ปัง!
ในทันทีที่เขาวางขวดหยกลงบนมือคนที่สวมเสื้อคลุมปักลายเหมือนเกิดเสียงระเบิดดังลั่นไปทั้งหมู่บ้านหลีโลว
ยาเม็ดก่อรากฐานระดับสอง!
เป็นไปได้ว่าคนนั้นที่ได้รับยาก่อรากฐานทั้งสองเม็ดมีโอกาสเก้าสิบเปอร์เซนต์ที่จะเลื่อนขั้นสู่ระดับก่อรากฐาน
และอีกสิบเปอร์เซนต์ขึ้นอยู่กับโชคของเขา ระดับก่อรากฐานเป็นของเขาแล้ว
ถ้าเขาไม่เกิดเผชิญกับโชคร้ายที่ไม่คาดคิด
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ของหยางเฉินทั้งหมดนี้อยู่ในระดับก่อรากฐานหรือแม้แต่ผู้เชียวชาญระดับก่อลำต้น
และใครบางคนในจำนวนนั้นไม่ต้องการสนับสนุนเด็กรุ่นใหม่
ยาเม็ดก่อรากฐานไม่ใช่ปัญหาตราบใดที่พวกเขาสามารถที่จะจ่ายเงินเล็กน้อย
ทุกคนสามารถหามันได้แต่ปัญหาคือยาเม็ดก่อรากฐานระดับสองนั้นเป็นของในตำนาน
ในตอนนี้ทุกคนจ้องมองอย่าเหม่อลอยไปที่ยาเม็ดก่อรากฐานทั้งสองเม็ดในมือของคนที่สวมเสื้อคลุมปักลาย
ทุกคนเพ่งมองและถูกแผดเผาไปด้วยความต้องการ
เมื่อเห็นสายตาทุกคนที่เพ่งมองมาชายที่สวมเสื้อคลุมปักลายก็เริ่มกลัวและเก็บซ่อนขวดหยกใส่ในกระเป๋าจัดเก็บทันที
จากนั้นเขาก็มอบแก่นจิตวิญญาณจำนวนมากมาย ให้แก่หยางเฉินด้วยความเคารพ
“นี่คือสิ่งของตามที่สัญญากันไว้อาจารย์
สิ่งนี่เป็นของตอบแทนเพียงน้อยนิดไม่ สามารถเทียบได้กับความเคารพที่ข้ามีต่อท่าน”
Tl: อาจารย์ในความหมายนี้คือผู้เชี่ยวชาญนะคะ
แบบมืออาชีพ
แม้ว่าหยางเฉินจะล้มเหลวในครั้งแรกแต่เขาก็ยังคงสามารถกลั่นยาเม็ดก่อรากฐานระดับสองให้แก่เขาได้
ผู้ที่สวมเสื้อคลุมปักลายรู้สึกยินดีจนพูดอะไรไม่ออก เขารีบเสนอสิ่งตอบแทนให้
เขาเป็นคนแรกที่เดินเข้าไปหาหยางเฉิน แล้วให้หยางเฉินปรุงยาให้กับเขา
หยางเฉินเป็นหนี้บุญคุณเขา ไม่แน่อาจเป็นโชคชะตาที่ต้องการให้เขารู้จักกับหยางเฉิน
โอกาสแบบนี้... เป็นเรื่องน่าเสียดายถ้าเขาปล่อยผ่านไป เขาจึงกล้าที่จะเสนอ
สิ่งตอบแทนให้แก่หยางเฉิน
ผู้ที่สวมเสื้อคลุมปักลายเรียกหยางเฉินอย่างพิเศษว่า
“ท่านปรมาจารย์” อย่างแนบเนียนและไม่รู้สึกเขินอายอะไร ถ้าคนที่สามารถกลั่นยาเม็ดก่อรากฐานระดับสองได้ทั้งที่อยู่ใน
ระดับรวบรวมลมปราณไม่คู่ควรที่จะเรียกว่าปรมาจารย์แล้วละก็ ใครหล่ะที่จะเหมาะสม
“ข้า Yong
Zhu แห่งหมู่บ้านเทียนเจี้ยน
ท่านปรมาจารย์ในอนาคตถ้าท่านต้องการสิ่งใดอย่าได้ลังเลที่จะเรียกข้า
ข้าจะบุกน้ำลุยไฟเพื่อท่าน แม้แต่ความตายนับพันก็ไม่อาจหยุดข้าได้!”
คนในชุดเสื้อคลุมปักลายหลังจากมอบของตอบแทนแล้วก็ยังไม่กล้าที่จะไปไหน
เขารีบแนะนำตัวเองทันที มันจะเป็นความผิดพลาดโง่ๆครั้งใหญ่
ถ้าเขาทำให้หยางเฉินจำชื่อเขาไม่ได้ในครั้งนี้
“ท่านปรมาจารย์หยาง.........
ข้าก็ต้องการยาเม็ดก่อรากฐานระดับสองเช่นกัน”
เพียงแค่ Yong
Zhu แนะนำตัวตนออกมาคนอื่นๆก็เริ่มตะโกนและวิ่งไปหาหยางเฉินทันที
หลังจากที่รู้ลักษณะของหยางเฉินเขาก็เห็นว่ามันไม่เหมาะสมที่จะเรียกเพียงนามสกุลของหยางเฉิน
ดังนั้นในนาทีสุดท้ายเขาจึงเรียกว่าท่านปรมาจารย์ แต่ความเร็วของเขาเร็วมากและพริบตาเดียวก็เข้ามาใกล้ขึ้น
ท่าทาง Yong
Zhu เปลี่ยนไป เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนพยายามที่จะฉกฉวยโอกาสของเขา
เขาแสดงอาการโกรธเคืองในทันทีที่ได้ยินเสียงของกลุ่มคนที่อยู่รอบๆเขา
“ท่านปรมาจารย์
ข้าต้องการยาเม็ดก่อรากฐานระดับสองหนึ่งเม็ด!”
“ท่านปรมาจารย์
ท่านสามารถกลั่นเม็ดยาเทพเนรมิตได้หรือไม่?”
ผู้คนเริ่มเข้ามาและเริ่มเป็นฝูงชนรอบๆ
ส่วนมากต่างผลัก Yong Zhu ไปด้านนอก ให้พ้นทาง Yong
Zhuไม่สามารถทำอะไรกับเหตุการณ์นี้ได้
นอกจากรู้สึกปิติยินดีที่ตนนั้นได้เป็นคนแรกที่ได้รับยาเม็ดของหยางเฉินและมีโอกาสแนะนำตัวเองกับเขา
โชคดีอย่างยิ่งที่เขาได้บอกชื่อของตนเองกับหยางเฉินไปก่อนหน้านี้
ในอนาคตหลังจากหยางเฉินออกจากหลุมดักเซียนเขาต้องพยายามละเอียดถี่ถ้วนที่จะสร้างความสนิทสนมกับหยางเฉิน
คนที่ต้องการยาเม็ดนั้นมีจำนวนมาก
แต่ไม่มีใครสักคนที่ได้เตรียมส่วนผสมมาครบ
ผู้คนจำนวนมากมาเพื่อรอที่จะเจรจากับหยางเฉินก่อนแล้วจะกลับมาภายหลังในโอกาสที่เหมาะสมเพื่อที่จะมอบส่วนผสมที่ยังขาด
แม้ว่าหยางเฉินจะไม่ได้ปฏิเสธใคร
สักคนแต่เขาก็ขอให้เขาเหล่านั้นรอก่อน อย่างไรก็ตามสิ่งตอบแทนนั้นก็ไม่ได้ลด
น้อยลงเลย
ทุกคนต่างรู้สึกปิติยินดีอย่างยิ่งที่สามารถได้ติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญปรุงยาอย่างไม่มี
ข้อจำกัดแม้ว่าหยางเฉินจะให้แค่โอกาสในการกลั่นยาให้แก่พวกเขาในอนาคตเท่านั้นก็ตาม
แต่มันก็เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่
แม้ว่าการบ่มเพาะของหยางเฉินจะอยู่ในระดับต่ำสุดในหมู่บ้านหลีโลว
แต่เมื่อพวกเขาเดินผ่านกระท่อมของเขา
ก็ไม่มีใครเลยกล้าทำเสียงดังรบกวนการบ่มเพาะของเขา
ทุกคนแสดงออกถึงความชื่นชมยินดีบนใบหน้าของพวกเขา
หยางเฉินสามารถกลั่นยาเม็ดก่อรากฐานระดับสองได้นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าหลังจากบรรลุขั้น
ก่อรากฐานแล้วเขาจะสามารถกลั่นเม็ดยาเทพเนรมิต ซึ่งเป็นตัวเลือกแรกๆของเม็ดยาในเวลาที่จะรวมระดับทักษะ
ยาเม็ดนี้เป็นสิ่งที่นักบ่มเพาะระดับก่อรากฐานนั้นโหยหา
ยาเม็ดเทพเนรมิตระดับสองนั้นหมายถึง
โอกาสของพวกเขาในการรวมทักษะที่เพิ่มขึ้นห้าในสิบส่วน
มีใครบ้างหล่ะที่จะไม่ต้องการเพิ่มโอกาสในการรวมระดับทักษะ?
มีใครไม่อยากจะพัฒนาการบ่มเพาะของตนเองไปสู่ขอบเขตต่อไป
เพราะเหตุนี้ เป็นธรรมชาติที่พวกเขาจะประจบประแจงผู้เชี่ยวชาญปรุงยาผู้นี้
ซึ่งหมายถึงความเป็นไปได้
หลังจากนั้นหยางเฉินก็ไม่ได้เดินทางออกจากหมู่บ้านหลีโลวอีก
เมื่อมีคนมาขอให้ เขาปรุงยาหยางเฉินจะช่วยเหลือด้วยการปรุงยาให้
มันสะดวกในการเพิ่มระดับ
ทักษะในการปรุงยาของตัวเขาเองและในเวลาเดียวกันการรวบรวมลมปราณนั้นก็
เป็นการเพิ่มการบำรุงรักษาเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณด้วย
เหตุผลที่แต่ก่อนเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณนั้นมีพลังมาก
เป็นเพราะจำนวนเม็ดยาที่ถูกกลั่นในนั้นไม่สนว่าจะเป็นยาจิตวิญญาณชนิดใด
ยาแบบไหนก็ได้ที่ถูกกลั่นในเตาหลอมก็จะทิ้งร่องรอยลมปราณของยาไว้ซึ่งมันเป็นตัวบำรุงเตาหลอมได้เป็นอย่างดี
แน่นอนว่าหยางเฉินรู้ข้อ นี้เป็นอย่างดี
เพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวังหมู่บ้านหลีโลว
หยางเฉินนั้นไม่ได้ผ่อนคลายแม้แต่น้อย เขาต้องการระวังผู้ที่จะโจมตีเขา
เขาเป็นคนดีมานานเกินไปในชีวิตนี้หยางเฉินไม่เคยพยายามรุกรานใคร
แต่เขาไม่เชื่อว่าคนพวกนั้นจะไม่หยุดอยู่ที่นี่
เพราะหมู่บ้านหลีโลวเป็นทางเข้าออกเดียวของหลุมดักเซียน
สองสามวันมานี้เผิงฮุ่ยอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
ผู้คนด้านนอกมอบหมายให้เขากำจัดนักบ่มเพาะระดับรวมรวมลมปราณที่ไร้ค่าในหลุมดักเซีย
แม้ว่าเขาจะมีเข็มทิศติดตามบอกอาณาเขตอยู่ในกระเป๋าจัดเก็บก็ตาม
แต่เขาและคนอื่นๆอีกหลายคนก็ปล่อยให้เป้าหมายหลบหนีไปได้ในตอนไล่ล่า
นอกจากนี้เขายังปล่อย ให้เพื่อนคนหนึ่งถูกสังหาร
ถึงแม้ว่าคนที่ตายไปนั้นจะเป็นศิษย์ในนิกายใหญ่ที่เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีด้วย
ในฐานะนักบ่มเพาะที่หละหลวมเผิงฮุยมองเห็นความตายของเขาในข้างหน้า
การที่เขาไม่สามารถทำงานให้สำเร็จได้มันทำให้คนข้างนอกไม่ไว้ใจเขา
ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ เผิงฮุ่ยอับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก
ทำให้คนเหล่านั้นรอครึ่งปีแล้วกลับหายวับไป กับตา...
ใครจะมีความสุขกับเรื่องนี้หล่ะ
เหตุการณ์การสังหารสัตว์อสูรบริเวณทะเลสาบลาวาก็เป็นปัญหาอย่างมาก
หลังจากหยางเฉินหนีไปเขาก็พบว่าเหล่าสัตว์อสูรรอบๆที่เหลือเหมือนจะเป็นบ้า
บ่อยครั้งที่พวกมันเริ่มโจมตีคนเหล่านั้นท้ายที่สุดทุกคนต้องอยู่รวมตัวกันถึงจะมีโอกาสรอด
แต่พวกมันก็ยังคงทำให้พวกเขาเหน็ดเหนื่อยแทบตาย
ในครึ่งปีนี้สำหรับเขาแล้วทุกอย่างอยู่ผิดที่ผิดทางไปหมด
ไม่มีเหตุการณ์ดีๆเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้เลย
หลังจากสังหารสัตว์อสูรไปเมื่อสองเดือนก่อนตอนอยู่ข้างนอก
ตอนนี้เผิงฮุ่ยก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเต็มทีแล้ว เขากำลังจะกลับไปที่หมู่บ้านหลีโลวเพื่อเติมเสบียง
เพียงแค่ก้าวเข้ามาถึงปากทางหมู่บ้านหลีโลวเผิงฮุ่ยก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ปกติในทันที
มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติไป
เขาเพิ่มระดับการตรวจสอบก็พบว่าหยางเฉินกำลังยืนอยู่ในระยะที่ไมใ่กล้ไม่ไกลไปจากเขาด้วยรอยยิ้มที่กระจายไปทั้งใบหน้าและดวงตา
เมื่อหยางเฉินเห็นว่าเผิงฮุ่ยกำลังมองดูเขาอยู่
รอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็ยิ่งกว้างขึ้นอีก
“สหายเต๋า
ข้าไม่รู้ว่าจะเรียกเจ้าอย่างไรดี?”
เผิงฮุ่ยก็ต้องสะดุ้ง
ภายในใจเขารู้สึกโหวงในทันทีไม่กล้าแม้แต่จะขานรับชื่อของตนเอง
โดยไม่ต้องใส่ใจใดๆกับหยางเฉินอีก เขารีบหันไปยังทิศทางอื่น และขบคิดในใจว่าเขาจะต้องไปแจ้งบรรดาเพื่อนคนอื่นๆด้วยตัวเขาเอง
ดีที่สุดคือไม่ให้หยางเฉินรู้ตัวตนของเขา
เผิงฮุ่ยกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่จู่ๆเขาพลันได้ยินเสียงที่ไม่น่าเชื่อ
“ท่านปรมาจารย์
คนผู้นี้คือ เผิงฮุ่ยผู้หละหลวมสหายลัทธิเต๋า เหตุผลใดท่านจึงถามถึงเขา?”
ชั่วพริบตาก็มีคนประกาศชื่อของเขาออกไป
แต่สิ่งที่ทำให้เผิงฮุ่ยยิ่งงงเขาไปใหญ่ คือวลีที่ว่า “ปรมาจารย์”
ในที่นี้ใครคือปรมาจารย์
เผิงฮุ่ยหันไปรอบๆด้วยความโกรธ
แต่แล้วเขาก็ได้เห็นภาพที่ทำให้เขาพูดไม่ออก
ผู้คนจำนวนมากปรากฎตัวรายล้อมอยู่รอบหยางเฉิน
สาเหตุนั้นเผิงฮุ่ยไม่ทราบแต่ที่
เขารับรู้ได้คือพลังของผู้คนเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าเขา
สิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากยิ่งขึ้นคือการที่มีนักบ่มเพาะระดับสูงอยู่ข้างกายหยางเฉิน
และรอยยิ้มบนในหน้าพวกเขาเหล่านั้นอีก
มีคนผู้หนึ่งชี้นิ้วมาที่เผิงฮุ่ยเพื่อรายงาน อย่างเอาหน้า
“ท่านปรมาจารย์ข้ารู้ว่าเขาพักอยู่ที่ไหน
ท่านมีเรื่องอะไรกับเขาหรือไม่? หรือท่านต้องการให้ช่วยเหลือสิ่งใด?”
เเม้แต่คนโง่ก็ยังสามารถเข้าใจถึงความขัดแย้งระหว่างเผิงฮุ่ยและหยางเฉินได้
ด้านหนึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญปรุงยาระดับสูงที่มีโอกาสอีกมากมายไม่มีสิ้นสุด ส่วนอีกด้าน
หนึ่งคือนักบ่มเพาะที่หละหลวมที่ไม่มีอำนาจอิทธิพลใดๆ
แม้แต่เด็กน้อยก็ยังรู้ว่าจะต้องเลือกใคร
ฉากด้านหน้าหยางเฉินคือกลุ่มคนที่มีความคาดหวังสอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์
ยกเว้นคนคนเดียว : เผิงฮุ่ย
อีกคนก็วิ่งตรงมาที่หยางเฉินแล้วถามอย่างตรงไปตรงมาว่า
:
“ท่านปรมาจารย์เขาคือใคร
เขาเคยทำผิดอะไรต่อท่านหรือไม่? ข้าควรจับตัวเขาไว้เพื่อให้เขารู้ว่าต้องร้องขอการอภัยจากท่าน?”
ผู้ที่กล่าวในครั้งนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นก่อรากฐานระดับสูง
แน่นอนเขาไม่เห็นเผิงฮุ่ยที่อยู่ในขั้นก่อรากฐานระดับกลางอยู่ในสายตา
เมื่อใดที่หยางเฉินเพียงพยักหน้าเขาก็พร้อมที่จะทำตามที่พูดไว้ก่อนหน้าทันที
ท่าทีแบบนี้ยิ่งทำให้เผิงฮุยกลัว
เมื่อไหร่กันที่หยางเฉิยบรรลุถึงระดับปรมาจารย์
หรือผู้คนทั้งหมู่บ้านหลีโลวจะโง่งม
ทันทีที่เห็นผู้คนกลุ่มใหญ่รวมตัวกันข้างกายหยางเฉินและต่างมีรอยยิ้มรื่นรมย์อยู่บนใบหน้า
เผิงฮุ่ยก็รู้สถานการณ์ในตอนนี้แล้วว่าห่างไกลคำว่าดี เมื่อเขาต้องการหนี
ในทันทีเขาก็รู้สึกเย็นชาวาบไปทั้งคอเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างวางพาดอยู่บนคอเขา
จากนั้นไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงน่ากลัวดังขึ้นจากด้านหลังของเขา
“ท่านปรมาจารย์
ชายผู้นี้ได้ทำผิดต่อท่านหรือไม่? เช่นไรให้ข้าฆ่าเขาตอนนี้เลย?”
เผิงฮุ่ยกลัวจนตัวแข็ง
ใครจะคาดคิดหละว่าเด็กหนุ่มระดับรวบรวมลมปราณจะได้
รับการสนับสนุนจากผู้คนจำนวนมากในหมู่บ้านหลีโลว
จากน้ำเสียงของทุกคนดูเหมือนว่าพวกเขากำลังใช้ชีวิตเพื่อประจบประแจงหยางเฉิน
เขาตั้งใจจะหันไปดูรอบๆ
แต่เพราะกระบี่บินที่พาดอยู่บนคอเขาจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ กลัวว่า
ถ้าเกิดความเข้าใจผิดบางอย่างแล้วเขาจะถูกสังหารให้ตายภายในดาบเดียว
“นี่………………. นี่……………….
ที่นี่………………. คือ………………. หลุมดักเซียน!”
เสียงพูดติดอ่างของเผิงฮุ่ยดังออกมา
หลังจากรอจังหวะดีๆเขาก็พูดต่อ
“การสังหารคนเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับที่นี่!”
ทุกคนต่างเพียงต้องการเอาใจหยางเฉินโดยพวกเขาลืมไปว่าอยู่ในหลุมดักเซียน
หรือบางทีพวกเขาอาจรู้ว่านี่คือหลุมดักเซียนแต่บางคนยังคงต้องการเอาอกเอาใจหยางเฉินเพื่อให้เขาประทับใจ
เมื่อได้ยินคำพูดของเผิงฮุ่ยผู้คนเริ่มลังเล
“ท่านปรมาจารย์
ท่านคิดว่าพวกเราควรทำเช่นไรดี? หรือข้าควรจะให้แน่ใจว่าหลังจาก
ออกจากหลุมดักเซียนแล้วมันจะตายโดยไม่มีที่ฝังศพ?”
ผู้ที่ถือดาบบินพาดอยู่บนคอเผิงฮุ่ยถามขึ้นเพื่อขอคำชี้แนะจากหยางเฉิน
ถึงอย่างไร น้ำเสียงของเขาก็ยังคงน่ากลัวอยู่ดี
แต่ไม่ได้มีท่าทีที่พร้อมจะสังหารเผิงฮุยในทันทีอีกต่อไป
“มีคนเช่นเขาอีกมากมายที่ถูกฆ่าโดยสัตว์อสูรอยู่ทุกวัน”
มีคนจากข้างหนึ่งของหยางเฉินพูดขึ้นในทันที
“ปล่อยเขาไปในตอนนี้แล้วพวกเราจะไล่ตามหลังไป
รอจนเขาถึงเขตที่มีสัตว์อสูรอยู่มากมาย”
ชายผู้นี้ยิ่งอำมหิต
เขาต้องการจะสังหารเขาในหลุมดักเซียนนี้ด้วยตนเองแล้วหลังจากนั้นก็ป้ายความผิดให้แก่สัตว์อสูรใต้พิภพ
ได้ยินเสียงถกเถียงของทุกคนยิ่งทำให้ใจของเผิงฮุ่ยเย็นยะเยือก
หยางเฉินไม่ได้พูดอะไรสักคำ
แต่รอยยิ้มเสแสร้งเย้ยหยันที่อยู่บนใบหน้าก็สร้างเเรงกดดันให้เผิงฮุยได้มากกว่าเมื่อเทียบกับคำพูดของคนอื่นๆ
ใครเลยจะคาดการณ์ได้ว่าเด็กหนุ่มระดับรวบรวมลมปราณที่ผู้คนโลกภายนอกโกรธเคือง
จะเติบโตอย่างดีแล้วเป็นใหญ่ในหลุมดักเซียน
ผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงระดับก่อรากฐานขั้นเจ็ดถึงแปดปิดเส้นทางของเขา
ไม่แม้แต่อนุญาตให้เขาได้พูด นอกจากนี้ความแข็งแรงของพวกเขานั้นสูงกว่าเขา เขาไม่เคยพบเห็นคนสนับสนุน
กลุ่มใหญ่อย่างนี้ภายในหลุมดักเซียน เผิงฮุ่ยก็ยังคงไม่รู้สาเหตุว่าทำไมหยางเฉิน
ผู้ที่แค่เป็นเพียงนักบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณตัวเล็กๆถึงได้กระดิกหางชูคอ
อยู่เหนือนักบ่มเพาะระดับสูงเช่นเขา ถึงแม้ว่าพวกนั้นจะไม่สังหารเขาแต่จะจับกุม
เขาไว้ไหม?
เผิงฮุ่ยรู้ว่าเขานั้นไม่เคยมีความเมตตาต่อหยางเฉิน
บทสรุปที่เป็นไปได้คือร่างกายของเขาจะถูกหั่นออกเป็นหมื่นชิ้นหลังออกจากหลุมดักเซียน
หลังจากที่อยู่มาเป็นเวลานาน
อะไรก็เป็นไปได้หลังจากที่เขากลับจากหาวัตถุดิบที่ต้องการเพิ่ม
ศพของเขาอาจถูกฝังอยู่ในปากของสัตว์อสูรใต้พิภพก็ได้
คนไม่สามารถฆ่ากันเองได้ภายในหลุมดักเซียน
ความไม่พอใจและความแค้นทั้งหมดจากข้างนอกไม่ควรนำเข้ามาในหลุมดักเซียนนี่เป็นกฎที่กำหนดขึ้นโดยอาวุโสสูงสุดทั้งห้าอย่างไรกฎนี้ก็มีผลแค่ในหมู่บ้าน
หลีโลว
ไม่มีใครในอาวุโสสูงสุดทั้งห้าที่เป็นอมตะ ดังนั้นพวกเขาจะสามารถตรวจสอบทุกซอกมุมในหลุมดักเซียนได้อยู่หรอ? คนจำนวนมากต่างตัดสิ้นกันแค่ในบางแง่มุม
อย่างเช่นหยางเฉินที่ถูกเขาไล่สังหารก่อนหน้านี้
การไล่สังหารผู้อื่นนั้นเป็นเรื่องง่าย
แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นตนเองถูกไล่ล่าสังหารบ้าง ความรู้สึกนั้นช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เผิงฮุ่ยเป็นเพียงนักบ่มเพาะระดับก่อรากฐานขั้นกลางเทียบกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดระดับก่อรากฐานหรือระดับก่อลำต้นขั้นต้น
แม้ว่าเขาต้องการที่จะหนีแต่มันคงเป็นไปไม่ได้
นอกจากนี้เขายังไม่มีความสามารถในการหลบซ่อนตัวเหมือนหยางเฉินแม้แต่ในตอนนี้ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังคงไม่รู้ที่ซ่อนตัวของหยางเฉิน
“ทุกคนไม่ต้องใส่ใจเขา
ข้ารู้ว่าจะต้องจัดการเขาเช่นไร!”
ในความคิดของทุกคนหยางเฉินปล่อยเผิงฮุ่ยไปค่อนข้างง่าย
แม้ว่าทุกคนจะไม่เข้าใจแต่ผู้ที่ถือดาบอยู่ไม่มีความคิดที่จะต่อต้านหยางเฉิน
เขาเพียงแค่พ่นลมออกมาทางจมูกใส่เผิงฮุ่ยแล้วค่อยๆหมุนตัวไปทางซ้าย
เพียงแค่นั้นความรู้สึกที่เย็นเป็นน้ำแข็งก็หายไปในทันที
เผิงฮุ่ยผ่อนลมหายใจแล้วหายใจเข้าลึกๆ
อย่างไรก็ตามเขานึกถึงบทสนทนาของคนเหล่านั้นเมื่อครู่
แล้วเขามองไปยังใบหน้าที่สงบลงของหยางเฉินอีกครั้ง เผิงฮุ่ยรู้ว่าหายนะใดที่เขาได้หลบหนีมาในวันนี้
อย่างช่วยไม่ได้ในความสิ้นคิดของเผิงฮุ่ยได้แต่กัดฟันไว้
แล้วคิดว่าเขาจะต้องสังหารหยางเฉินในตอนนี้!
ภายในชั่วขณะกระบี่บินก็จู่โจมตรงไปที่หยางเฉินที่เพิ่งจะหันหัวกลับและเริ่มเดินกระบี่บินพุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
ซึ่งแตกต่างจากลักษณะการฆ่าของหยางเฉินโดยที่จะใช้ใบมีดตัดหัวในการฆ่า
ทุกคนต่างตกใจอย่างมาก
และกำลังนำอาวุธวิเศษของตนออกมา จู่ๆหยางเฉินก็ตะโกนออกมาในทั้นที
“ทุกคนไม่ควรที่จะลงมือ
ในหลุมดักเซียนนี้เราทำตามกฎของสภาอาวุโส!”
สิ่งที่ไม่คาดคิดที่สุดคือ
หลังจากเขาชำเลืองมองไปยังกระบี่บินแวบหนึ่งแล้วก็ยัง คงเดินจากไป
แน่นอนว่าเผิงฮุ่ยได้ยินคำพูดของหยางเฉินและจดจำเข้าไปในจิตสำนึกแต่การที่จะชักกระบี่บินกลับเข้าฝักในตอนนี้จะทำให้เขาอับอายอย่างแน่นอน
ดังนั้นลังเลอยู่ชั่วขณะหนึ่งกระบี่บินก็พุ่งตรงเข้าไปยังหยางเฉินเพื่อสังหารเขา
“บังอาจ!”
ทันใดนั้นคำพูดนี้ก็ดังก้องกังวาลเหมือนฟ้าผ่าเข้าไปในหูของทุกคนและความสง่างามท่วมท้นก็ห้อมล้อมคนเหล่านั้นไว้
เผิงฮุ่ยถูกเสียงกระแทกเข้ามาในลมปราณอย่างฉับพลันทำให้เลือดไหลออกมาทั้งเจ็ดทวาร
กระบี่บินวนไปรอบๆด้วยความเร็วที่ไม่เคยมีมาก่อน มันไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าของ
จากนั้นไม่นานมันก็บินพุ่งตรงทะลุเข้าสู่ร่างของเผิงฮุ่ยในทั้นที
เผิงฮุ่ยมองที่กระบี่บินของตนเองที่เต็มไปด้วยเลือดของเขาอย่างไม่เชื่อ
ร่างกายของเขาโอนเอนเล็กน้อยแล้วจากนั้นก็ล้มลงกับพื้น
แม้ในตอนที่เขาจะตายเขายังตายตาไม่หลับ ไม่สามารถตายอย่างสงบได้
“มันเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะจำกฎของชายชราผู้นี้ไม่ได้
ดีมาก!”
เสียงกลับมาดังอีกครั้งในหูของทุกคนแต่ครั้งนี้นุ่มนวลกว่าเยอะ
ขอบคุณมากครับ
ตอบลบ...ไว้อาลัยหนึ่งวิครับ....
ตอบลบมาก่อนตายก่อน
ตอบลบ