมควร ดังนั้นพวกเขามีความอดทนพอที่จะรอหยางเฉิน

สิ่งที่หยางเฉินต้องทำในขณะนี้คือ การดูดซับพลังจิตวิญญาณของหญ้าฟ้าครามอย่างช้าๆ ให้มันสงบ หลังจากแทบจะสิ้นแรง งานชิ้นนี้มันทดสอบความอึดและความแข็งแกร่งในการควบคุมเปลวไฟ ถ้าความอดทนไม่เพียงพอ หรือมีปัญหาในการควบคุมไฟ ถ้ามีปัญหาใดเกิดขึ้นแล้วละทิ้งในกลางคัน จะทำให้คุณสมบัติระดับสวรรค์ของหญ้าฟ้าครามต้องสูญเสียไป

ยังนับว่าโชคดีที่เขาไม่ต้องพะวงเรื่องการหลบหนีของมัน ทำให้มีใจมุ่งไปที่การควบคุมเปลวไฟเพื่อกลั่นมันเท่านั้น ในเรื่องของความอดทน เป็นสิ่งที่หยางเฉินไม่เคยบกพร่องเลย แม้แต่ชีวิตที่แล้วก็ตาม เขาเคยมีประสบการณ์เรื่องความอดทนทรมานมานับพันนับหมื่นปี

เขาหมดเวลากับมันไปสิบวัน และพบว่าพลังวิญญาณของมันยังคงอยู่และดิ้นรน แต่โชคร้ายที่มันเข้าไปอยู่ในเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณแล้ว มันหมดหนทางในการฟื้นฟูพลังวิญญาณ ยิ่งมันใช้พลังไปเท่าใด ความแข็งแกร่งของมันที่จะขัดขืนก็จะลดลงเรื่อย ๆ ตามที่หยางเฉินคาดคะเน มันน่าจะใช้เวลาในขั้นตอนการกลั่นนี้สักสองเดือน

 ในระหว่างขั้นตอนของการกลั่น หยางเฉินยังรักษาสภาพพลังจิตวิญญาณไว้เต็มเปี่ยม ด้วยการดูดซับพลังที่รั่วไหลออกมาของปราณโอสถ มันเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดคาดคิด ทุกคนทราบดีถึงคุณค่าของหญ้าฟ้าคราม และจ้องมองมาที่เขาอย่างตึงเครียด

เพราะเขาสามารถได้รับพลังจากหญ้าฟ้าคราม ที่ทุกคนล้วนทราบมาก่อนถึงคุณค่าของสิ่งนี้ และมันจะเป็นประโยชน์ต่อภายภาคหน้าของหยางเฉินเป็นอย่างยิ่ง

เวลาผ่านไปมากกว่าสองเดือนในพริบตา ภายใต้การปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องและเข้าโจมตีอย่างไม่รู้จบของเปลวไฟแกนพิภพ ที่สุดหญ้าฟ้าครามก็สงบนิ่งภายในเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณหยุดการดิ้นรน ไม่สั่นไหว ไร้การเคลื่อนไหวอย่างสิ้นเชิง

พลังจิตวิญญาณอันลึกล้ำพวยพุ่งออกจากเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณเข้าสู่กายหยางเฉิน ร่างกายที่เคยได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยเลือดของเซียนอมตะนับไม่ถ้วนได้เริ่มที่จะมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเล็กน้อย

เลือดของเขาพลุ่งพล่าน เหมือนกับว่าเขาได้เพิ่มพูนความสามารถอะไรบางอย่าง มีความรู้สึกเหมือนพลังชีวิตเต็มเปี่ยม ราวว่าถ้าถูกโจมตีแล้วไม่ตายในตอนนั้น ร่างกายเขาจะสามารถฟื้นฟูได้สู่สภาพเดิมได้สมบูรณ์ ทั้งหมดเป็นความรู้สึกตามสัญชาติญาณ แม้จะยังไม่ได้ทดสอบดู แต่หยางเฉินก็มั่นใจเป็นอย่างยิ่ง มันดูเหมือนว่าตัวเขาได้ดูดซับความสามารถที่อยู่ในหญ้าฟ้าครามขณะกลั่นมัน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเค่อเหลียนหยุนไม่ต้องการให้หยางเฉินมีส่วนร่วมในขั้นตอนการกลั่นและกำจัดของเสียจากสมุนไพร บางทีเขาอาจทราบดีถึงผลประโยชน์มหาศาลที่จะได้รับจากขั้นตอนนี้ หยางเฉินในชีวิตก่อนนี้ไม่ได้มีประสบการณ์ในการปรุงโอสถมากนัก ดังนั้นเขาจึงมิได้คุ้นเคยกับหญ้าฟ้าครามชั้นยอดนี้มากนัก ตอนนั้นเชื่อเพียงว่ามันมีพลังจิตวิญญาณมากเท่านั้น แต่ตอนนี้ทราบแล้วว่า มันมีประโยชน์มหาศาลยิ่งนัก

พลังจิตวิญญาณพุ่งเข้าเติมแต่งพลังจิตวิญญาณภายในร่างของหยางเฉินอย่างโหมกระหน่ำ หลังจากที่ใช้เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณในการกลั่นสองสามเดือนมานี้ ดูเหมือนเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณแทบไม่มีสิ่งปนเปื้อนเจือปน ภายใต้อิทธิพลพลังจิตวิญญาณและพลังหยิน-หยางของห้าธาตุมันถูกกระตุ้นให้เริ่มโคจรพลังอย่างดุดัน

ถึงแม้ว่าหยางเฉินจะใช้เคล็ดวิชาหยินหยางห้าธาตุย้อนกลับเพื่อขัดเกลาพลังจิตวิญญาณ แต่ก็ยังคงมีกระแสของพลังจิตวิญญาณพุ่งเข้าสู่ร่างของเขาไม่สิ้นสุดเช่นเดิม พลังจิตวิญญาณนี้มันสะสมอยู่ภายในหญ้าฟ้าคราม ค่อยๆถูกปล่อยออกมาเรื่อย ๆ  และเพียงส่วนแรกของการกลั่นบางส่วนของพลังจิตวิญญาณ ..มันก็เพียงพอที่จะเป็นกำไรไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!

หยางเฉินค่อย ๆ ประคองร่างกายตลอดเวลาที่นั่งโคจรพลังเพื่อเข้าสู่ระดับก่อสร้างรากฐาน และตอนนี้ได้เวลาที่จะเร่ง ด้วยการใช้พลังจิตวิญญาณที่ลึกล้ำ พลังจิตวิญญาณของเขาเริ่มที่จะเพิ่มอย่างดุดัน และค่อยๆไหลออกมาสู่ภายนอก เหมือนจะพยายามหลอมรวมกับพลังจิตวิญญาณของโลกภายนอก

พลังจิตวิญญาณที่หนาแน่นในหมู่บ้านนี้ เริ่มรวมเข้ากับพลังจิตวิญญาณในร่างหยางเฉิน และค่อยๆรวมเป็นหนึ่งเดียว ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกทั้งสี่ และหนึ่งผู้เชี่ยวชาญระดับออกผล  ประกายแสงเปล่งจากร่างหยางเฉินและพลังสำนึกจิตวิญญาณภายในตัวหมู่บ้านเริ่มมารวมกัน

เชื่อมต่อพลังของสวรรค์และปฐพี

ผู้อาวุโสหวูจ้องเขม็งและทันใดนั้นก็คิ้วขมวด

หืม..รวบรวมทะลวงการบ่มเพาะตอนนี้รึ ? “

การเข้าถึงระดับก่อสร้างรากฐานของหยางเฉิน แม้ว่าจะสร้างความยินดีอย่างมากแก่ผู้อาวุโสหวู แต่เขาก็เกรงว่าในขณะที่หยางเฉินต้องเชื่อมต่อกับพลังจากสวรรค์และปฐพี จังหวะนั้นอาจจะทำให้เกิดความผิดพลาดในการควบุคุมการกลั่นหญ้าฟ้าครามขึ้นได้ ส่วนผสมตัวยาอื่น ๆ มีเตรียมไว้หลายชุด แต่สำหรับหญ้าฟ้าคราม มันมีเพียงหนึ่งเดียวนี้เท่านั้น!

ยามนี้ผู้อาวุโสหวูรู้สึกเสียใจที่หยางเฉินกำลังทะลวงด่านการบ่มเพาะขั้นก่อสร้างรากฐาน ในยามเวลานี้ แต่โชคร้ายจริงที่เขาไม่รู้ก่อนหน้า พวกนักปรุงโอสถที่ล้วนทราบดีแต่เหตุใดไม่มีใครเตือนเขา คิดอย่างนี้เลยหันไปทางผู้ปรุงโอสถทั้งสาม หากงานนี้ล้มเหลวขึ้นมาเจ้าสามคนนี่แหละต้องรับผิดชอบ

อันที่จริงแล้ว ทั้งเติ้งอี้ เค่อเหลียนหยุน และจูเพิง ล้วนประหลาดใจ แม้จะทราบถึงผลประโยชน์มากมายจากหญ้าฟ้าคราม แต่ย่อมมิได้คาดคิดว่าหยางเฉินจะถึงกับทะลวงเขตแดน แต่กว่าจะรู้สึกทุกอย่างก็ผ่านไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่พวกเขาใช้จิตสำนึกวิญญาณจดจ่ออยู่กับหยางเฉินตลอด แต่ก็เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่หยางเฉินอาจทำขึ้น

อิทธิพลของพลังจิตวิญญาณแห่งสวรรค์และปฐพี พุ่งเข้าหาหยางเฉินอย่างคลุ้มคลั่ง แต่เขาได้เตรียมไว้แล้ว และปลดปล่อยการควบคุมให้พลังจิตวิญญาณสวรรค์และปฐพีเข้าสู่ร่างกาย แต่มือที่ควบคุมสายใยแห่งเปลวไฟไม่ได้บกพร่องแม้แต่น้อย ยังคงควบคุมการเผาหญ้าฟ้าครามอย่างมั่นคง

เห็นการกระทำอย่างนี้พอจะทำให้ความวิตกของผู้เฝ้าดูลดลงไปบ้าง แม้ว่าพลังจิตสำนึกวิญญาณของพวกเขาจะไม่สามารถบอกได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นภายในเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณหรือไม่ แต่จากทักษะมือข้างเดียวควบคุมไฟนั้น ..ไม่มีความผิดพลาดให้ปรากฏ ทำให้ความวิตกกังวลของพวกเขาบรรเทาลง

ผู้อาวุโสหวูย่อมปิติอย่างยิ่ง ที่เห็นหยางเฉินยังใส่ใจทุ่มเทกับกระบวนการกลั่นหญ้าฟ้าครามอย่างต่อเนื่อง แม้จะแปลกใจกับการทะลวงการบ่มเพาะ แต่ทั้งหวั่นเกรงทั้งสุขใจ ผู้บ่มเพาะทั่ว ๆ ไปย่อมเกิดความผิดพลาดในการควบคุมเส้นเปลวไฟแน่นอนในยามที่ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน แต่สำหรับความสามารถในการควบคุมเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณของหยางเฉินไม่มีสิ่งคลาดเคลื่อนแม้แต่น้อย แม้แต่ตัวผู้อาวุโสหวูเองยังคิดว่าถ้าเกิดเหตุการณ์นี้กับตนเองแล้วคงไม่มีทางควบคุมได้

หญ้าฟ้าครามระดับสุดยอดรวมทั้งอิทธิพลของพลังจิตวิญญาณที่มีหนาแน่นในหมู่บ้าน ทำให้การการทะลวงถึงขั้นระดับก่อสร้างรากฐานของหยางเฉินไร้อุปสรรค พลังจิตสำนึกและพลังจิตวิญญาณของเขาได้เพิ่มอย่างเร่งร้อนในขั้นตอนนี้ การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่สะสมมานานในที่สุดก็ช่วยยกระดับการบ่มเพาะ พลังจิตวิญญาณจำนวนมากเริ่มล้นไหลออกจากเส้นชีพจรเข้าสู่ร่างกาย และทำการหล่อเลี้ยงอวัยวะภายในทั้งหมด

พลังโอสถและพลังจิตวิญญาณไหลเข้าไปชะล้างเส้นลมปราณไปทั่วทั้งร่างหยางเฉินทีละนิด ร่างกายที่หล่อเลี้ยงด้วยแก่นเลือดเหล่าเซียนนับหมื่นเริ่มปลดปล่อยของเสียสีดำออกมา ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ          

นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานที่ทุกคนต้องผ่านเมื่อเข้าสู่ขั้นระดับก่อสร้างรากฐาน สิ่งสกปรกภายในจะถูกขับออกไปเพื่อให้พลังภายในเกิดความเสถียรขึ้น แต่ในขณะนี้ไม่มีใครคิดจะทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่หยางเฉินขับออกมา เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนเขาและทำลายกระบวนการทั้งหมดในการกลิ่นและชำระล้าง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องทนกลิ่นที่น่าสยดสยองนี้ต่อไปเพราะนี่คือโอกาสเดียวในการกลั่นสกัดหญ้าฟ้าคราม พวกเขาไม่กล้าที่จะผ่อนคลายใดๆจ้องเขม็งมอง และกังวลว่าหยางเฉินจะได้รับการรบกวนจากเรื่องนี้แล้วทำให้เกิดการสูญเสียการควบคุมไป

ในขณะที่ทุกคนกำลังจ้องมองไปที่หยางเฉิน แต่หยางเฉินกลับทำให้วิญญาณของพวกเขาแทบหลุดออกจากร่าง เขาสร้างความประหลาดใจด้วยการเอามือข้างหนึ่งออกจากเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ แล้วใช้พลังจิตธาตุน้ำปล่อยเป็นสายน้ำชำระล้างร่างกายราวกับมังกรพ่นน้ำ ภายในเวลาสั้น ๆ มันก็ล้างสิ่งสกปรกที่ร่างของเขาปล่อยออกมา แต่หลังจากนั้นเขากลับนำสิ่งสกปรกนี้บรรจุในขวดหยก ยิ่งสร้างความงุนงงแก่ทุกคนเข้าไปอีก






แต่กระนั้น สิ่งที่สร้างความประหลาดใจมากที่สุด แม้หยางเฉินจะทำอะไรหลายอย่างด้วยมือข้างหนึ่ง แต่มือข้างที่เหลือนั้นตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้ทำสิ่งใดที่ผิดพลาดแม้แต่น้อย พลังจิตวิญญาณที่ออกมานั้นทั้งสม่ำเสมอและมั่นคง ราวกับว่ามีหยางเฉินพร้อมกันสองคน

แม้คนอื่นจะไม่ทราบแต่หยางเฉินรู้ถึงร่างกายของตนดีว่า หลังจากมาถึงระดับก่อสร้างรากฐาน พลังจิตสำนึกวิญญาณเพิ่มอย่างมากมายจนพุ่งถึงจุดสูงสุดของระดับก่อลำต้น ในตอนนี้มันเห็นผลอย่างชัดว่าเป็นผลจากเคล็ดวิชาสามรู้แจ้ง แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่บรรลุถึงระดับดั้งเดิมครั้ง แต่แค่แยกจิตทำงานสองอย่างพร้อมกันไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด ด้านหนึ่งควบคุมการกลั่นหญ้าฟ้าครามในเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ อีกด้านหนึ่งใช้พลังจิตวิญญาณในการชำระล้างร่างกาย ราวกับว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก

ทุกคนล้วนกริ่งเกรง กลัวกระทั่งว่าเม็ดเหงื่อจะหล่นจากใบหน้า ตอนนี้ความยกย่องที่มีต่อหยางเฉินได้เพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง แต่ก็ยังงุนงงที่เห็นหยางเฉินเก็บเหล่าของเสียเข้าขวดหยก ทว่าก็ยังไม่ใช่เวลาที่จะถาม ดูจนกระทั่งเขาทำเสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง ขณะที่หยางเฉินสนุกสนานไปกับทำความสะอาดร่างกายด้วยมือข้างหนึ่ง และอีกข้างก็ควบคุมการกลั่นด้วยเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ

แม้ส่วนต่าง ๆ ของพลังจิตหญ้าฟ้าครามจะหายไป แต่ในกระบวนการกลั่นยังคงต้องการพลังเพื่อใช้ในการบดป่น โชคดีที่การบ่มเพาะของหยางเฉินเข้าสู่ระดับก่อสร้างรากฐานแล้ว ทำให้พลังจิตวิญญาณและการรับรู้แข็งแกร่งมากขึ้น นอกจากนี้พลังของตัวยาที่กระจายจากหญ้าฟ้าครามทำให้แน่ใจว่ามันมีพลังจิตวิญญาณมากมายเพียงพอ จึงไม่มีเหตุผลใดที่ต้องกังวลในตอนกลั่น

ในที่สุดพลังจิตวิญญาณธาตุไฟก็ทะลุผ่านคอขวดของระดับรวบรวมลมปราณเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐาน ในขณะที่พลังจิตวิญญาณธาตุอื่น ๆ ล้วนถูกยกระดับขึ้นหนึ่งขั้นจากการกระตุ้นของหญ้าฟ้าคราม จากขั้นที่แปดไปสู่ขั้นที่เก้าของระดับรวบรวมลมปราณ

ในขณะที่อีกด้านที่กำลังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงคือการกลั่นหญ้าฟ้าคราม อย่างต่อเนื่องอีกสิบวัน ในระหว่างนี้หญ้าฟ้าครามเริ่มจากเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำและอ่อนนุ่ม แล้วค่อย ๆ กลายเป็นของเหลว ของเสียที่ไม่บริสุทธิ์ของโอสถเหลวถูกปล่อยที่ขอบเตาปรุงยา ภายใต้การควบคุมเปลวไฟที่แม่นยำ จึงได้รับโอสถเหลวที่บริสุทธิ์ล้วน ๆ

หลังจากที่ของเหลวสมุนไพรถูกแยกออกมาอย่างสมบูรณ์  หยางเฉินได้ทำการควบคุมไฟให้เปลวไฟกำจัดสิ่งสกปรกที่ยังหลงเหลืออยู่ ทำให้มันมีความบริสุทธ์

หญ้าสีฟ้าครามได้ถูกกลั่นสกัดโดยสมบูรณ์แล้ว เตรียมเตาปรุงยาให้พร้อมเลย

หญ้าฟ้าครามต้องใช้ในทันทีที่กลั่นสำเร็จ ทุกๆคนเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ดังนั้นทันทีที่ได้ยินหยางเฉินเอ่ย เติ้งอี้ได้นำเตาปรุงโอสถออกมาวางเบื้องหน้าหยางเฉิน มันเป็นเตาปรุงโอสถที่มีระดับสูงกว่าเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณของหยางเฉินมากนัก เจ้าอุปกรณ์อาคมนี้มันปลดปล่อยรังสีสีม่วงออกจากตัวมัน ดูแล้วราวกับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ยืนอยู่ต่อหน้าสามัญชน

หยางเฉินควบคุมโอสถเหลวของหญ้าฟ้าครามด้วยกำลังที่มี แล้วเปิดฝาเตาส่งมันเข้าไปในเตาของเติ้งอี้ ที่ตระเตรียมไว้นานแล้ว ทันทีที่มันเข้ามาอยู่ในเตาปรุงโอสถของเธอ เธอก็เริ่มเข้าดูแลอย่างทันที ส่งเจ้าของเหลวนี้ไปก้นเตา

หลังจากเห็นทุกอย่างเรียบร้อย หยางเฉินจึงเอ่ยวาจาต่อผู้อาวุโสหวู

ผู้อาวุโส โชคดีที่ข้าไม่พลาด

2 ความคิดเห็น: