หลังจากการกลั่นโอสถได้เริ่มขึ้น ก็ไม่มีงานสิ่งใดที่หยางเฉินต้องทำ
ด้วยระดับการบ่มเพาะที่ต่ำของเขา
จึงไม่สามารถแม้แต่จะกลั่นน้ำทิพย์สารพัดประโยชน์ที่ใช้ในการปรุงยาเม็ดคว้าครองสวรรค์
ตอนนี้จึงอยู่ว่าง ๆ ดูคนอื่นทำงาน
ด้านจูเฟิง เติ้งอี้และเค่อเหลียนหยุนนั้นคู่ควรกับชื่อเสียงของพวกเขา
นอกเหนือจากการเหตุการณ์พนันกันก่อนหน้า
ที่เค่อเหลียนหยุนเคยกระทำต่อหยางเฉินอย่างหยาบคายแล้ว
ทุกคนต่างก็มีคุณธรรมของตัวเอง
แม้หยางเฉินจะนับได้ว่าเป็นผู้มีทักษะการควบคุมไฟอย่างยอดเยี่ยม
แต่ในชีวิตที่แล้วเขาไม่เคยทุ่มเทเรียนรู้เกี่ยวกับการปรุงโอสถ
ความสามารถของเขาจึงแค่อยู่ในระดับผู้ปรุงโอสถทั่วๆไปในศาลสวรรค์
ในมือข้างหนึ่งเขาไม่ได้มีอุปกรณ์เวทเตาหลอมโอสถ ส่วนอีกข้างก็มักจะซ่อนไว้
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีโอกาสฝึก
แต่ความรู้เล็กๆน้อยๆที่มีนั้นมาจากการสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กับเหล่านักปรุงโอสถ
แต่มิได้เคยมีโอกาสฝึกจริงจัง
ยามนี้ได้มีโอกาสทองในการเฝ้าดูนักปรุงยาระดับสูงปรุงยาอย่างใกล้ชิด
จากประสบการณ์ในชีวิตก่อนและคัมภีร์ที่เขาได้รับจากผู้อาวุโสสูงสุด
เขาสามารถทราบได้ถึงทักษะเหล่านี้จากแค่ชำเลืองมอง
ระดับที่ทรงคุณค่าของพวกเขาเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นนักปรุงโอสถระดับสูงสุดเท่าที่มีในเขตแดนมนุษย์
และแต่ละคนมีรูปแบบรวมทั้งทักษะที่แตกต่างกันและล้วนไม่ธรรมดา
นับเป็นการเปิดหูเปิดตาแก่หยางเฉิน
แม้จะมีความต่างหลากหลายของทักษะ แต่ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน
ในที่สุดหยางเฉินพบวิธีที่ทั้งสามใช้ควบคุมความร้อนในการปรุงโอสถ
ซึ่งมีอธิบายไว้ในคัมภีร์ของผู้อาวุโสสูงสุด
แต่ในคัมภีร์นั้นมีวิธีที่ดีกว่าที่ทั้งสามใช้ตอนนี้
แม้จะดูคล้าย ๆ กัน แต่มันมีจุดต่างที่มิอาจหลุดพ้นการสังเกตุของหยางเฉิน
ถ้าคัมภีร์ของผู้อาวุโสสูงสุดไม่วิเศษพอ แล้วงั้นนักปรุงโอสถทั้งสามจะยอดเยี่ยมกว่างั้นรึ
? ผู้อาวุโสสูงสุดนั้นแทบจะกล่าวได้ว่าเป็นผู้ปรุงโอสถที่สุดยอดทั้งแดนสวรรค์และโลกมนุษย์
แต่โชคร้ายที่คัมภีร์นี้มีเพียงกรรมวิธีขั้นตอนการจัดการกับกระสายยา
ไม่ได้มีทักษะการปรุง การผสม การเก็บและควบแน่นอัดเป็นเม็ดยา
มิฉะนั้นขอแค่มีสูตรของยาระดับก่อลำต้นขั้นที่เก้าเพียงตำรับเดียวและกระสายยาที่พอเหมาะ
เท่านั้นก็พอที่จะทำให้เพิ่มระดับการบ่มเพาะและขึ้นไปสู่อีกเขตแดนในทันที
การกลั่นโอสถไม่ใช่อะไรที่ใช้เวลาสั้น ๆ ตลอดเวลาหยางเฉินไม่ได้สนทนาใด ๆ
กับฟั่นฉาน จุดประสงค์หลักของฟั่นฉานคือการกลั่นวิญญาณดั้งเดิมของสัตว์อสูร
ถ้าจะเปรียบง่าย ๆ
ก็คือจิตวิญญาณดั้งเดิมของเจ้าสัตว์อสูรนี้พอๆ
กับการบ่มเพาะระดับผลิดอกหรือสูงกว่านี้ ยิ่งระดับสูงเท่าใด
ก็ยิ่งเป็นโอกาสแห่งความสำเร็จในการปรุงโอสถคว้าครองสวรรค์
สัตว์จิตวิญญาณอสูรที่ผู้อาวุโสหวูนำมาด้วยตนเองนั้นอยู่ในระดับผลิดอก
อีกแค่ก้าวเดียวก็จะขึ้นเขตแดนสวรรค์และเข้าไปสู่โลกแห่งจิตวิญญาณ
ซึ่งมีเพียงผู้มีการบ่มเพาะระดับออกผลอย่างผู้อาวุโสหวูเท่านั้นที่สามารถจับมันได้โดยไม่ทำให้มันบาดเจ็บ
คนอื่น ๆ ไม่ต้องพูดถึง แต่ขั้นตอนหลังจากจับได้เป็นหน้าที่ของฟั่นฉาน
ซึ่งจะเป็นการบังคับแยกเอาจิตวิญญาณดั้งเดิมของมัน
ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านนี้ของคนจากนิกายฝึกสัตว์อสูร
มันถือเป็นเรื่องปกติที่ฟั่นฉานไม่ได้กล่าวอะไรเกี่ยวกับทักษะการควบคุมสัตว์กับหยางเฉิน
เพราะหยางเฉินเองก็แค่ระดับรวบรวมลมปราณเท่านั้น และไม่ได้มีทีท่าให้การเคารพแก่เขา
สิ่งที่เขาสนใจคือทักษะการควบคุมไฟของหยางเฉิน
แม้ว่าทุกคนล้วนมีห้าธาตุเป็นองค์ประกอบพื้นฐานอยู่แล้ว
แต่ทุกคนที่เห็นการกระทำของหยางเฉินก็สามารถที่จะพูดได้ว่าหยางเฉินมีเคล็ดวิชาลับในการบ่มเพาะ
โชคไม่ดีที่หยางเฉินไม่ได้ใส่ใจต่อการกระทำใด ๆ
หรือแม้แต่คำสัญญาของฟั่นฉาน หยางเฉินจึงไม่ได้เปิดเผยวิธีการบ่มเพาะของเขา
ซึ่งก็มิใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับฟั่นฉาน
เพราะถ้ามีใครสักคนมาถามเขาถึงวิธีฝึกสัตว์ เขาก็คงไม่บอก
และเนื่องจากผู้อาวุโสหวูอยู่ที่นี่จึงไม่มีใครสามารถโจมตีหยางเฉินและสามารถรักษาความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรเอาไว้ได้
เมื่อฟั่นฉานแน่ใจแล้วว่าจะไม่ได้ล่วงรู้ความลับในการบ่มเพาะของหยางเฉิน
การที่เขามาถึงระดับออกดอกได้เขาต้องไม่ใช่คนไร้สมองแน่
จึงตัดสินใจสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับหยางเฉิน
เพราะคนระดับรวบรวมลมปราณที่ทำได้เช่นนี้นับหมื่นปีจึงจะมีครั้ง
หยางเฉินย่อมสามารถขึ้นเป็นระดับสุดยอดนักปรุงโอสถ
ถ้าเขาไม่พยายามเป็นเพื่อนกับสุดยอดนักปรุงโอสถน่ะรึ เขาก็บ้าละ
ฟั่นฉานมุ่งมั่นที่จะสร้างความเป็นมิตรกับหยางเฉิน
ในขณะที่หยางเฉินเองก็ต้องการเก็บเกี่ยวทุกเรื่องในโลกของการบ่มเพาะ
ทำให้ผลประโยชน์ลงตัวทั้งสองฝ่ายสนทนากันอย่างถูกคอ
นอกจากจะเสวนากันเรื่องการบ่มเพาะแล้วไม่ว่าสิ่งใดที่ฟั่นฉานรู้
ก็ล้วนมิได้ปิดบังหยางเฉิน อย่างเรื่องวัสดุที่นำมาทำอาวุธเวทและอีกหลาย ๆ เรื่อง
ผู้อาวุโสหวูให้ความใส่ใจกับการกลั่นนี้อย่างใกล้ชิด
ขั้นตอนแรกไม่ยากมากนัก ขอเพียงเป็นผู้ปรุงโอสถระดับสามก็สามารถรับมือได้
รวมถึงขั้นตอนก่อนหน้าด้วย การแยกน้ำทิพย์สารพัดประโยชน์นั้นใช้เวลาหนึ่งปี
มีเพียงไม่กี่ตัวในของน้ำทิพย์สารพัดประโยชน์ระดับสูงที่ไม่สามารถกลั่นได้ในการปรุงครั้งแรก
ที่เหลือล้วนสามารถกลั่นในครั้งแรกที่ปรุงได้เลย
แม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง
เมื่อเทียบกับน้ำทิพย์สารพัดประโยชน์ระดับสูง แต่หลังจากผ่านการกลั่นหลาย ๆ ครั้ง
มันก็จะมีความสมบูรณ์ และแน่นอนที่จะต้องมีการเตรียมวัสดุทุกอย่างไว้หลายชุด
พร้อมที่จะใช้ได้อีกหลายครั้งในยามฉุกเฉิน
ในขณะกลั่นทุก ๆ คนรู้สึกได้เลยว่า ตัวยาที่ถูกกลั่นโดยหยางเฉินนั้น
มันสามารถนำมาใช้งานได้สะดวกแถมยังสูงด้วยคุณภาพอยู่ในระดับที่พวกเขาจะจัดการได้
ไม่ต้องกังวลในเรื่องคุณภาพเลย แค่ตั้งใจทุ่มเทให้กับการกลั่นนี้
แล้วพวกเขาจะพานพบความสะดวกสบายอีกนับเดือนที่ไม่เคยเจอมาก่อนตั้งแต่มาเป็นนักปรุงโอสถ
สิ่งที่สะดวกสบายสำหรับพวกเขาที่สุดในตอนนี้คือในทุกครั้งที่พวกเขาต้องการดึงเอาตัวยา
พวกเขาจะพบว่าตัวยาอยู่ในตำแหน่งที่หยิบง่าย
หยางเฉินได้ตระเตรียมการจัดวางตัวยาในเวลาที่ต้องการอยู่ในตำแหน่งที่ง่ายและเหมาะสม
ตามวิธีการในคัมภีร์ เป็นการทำงานในฐานะผู้ช่วยที่ทำให้ตัดความกังวลได้อย่างยอดเยี่ยม
ดังนั้นถ้ามีความผิดพลาดหรือล้มเหลวของพวกเขา
ย่อมไม่ใช่สาเหตุมาจากการกลั่นตัวยา การตระเตรียมของหยางเฉิน
หรือการควบคุมความร้อนของพวกเขา
แต่บางทีมันอาจจะเกิดได้จากทักษะหรืออาจจะเพราะการเตรียมยาสารพัดประโยชน์นั้นยากไปทำให้อัตราความสำเร็จต่ำ
ซึ่งก็ล้วนไม่เกี่ยวกับหยางเฉิน
ในตอนที่ช่วยคนเหล่านี้ในการเตรียมสิ่งต่าง
เขาได้สังเกตุทักษะการกลั่นนี้อย่างใกล้ชิด
บางทีเพราะทั้งสามผู้ปรุงโอสถเชื่อในกันและกันโดยไม่ต้องอธิบาย
ว่าคนอื่นที่ดูอยู่ย่อมไม่สามารถเรียนรู้สิ่งใด พวกเขาจึงไม่กลัวและไม่ป้องกันใด ๆ
หยางเฉินจึงสะดวกต่อการแอบเรียนทักษะและวิธีการของแต่ละคน
หยางเฉินศึกษาการปรุงโอสถจากผู้เชี่ยวชาญปรุงโอสถทั้งสามที่อยู่เบื้องหน้าอย่างหน้าไม่อาย
แม้กระทั่งคิดวิธีที่จะทำให้ดีขึ้นไปด้วย จากการทำให้บริสุทธิ์ด้วยการกลั่น จนบัดนี้การกลั่นน้ำทิพย์สารพัดประโยชน์ก็แล้วเสร็จ
ซึ่งใช้เวลาไปมากกว่าหนึ่งปีเล็กน้อย ในระหว่างวันเวลานี้
นอกจากเขาจะเรียนรู้การปรุงโอสถจากการดูคนทั้งสามด้วยการเทียบกับคัมภีร์ของผู้อาวุโสสูงสุดและปรึกษากับฟั่นฉาน
เวลาที่เหลือก็ทำการบ่มเพาะ
หลังการดูดซับพลังจิตวิญญาณ
การบ่มเพาะของหยางเฉินได้เพิ่มจากขั้นที่แปดไปเป็นขั้นสูงสุดของระดับรวบรวมลมปราณคือขั้นที่สิบ
โดยทั่ว ๆ ไปแล้วการเพิ่มระดับการบ่มเพาะยิ่งเร็วยิ่งดี แต่นี่เพิ่มข้ามสองระดับ
…มันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
ในมุมมองของเขาหลักของการบ่มเพาะที่ดีนั้น ต้องทะลวงทีละขั้นเล็กๆ
แล้วค่อยรวบรวมปราณจนเพียงพอที่จะทะลวงขั้นต่อไป
เพราะจากประสบการณ์ฝึกการบ่มเพาะในชีวิตที่แล้วของเขา
เขาทราบดีถึงวิธีการที่จะทำให้การเพิ่มระดับขั้นเป็นไปอย่างมั่นคง การค่อย ๆ
ทำแบบนี้จะทำให้การบ่มเพาะมีความมั่นคงและไม่เกิดปัญหาตามมาในภายภาคหน้า
แม้การเพิ่มขั้นทีละมาก ๆ จะทำให้ย่นเวลา แต่ความเสถียรของปราณจะไม่มั่นคงเพียงพอ
และจะมีปัญหาเรื่องการทะลวงคอขวด ฉะนั้นการยอมเสียเวลา
ในการบ่มเพาะระดับต่ำเพื่อสร้างความเสถียรนั้น จะทำให้การทะลวงระดับในอนาคตนั้นเร็วกว่าแน่นอน
แต่สถานการณ์จริง ไม่อนุญาตให้เขาทำเช่นนั้นได้
เขาทราบดีถึงผลหลังจากดูดซับเปลวไฟ
การเพิ่มพลังการบ่มเพาะธาตุไฟจะไม่ใช่อะไรที่เขาควบคุมได้
ดังนั้นเขาต้องคิดวิธีที่เป็นไปได้เพื่อแก้ไข้ปัญหานี้
หลังการเพิ่มระดับการบ่มเพาะที่รวดเร็ว
ในทันทีนั้นเขาต้องทำให้ลมปราณในเขตแดนนี้เสถียร
แล้วหลังจากนั้นทำการควบแน่นในชั้นนี้ให้เพียงพอ
นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะลดปัญหาการบ่มเพาะในอนาคต
แม้มันต้องต้องใช้เวลาอยู่บ้าง ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือทำการควบแน่นปราณ
การปรุงเม็ดยาคว้าครองสวรรค์เป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับเขา
เป็นการปรุงโอสถเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญระดับออกผลขึ้นสู่เขตแดนโลกจิตวิญญาณ
แม้แต่นักปรุงโอสถระดับสูงอย่าง จูเฟิง เติ้งอี้และเค่อเหลียนหยุน
ยังไม่สามารถคาดเดาถึงปริมาณพลังจิตวิญญาณที่สะสมในนั้น
และหยางเฉินก็อาศัยผลข้างเคียงของกระบวนการกลั่นนี้ดูดซับมัน
ในขั้นตอนการกลั่นและทำให้บริสุทธิ์นั้น ใช่ว่าจะทำสิ่งใดก็ได้ตามต้องการ
มันมีรูปแบบขั้นตอนที่ชัดเจน เริ่มจากการใช้ธาตุไฟ ซึ่งเป็นธาตุพื้นฐานของห้าธาตุ
และมันจะกระตุ้นกันและกันในระหว่างการกลั่น
ตัวกระสายยานั้นย่อมประกอบไปด้วยทั้งห้าธาตุอีกทั้งปราณหยิน-หยาง
มิหนำซ้ำมันไม่ใช่ตัวยาธรรมดา มันเป็นที่สุดของที่สุด
และใช้มันในการชะล้างเส้นชีพจร
ถึงแม้ปราณของตัวยาดูจะไม่เพียงพอที่จะใช้ในการปรับแต่งพลังจิตวิญญาณที่หลั่งไหลออกมาจากการทำงาน
แต่มันก็เพียงพอสำหรับระดับรวบรวมลมปราณเช่นเขาที่จะกำจัดของเสียที่ซ่อนอยู่ออกมา
ต่อเนื่องไปจนถึงเพิ่มความแข็งแกร่ง
ที่จะทำให้การบ่มเพาะมีความเสถียรหรือแม้แต่ทำให้พลังจิตวิญญาณบริสุทธิ์
พลังปราณจากตัวยาจำนวนมากไม่เพียงทำการหล่อเลี้ยงการบ่มเพาะปราณของหยางเฉิน
แต่รวมไปถึงเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณด้วย ยิ่งเป็นโอสถที่ทรงคุณค่ายิ่งเป็นผลดีต่อเตาปรุงโอสถ
จิตใจหยางเฉินนั้นแทบจะเชื่อมต่อกับเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ
ดังนั้นเขาจึงสัมผัสได้ถึงพลังจิตวิญญาณจำนวนมากที่แออัดอยู่ทุกซอกทุกมุมของเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ
ภายใต้อิทธิพลของโอสถที่ทรงคุณค่า
เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณเริ่มขยายขนาดและตัวมันมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
แม้ว่าจะยังไม่ถึงจุดที่จะยกระดับ
แต่ยาที่ถูกปรุงจากมันในตอนนี้จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นมากกว่าสองในสิบ
โอสถต่าง ๆ ถูกเตรียมไว้หมดแล้วในตอนนี้
เหลือเพียงขั้นตอนเอามาผสมหลอมรวมกันและการทำหญ้าฟ้าครามให้บริสุทธิ์ของหยางเฉิน
ตอนนี้พลังบ่มเพาะธาตุไฟของหยางเฉินได้อยู่ที่ขั้นสูงสุดของระดับรวบรวมลมปราณ
ส่วนธาตุอื่นๆอยู่ที่ขั้นที่แปด และมั่นคงมากอยู่ในจุดที่พร้อมจะยกระดับได้
การกลั่นและทำหญ้าฟ้าครามให้บริสุทธิ์ถือเป็นโอกาสของหยางเฉิน
มันเป็นกระสายยาหลักของการปรุงยาเม็ดคว้าครองสวรรค์ ความลึกล้ำของพลังจิตวิญญาณที่มันสะสมนั้นราวกับมหาสมุทรแห่งพลัง
อันจะทำให้ผู้บ่มเพาะระดับออกผลก้าวขึ้นไปสู่อีกเขตแดนได้
แม้กระทั่งแค่เล็กน้อยของปราณของยาที่ได้ดูดซับในขณะกลั่นและกำจัดของเสีย
มันก็เพียงพอที่จะทำให้การบ่มเพาะของหยางเฉินเปลี่ยนจากระดับรวบรวมลมปราณมาสู่ระดับก่อสร้างรากฐาน
ตอนนี้ทั้งสามนักปรุงโอสถกำลังคร่ำเคร่งใช้สมองในการคิดวิธีที่จะผสมตัวยาในขั้นตอนสุดท้าย …แล้วใครจะมามัวใส่ใจกับเขา ? แม้เค่อเหลียนหยุนจะไม่พอใจเขา
แต่ต่อหน้าผู้อาวุโสหวูเขาย่อมมิกล้าเปิดเผยแม้แต่น้อย หยางเฉินจึงทำตามแผนสะดวก โดยปราศจากการรบกวนและป้องกันจากผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกทั้งสี่และอีกหนึ่งระดับออกผล
หญ้าฟ้าครามระดับสูงนี้ พบได้เพียงในส่วนลึกที่สุดของแหล่งแร่หยก
มันถูกจำแนกให้อยู่ในตัวยาระดับสวรรค์ในบรรดาตัวกระสายยาทั้งห้าธาตุ
ถือเป็นกุญแจในการผสมผสานของตัวกระสายยาอื่น ๆ
ทุกขั้นตอนของการกลั่นและทำให้หญ้าฟ้าครามบริสุทธ์นั้นจะหมุนเวียนไปเรื่อย
ๆถ้าไม่ใช่เพราะหยางเฉินเคยแสดงการควบคุมไฟที่ค่อนข้างสมบูรณ์ตอนก่อนหน้านี้แล้ว
งานนี้ไม่ตกถึงมือเขาแน่
ในการถือหญ้าฟ้าครามในมือ แต่นั่นคือการต้องใช้พลังถึงสามในสิบเพื่อควบคุมมัน
มันเป็นสมุนไพรระดับสวรรค์ที่มีความชาญฉลาด ถ้าไม่ระมัดระวัง
มันพร้อมที่จะหนีออกจากมือในทันที …แม้กระทั่งยามนี้
ผู้อาวุโหวูยังต้องเอามันไว้กับตัวเองแทนการที่จะวางมันไว้กับตัวยาอื่น
กล่องที่บรรจุมันนั้นเปิดออกมาเล็ก ๆ ทำให้เห็นแสงสีฟ้าครามของมัน ราวกับมันรู้ชะตากรรมของมัน
จากที่อยู่นิ่งเหมือนตาย ก็เริ่มที่กระวนกระวายดิ้นรนเหมือนสัตว์หนีตาย
แต่ภายใต้พลังที่น่าเกรงขามของผู้อาวุโสหวู
มันเพียงดิ้นรนและเปลี่ยนรูปทรงอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ นั้น ไม่อาจหลีกลี้
ที่ด้านข้างตัวหยางเฉิน ผู้อาวุโสหวูได้สร้างสนามพลังป้องกันการหลบหนีไว้สามชั้น
ป้องกันเวลาที่หยางเฉินเผลอหรือควบคุมมันไม่ได้
เป็นที่รู้กันว่าถ้าเจ้าหญ้าฟ้าครามสัมผัสพื้นเมื่อใดมันสามารถที่จะแทรกแผ่นปฐพีได้ราวกับผู้เชี่ยวชาญ
“เจ้าแน่ใจนะ” ผู้อาวุโสหวูถามน้อยน้ำเสียงห่วงใยก่อนที่เขาจะเริ่ม
ทุกคนทีท่าทีเคร่งเครียด หยางเฉินก็มิได้กล่าวอะไรเพียงพยักหน้าเล็กน้อย
แต่เปลวไฟเริ่มทำงานเข้าไปภายในเตาแล้ว
และเริ่มรวมตัวเป็นรูปแผนผังอักขระที่ดูซับซ้อนมาก
และตรงกลางเป็นเปลวไฟขนาดเม็ดถั่ว
เมื่อมองมาที่รูปแบบอาคมนี้ ผู้อาวุโสหวูแสดงออกถึงความชื่นชม
มันเป็นรูปแบบอาคมที่เขาเคยใช้ในการสกัดกั้นเพื่อให้หญ้าฟ้าครามอยู่ในขวด
จากการจัดการที่ลงตัวนี้ อัตราของการประสบความสำเร็จไม่ต่ำอย่างแน่นอน
เมื่อบรรดาผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถทั้งหลายเห็นถึงการจัดการกับภายในเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณของหยางเฉิน
สีหน้าพวกเขาดูจะเครียด สายตาจ้องมองเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณในมือหยางเฉิน
ราวกับกลัวที่จะพลาดอะไรไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น