เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันเสาร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2561

ZX 069 เจ้าไม่มีสิทธิบ่นถึงการตายได้


ปัง!

ในทันทีที่เขาวางขวดหยกลงบนมือคนที่สวมเสื้อคลุมปักลายเหมือนเกิดเสียงระเบิดดังลั่นไปทั้งหมู่บ้านหลีโลว ยาเม็ดก่อรากฐานระดับสอง!
เป็นไปได้ว่าคนนั้นที่ได้รับยาก่อรากฐานทั้งสองเม็ดมีโอกาสเก้าสิบเปอร์เซนต์ที่จะเลื่อนขั้นสู่ระดับก่อรากฐาน และอีกสิบเปอร์เซนต์ขึ้นอยู่กับโชคของเขา ระดับก่อรากฐานเป็นของเขาแล้ว ถ้าเขาไม่เกิดเผชิญกับโชคร้ายที่ไม่คาดคิด

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ของหยางเฉินทั้งหมดนี้อยู่ในระดับก่อรากฐานหรือแม้แต่ผู้เชียวชาญระดับก่อลำต้น และใครบางคนในจำนวนนั้นไม่ต้องการสนับสนุนเด็กรุ่นใหม่ ยาเม็ดก่อรากฐานไม่ใช่ปัญหาตราบใดที่พวกเขาสามารถที่จะจ่ายเงินเล็กน้อย ทุกคนสามารถหามันได้แต่ปัญหาคือยาเม็ดก่อรากฐานระดับสองนั้นเป็นของในตำนาน


ในตอนนี้ทุกคนจ้องมองอย่าเหม่อลอยไปที่ยาเม็ดก่อรากฐานทั้งสองเม็ดในมือของคนที่สวมเสื้อคลุมปักลาย ทุกคนเพ่งมองและถูกแผดเผาไปด้วยความต้องการ เมื่อเห็นสายตาทุกคนที่เพ่งมองมาชายที่สวมเสื้อคลุมปักลายก็เริ่มกลัวและเก็บซ่อนขวดหยกใส่ในกระเป๋าจัดเก็บทันที จากนั้นเขาก็มอบแก่นจิตวิญญาณจำนวนมากมาย ให้แก่หยางเฉินด้วยความเคารพ

“นี่คือสิ่งของตามที่สัญญากันไว้อาจารย์ สิ่งนี่เป็นของตอบแทนเพียงน้อยนิดไม่ สามารถเทียบได้กับความเคารพที่ข้ามีต่อท่าน”

Tl: อาจารย์ในความหมายนี้คือผู้เชี่ยวชาญนะคะ แบบมืออาชีพ

แม้ว่าหยางเฉินจะล้มเหลวในครั้งแรกแต่เขาก็ยังคงสามารถกลั่นยาเม็ดก่อรากฐานระดับสองให้แก่เขาได้ ผู้ที่สวมเสื้อคลุมปักลายรู้สึกยินดีจนพูดอะไรไม่ออก เขารีบเสนอสิ่งตอบแทนให้ เขาเป็นคนแรกที่เดินเข้าไปหาหยางเฉิน แล้วให้หยางเฉินปรุงยาให้กับเขา หยางเฉินเป็นหนี้บุญคุณเขา ไม่แน่อาจเป็นโชคชะตาที่ต้องการให้เขารู้จักกับหยางเฉิน โอกาสแบบนี้... เป็นเรื่องน่าเสียดายถ้าเขาปล่อยผ่านไป เขาจึงกล้าที่จะเสนอ สิ่งตอบแทนให้แก่หยางเฉิน

ผู้ที่สวมเสื้อคลุมปักลายเรียกหยางเฉินอย่างพิเศษว่า “ท่านปรมาจารย์” อย่างแนบเนียนและไม่รู้สึกเขินอายอะไร ถ้าคนที่สามารถกลั่นยาเม็ดก่อรากฐานระดับสองได้ทั้งที่อยู่ใน ระดับรวบรวมลมปราณไม่คู่ควรที่จะเรียกว่าปรมาจารย์แล้วละก็ ใครหล่ะที่จะเหมาะสม

“ข้า Yong Zhu แห่งหมู่บ้านเทียนเจี้ยน ท่านปรมาจารย์ในอนาคตถ้าท่านต้องการสิ่งใดอย่าได้ลังเลที่จะเรียกข้า ข้าจะบุกน้ำลุยไฟเพื่อท่าน แม้แต่ความตายนับพันก็ไม่อาจหยุดข้าได้!”

คนในชุดเสื้อคลุมปักลายหลังจากมอบของตอบแทนแล้วก็ยังไม่กล้าที่จะไปไหน เขารีบแนะนำตัวเองทันที มันจะเป็นความผิดพลาดโง่ๆครั้งใหญ่ ถ้าเขาทำให้หยางเฉินจำชื่อเขาไม่ได้ในครั้งนี้

“ท่านปรมาจารย์หยาง......... ข้าก็ต้องการยาเม็ดก่อรากฐานระดับสองเช่นกัน”

เพียงแค่ Yong Zhu แนะนำตัวตนออกมาคนอื่นๆก็เริ่มตะโกนและวิ่งไปหาหยางเฉินทันที หลังจากที่รู้ลักษณะของหยางเฉินเขาก็เห็นว่ามันไม่เหมาะสมที่จะเรียกเพียงนามสกุลของหยางเฉิน ดังนั้นในนาทีสุดท้ายเขาจึงเรียกว่าท่านปรมาจารย์ แต่ความเร็วของเขาเร็วมากและพริบตาเดียวก็เข้ามาใกล้ขึ้น

ท่าทาง Yong Zhu เปลี่ยนไป เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนพยายามที่จะฉกฉวยโอกาสของเขา เขาแสดงอาการโกรธเคืองในทันทีที่ได้ยินเสียงของกลุ่มคนที่อยู่รอบๆเขา

“ท่านปรมาจารย์ ข้าต้องการยาเม็ดก่อรากฐานระดับสองหนึ่งเม็ด!”

“ท่านปรมาจารย์ ท่านสามารถกลั่นเม็ดยาเทพเนรมิตได้หรือไม่?”

ผู้คนเริ่มเข้ามาและเริ่มเป็นฝูงชนรอบๆ ส่วนมากต่างผลัก Yong Zhu ไปด้านนอก ให้พ้นทาง Yong Zhuไม่สามารถทำอะไรกับเหตุการณ์นี้ได้  นอกจากรู้สึกปิติยินดีที่ตนนั้นได้เป็นคนแรกที่ได้รับยาเม็ดของหยางเฉินและมีโอกาสแนะนำตัวเองกับเขา โชคดีอย่างยิ่งที่เขาได้บอกชื่อของตนเองกับหยางเฉินไปก่อนหน้านี้ ในอนาคตหลังจากหยางเฉินออกจากหลุมดักเซียนเขาต้องพยายามละเอียดถี่ถ้วนที่จะสร้างความสนิทสนมกับหยางเฉิน

คนที่ต้องการยาเม็ดนั้นมีจำนวนมาก แต่ไม่มีใครสักคนที่ได้เตรียมส่วนผสมมาครบ ผู้คนจำนวนมากมาเพื่อรอที่จะเจรจากับหยางเฉินก่อนแล้วจะกลับมาภายหลังในโอกาสที่เหมาะสมเพื่อที่จะมอบส่วนผสมที่ยังขาด
แม้ว่าหยางเฉินจะไม่ได้ปฏิเสธใคร สักคนแต่เขาก็ขอให้เขาเหล่านั้นรอก่อน อย่างไรก็ตามสิ่งตอบแทนนั้นก็ไม่ได้ลด น้อยลงเลย

ทุกคนต่างรู้สึกปิติยินดีอย่างยิ่งที่สามารถได้ติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญปรุงยาอย่างไม่มี ข้อจำกัดแม้ว่าหยางเฉินจะให้แค่โอกาสในการกลั่นยาให้แก่พวกเขาในอนาคตเท่านั้นก็ตาม แต่มันก็เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่

แม้ว่าการบ่มเพาะของหยางเฉินจะอยู่ในระดับต่ำสุดในหมู่บ้านหลีโลว แต่เมื่อพวกเขาเดินผ่านกระท่อมของเขา ก็ไม่มีใครเลยกล้าทำเสียงดังรบกวนการบ่มเพาะของเขา

ทุกคนแสดงออกถึงความชื่นชมยินดีบนใบหน้าของพวกเขา หยางเฉินสามารถกลั่นยาเม็ดก่อรากฐานระดับสองได้นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าหลังจากบรรลุขั้น ก่อรากฐานแล้วเขาจะสามารถกลั่นเม็ดยาเทพเนรมิต ซึ่งเป็นตัวเลือกแรกๆของเม็ดยาในเวลาที่จะรวมระดับทักษะ ยาเม็ดนี้เป็นสิ่งที่นักบ่มเพาะระดับก่อรากฐานนั้นโหยหา ยาเม็ดเทพเนรมิตระดับสองนั้นหมายถึง โอกาสของพวกเขาในการรวมทักษะที่เพิ่มขึ้นห้าในสิบส่วน

มีใครบ้างหล่ะที่จะไม่ต้องการเพิ่มโอกาสในการรวมระดับทักษะ?

มีใครไม่อยากจะพัฒนาการบ่มเพาะของตนเองไปสู่ขอบเขตต่อไป เพราะเหตุนี้ เป็นธรรมชาติที่พวกเขาจะประจบประแจงผู้เชี่ยวชาญปรุงยาผู้นี้ ซึ่งหมายถึงความเป็นไปได้

หลังจากนั้นหยางเฉินก็ไม่ได้เดินทางออกจากหมู่บ้านหลีโลวอีก เมื่อมีคนมาขอให้ เขาปรุงยาหยางเฉินจะช่วยเหลือด้วยการปรุงยาให้ มันสะดวกในการเพิ่มระดับ ทักษะในการปรุงยาของตัวเขาเองและในเวลาเดียวกันการรวบรวมลมปราณนั้นก็ เป็นการเพิ่มการบำรุงรักษาเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณด้วย เหตุผลที่แต่ก่อนเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณนั้นมีพลังมาก เป็นเพราะจำนวนเม็ดยาที่ถูกกลั่นในนั้นไม่สนว่าจะเป็นยาจิตวิญญาณชนิดใด ยาแบบไหนก็ได้ที่ถูกกลั่นในเตาหลอมก็จะทิ้งร่องรอยลมปราณของยาไว้ซึ่งมันเป็นตัวบำรุงเตาหลอมได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าหยางเฉินรู้ข้อ นี้เป็นอย่างดี

เพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวังหมู่บ้านหลีโลว หยางเฉินนั้นไม่ได้ผ่อนคลายแม้แต่น้อย เขาต้องการระวังผู้ที่จะโจมตีเขา เขาเป็นคนดีมานานเกินไปในชีวิตนี้หยางเฉินไม่เคยพยายามรุกรานใคร แต่เขาไม่เชื่อว่าคนพวกนั้นจะไม่หยุดอยู่ที่นี่ เพราะหมู่บ้านหลีโลวเป็นทางเข้าออกเดียวของหลุมดักเซียน

สองสามวันมานี้เผิงฮุ่ยอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ผู้คนด้านนอกมอบหมายให้เขากำจัดนักบ่มเพาะระดับรวมรวมลมปราณที่ไร้ค่าในหลุมดักเซีย แม้ว่าเขาจะมีเข็มทิศติดตามบอกอาณาเขตอยู่ในกระเป๋าจัดเก็บก็ตาม แต่เขาและคนอื่นๆอีกหลายคนก็ปล่อยให้เป้าหมายหลบหนีไปได้ในตอนไล่ล่า นอกจากนี้เขายังปล่อย ให้เพื่อนคนหนึ่งถูกสังหาร

ถึงแม้ว่าคนที่ตายไปนั้นจะเป็นศิษย์ในนิกายใหญ่ที่เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีด้วย ในฐานะนักบ่มเพาะที่หละหลวมเผิงฮุยมองเห็นความตายของเขาในข้างหน้า การที่เขาไม่สามารถทำงานให้สำเร็จได้มันทำให้คนข้างนอกไม่ไว้ใจเขา ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ เผิงฮุ่ยอับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก ทำให้คนเหล่านั้นรอครึ่งปีแล้วกลับหายวับไป กับตา... ใครจะมีความสุขกับเรื่องนี้หล่ะ

เหตุการณ์การสังหารสัตว์อสูรบริเวณทะเลสาบลาวาก็เป็นปัญหาอย่างมาก หลังจากหยางเฉินหนีไปเขาก็พบว่าเหล่าสัตว์อสูรรอบๆที่เหลือเหมือนจะเป็นบ้า บ่อยครั้งที่พวกมันเริ่มโจมตีคนเหล่านั้นท้ายที่สุดทุกคนต้องอยู่รวมตัวกันถึงจะมีโอกาสรอด แต่พวกมันก็ยังคงทำให้พวกเขาเหน็ดเหนื่อยแทบตาย

ในครึ่งปีนี้สำหรับเขาแล้วทุกอย่างอยู่ผิดที่ผิดทางไปหมด ไม่มีเหตุการณ์ดีๆเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้เลย หลังจากสังหารสัตว์อสูรไปเมื่อสองเดือนก่อนตอนอยู่ข้างนอก ตอนนี้เผิงฮุ่ยก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเต็มทีแล้ว เขากำลังจะกลับไปที่หมู่บ้านหลีโลวเพื่อเติมเสบียง

เพียงแค่ก้าวเข้ามาถึงปากทางหมู่บ้านหลีโลวเผิงฮุ่ยก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ปกติในทันที มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติไป เขาเพิ่มระดับการตรวจสอบก็พบว่าหยางเฉินกำลังยืนอยู่ในระยะที่ไมใ่กล้ไม่ไกลไปจากเขาด้วยรอยยิ้มที่กระจายไปทั้งใบหน้าและดวงตา

เมื่อหยางเฉินเห็นว่าเผิงฮุ่ยกำลังมองดูเขาอยู่ รอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็ยิ่งกว้างขึ้นอีก

“สหายเต๋า ข้าไม่รู้ว่าจะเรียกเจ้าอย่างไรดี?”

เผิงฮุ่ยก็ต้องสะดุ้ง ภายในใจเขารู้สึกโหวงในทันทีไม่กล้าแม้แต่จะขานรับชื่อของตนเอง โดยไม่ต้องใส่ใจใดๆกับหยางเฉินอีก เขารีบหันไปยังทิศทางอื่น และขบคิดในใจว่าเขาจะต้องไปแจ้งบรรดาเพื่อนคนอื่นๆด้วยตัวเขาเอง ดีที่สุดคือไม่ให้หยางเฉินรู้ตัวตนของเขา

เผิงฮุ่ยกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่จู่ๆเขาพลันได้ยินเสียงที่ไม่น่าเชื่อ

“ท่านปรมาจารย์ คนผู้นี้คือ เผิงฮุ่ยผู้หละหลวมสหายลัทธิเต๋า เหตุผลใดท่านจึงถามถึงเขา?”

ชั่วพริบตาก็มีคนประกาศชื่อของเขาออกไป แต่สิ่งที่ทำให้เผิงฮุ่ยยิ่งงงเขาไปใหญ่ คือวลีที่ว่า “ปรมาจารย์” ในที่นี้ใครคือปรมาจารย์

เผิงฮุ่ยหันไปรอบๆด้วยความโกรธ แต่แล้วเขาก็ได้เห็นภาพที่ทำให้เขาพูดไม่ออก ผู้คนจำนวนมากปรากฎตัวรายล้อมอยู่รอบหยางเฉิน
สาเหตุนั้นเผิงฮุ่ยไม่ทราบแต่ที่ เขารับรู้ได้คือพลังของผู้คนเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าเขา

สิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากยิ่งขึ้นคือการที่มีนักบ่มเพาะระดับสูงอยู่ข้างกายหยางเฉิน และรอยยิ้มบนในหน้าพวกเขาเหล่านั้นอีก มีคนผู้หนึ่งชี้นิ้วมาที่เผิงฮุ่ยเพื่อรายงาน อย่างเอาหน้า

“ท่านปรมาจารย์ข้ารู้ว่าเขาพักอยู่ที่ไหน ท่านมีเรื่องอะไรกับเขาหรือไม่? หรือท่านต้องการให้ช่วยเหลือสิ่งใด?”

เเม้แต่คนโง่ก็ยังสามารถเข้าใจถึงความขัดแย้งระหว่างเผิงฮุ่ยและหยางเฉินได้ ด้านหนึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญปรุงยาระดับสูงที่มีโอกาสอีกมากมายไม่มีสิ้นสุด ส่วนอีกด้าน หนึ่งคือนักบ่มเพาะที่หละหลวมที่ไม่มีอำนาจอิทธิพลใดๆ แม้แต่เด็กน้อยก็ยังรู้ว่าจะต้องเลือกใคร ฉากด้านหน้าหยางเฉินคือกลุ่มคนที่มีความคาดหวังสอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์ ยกเว้นคนคนเดียว : เผิงฮุ่ย

อีกคนก็วิ่งตรงมาที่หยางเฉินแล้วถามอย่างตรงไปตรงมาว่า :

“ท่านปรมาจารย์เขาคือใคร เขาเคยทำผิดอะไรต่อท่านหรือไม่? ข้าควรจับตัวเขาไว้เพื่อให้เขารู้ว่าต้องร้องขอการอภัยจากท่าน?”

ผู้ที่กล่าวในครั้งนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นก่อรากฐานระดับสูง แน่นอนเขาไม่เห็นเผิงฮุ่ยที่อยู่ในขั้นก่อรากฐานระดับกลางอยู่ในสายตา เมื่อใดที่หยางเฉินเพียงพยักหน้าเขาก็พร้อมที่จะทำตามที่พูดไว้ก่อนหน้าทันที ท่าทีแบบนี้ยิ่งทำให้เผิงฮุยกลัว

เมื่อไหร่กันที่หยางเฉิยบรรลุถึงระดับปรมาจารย์ หรือผู้คนทั้งหมู่บ้านหลีโลวจะโง่งม ทันทีที่เห็นผู้คนกลุ่มใหญ่รวมตัวกันข้างกายหยางเฉินและต่างมีรอยยิ้มรื่นรมย์อยู่บนใบหน้า เผิงฮุ่ยก็รู้สถานการณ์ในตอนนี้แล้วว่าห่างไกลคำว่าดี เมื่อเขาต้องการหนี ในทันทีเขาก็รู้สึกเย็นชาวาบไปทั้งคอเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างวางพาดอยู่บนคอเขา จากนั้นไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงน่ากลัวดังขึ้นจากด้านหลังของเขา

“ท่านปรมาจารย์ ชายผู้นี้ได้ทำผิดต่อท่านหรือไม่? เช่นไรให้ข้าฆ่าเขาตอนนี้เลย?”

เผิงฮุ่ยกลัวจนตัวแข็ง ใครจะคาดคิดหละว่าเด็กหนุ่มระดับรวบรวมลมปราณจะได้ รับการสนับสนุนจากผู้คนจำนวนมากในหมู่บ้านหลีโลว
จากน้ำเสียงของทุกคนดูเหมือนว่าพวกเขากำลังใช้ชีวิตเพื่อประจบประแจงหยางเฉิน เขาตั้งใจจะหันไปดูรอบๆ แต่เพราะกระบี่บินที่พาดอยู่บนคอเขาจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ กลัวว่า ถ้าเกิดความเข้าใจผิดบางอย่างแล้วเขาจะถูกสังหารให้ตายภายในดาบเดียว

“นี่………………. นี่………………. ที่นี่………………. คือ………………. หลุมดักเซียน!”

เสียงพูดติดอ่างของเผิงฮุ่ยดังออกมา หลังจากรอจังหวะดีๆเขาก็พูดต่อ

“การสังหารคนเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับที่นี่!”

ทุกคนต่างเพียงต้องการเอาใจหยางเฉินโดยพวกเขาลืมไปว่าอยู่ในหลุมดักเซียน หรือบางทีพวกเขาอาจรู้ว่านี่คือหลุมดักเซียนแต่บางคนยังคงต้องการเอาอกเอาใจหยางเฉินเพื่อให้เขาประทับใจ เมื่อได้ยินคำพูดของเผิงฮุ่ยผู้คนเริ่มลังเล


“ท่านปรมาจารย์ ท่านคิดว่าพวกเราควรทำเช่นไรดี? หรือข้าควรจะให้แน่ใจว่าหลังจาก ออกจากหลุมดักเซียนแล้วมันจะตายโดยไม่มีที่ฝังศพ?”

ผู้ที่ถือดาบบินพาดอยู่บนคอเผิงฮุ่ยถามขึ้นเพื่อขอคำชี้แนะจากหยางเฉิน ถึงอย่างไร น้ำเสียงของเขาก็ยังคงน่ากลัวอยู่ดี แต่ไม่ได้มีท่าทีที่พร้อมจะสังหารเผิงฮุยในทันทีอีกต่อไป

“มีคนเช่นเขาอีกมากมายที่ถูกฆ่าโดยสัตว์อสูรอยู่ทุกวัน”

มีคนจากข้างหนึ่งของหยางเฉินพูดขึ้นในทันที

“ปล่อยเขาไปในตอนนี้แล้วพวกเราจะไล่ตามหลังไป รอจนเขาถึงเขตที่มีสัตว์อสูรอยู่มากมาย”

ชายผู้นี้ยิ่งอำมหิต เขาต้องการจะสังหารเขาในหลุมดักเซียนนี้ด้วยตนเองแล้วหลังจากนั้นก็ป้ายความผิดให้แก่สัตว์อสูรใต้พิภพ

ได้ยินเสียงถกเถียงของทุกคนยิ่งทำให้ใจของเผิงฮุ่ยเย็นยะเยือก หยางเฉินไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่รอยยิ้มเสแสร้งเย้ยหยันที่อยู่บนใบหน้าก็สร้างเเรงกดดันให้เผิงฮุยได้มากกว่าเมื่อเทียบกับคำพูดของคนอื่นๆ

ใครเลยจะคาดการณ์ได้ว่าเด็กหนุ่มระดับรวบรวมลมปราณที่ผู้คนโลกภายนอกโกรธเคือง จะเติบโตอย่างดีแล้วเป็นใหญ่ในหลุมดักเซียน ผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงระดับก่อรากฐานขั้นเจ็ดถึงแปดปิดเส้นทางของเขา ไม่แม้แต่อนุญาตให้เขาได้พูด นอกจากนี้ความแข็งแรงของพวกเขานั้นสูงกว่าเขา เขาไม่เคยพบเห็นคนสนับสนุน กลุ่มใหญ่อย่างนี้ภายในหลุมดักเซียน เผิงฮุ่ยก็ยังคงไม่รู้สาเหตุว่าทำไมหยางเฉิน ผู้ที่แค่เป็นเพียงนักบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณตัวเล็กๆถึงได้กระดิกหางชูคอ อยู่เหนือนักบ่มเพาะระดับสูงเช่นเขา ถึงแม้ว่าพวกนั้นจะไม่สังหารเขาแต่จะจับกุม เขาไว้ไหม?
เผิงฮุ่ยรู้ว่าเขานั้นไม่เคยมีความเมตตาต่อหยางเฉิน บทสรุปที่เป็นไปได้คือร่างกายของเขาจะถูกหั่นออกเป็นหมื่นชิ้นหลังออกจากหลุมดักเซียน หลังจากที่อยู่มาเป็นเวลานาน อะไรก็เป็นไปได้หลังจากที่เขากลับจากหาวัตถุดิบที่ต้องการเพิ่ม ศพของเขาอาจถูกฝังอยู่ในปากของสัตว์อสูรใต้พิภพก็ได้

คนไม่สามารถฆ่ากันเองได้ภายในหลุมดักเซียน ความไม่พอใจและความแค้นทั้งหมดจากข้างนอกไม่ควรนำเข้ามาในหลุมดักเซียนนี่เป็นกฎที่กำหนดขึ้นโดยอาวุโสสูงสุดทั้งห้าอย่างไรกฎนี้ก็มีผลแค่ในหมู่บ้าน
หลีโลว ไม่มีใครในอาวุโสสูงสุดทั้งห้าที่เป็นอมตะ ดังนั้นพวกเขาจะสามารถตรวจสอบทุกซอกมุมในหลุมดักเซียนได้อยู่หรอ? คนจำนวนมากต่างตัดสิ้นกันแค่ในบางแง่มุม อย่างเช่นหยางเฉินที่ถูกเขาไล่สังหารก่อนหน้านี้

การไล่สังหารผู้อื่นนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นตนเองถูกไล่ล่าสังหารบ้าง ความรู้สึกนั้นช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เผิงฮุ่ยเป็นเพียงนักบ่มเพาะระดับก่อรากฐานขั้นกลางเทียบกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดระดับก่อรากฐานหรือระดับก่อลำต้นขั้นต้น แม้ว่าเขาต้องการที่จะหนีแต่มันคงเป็นไปไม่ได้

นอกจากนี้เขายังไม่มีความสามารถในการหลบซ่อนตัวเหมือนหยางเฉินแม้แต่ในตอนนี้ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังคงไม่รู้ที่ซ่อนตัวของหยางเฉิน

“ทุกคนไม่ต้องใส่ใจเขา ข้ารู้ว่าจะต้องจัดการเขาเช่นไร!”

ในความคิดของทุกคนหยางเฉินปล่อยเผิงฮุ่ยไปค่อนข้างง่าย

แม้ว่าทุกคนจะไม่เข้าใจแต่ผู้ที่ถือดาบอยู่ไม่มีความคิดที่จะต่อต้านหยางเฉิน เขาเพียงแค่พ่นลมออกมาทางจมูกใส่เผิงฮุ่ยแล้วค่อยๆหมุนตัวไปทางซ้าย

เพียงแค่นั้นความรู้สึกที่เย็นเป็นน้ำแข็งก็หายไปในทันที เผิงฮุ่ยผ่อนลมหายใจแล้วหายใจเข้าลึกๆ อย่างไรก็ตามเขานึกถึงบทสนทนาของคนเหล่านั้นเมื่อครู่ แล้วเขามองไปยังใบหน้าที่สงบลงของหยางเฉินอีกครั้ง เผิงฮุ่ยรู้ว่าหายนะใดที่เขาได้หลบหนีมาในวันนี้ อย่างช่วยไม่ได้ในความสิ้นคิดของเผิงฮุ่ยได้แต่กัดฟันไว้ แล้วคิดว่าเขาจะต้องสังหารหยางเฉินในตอนนี้!

ภายในชั่วขณะกระบี่บินก็จู่โจมตรงไปที่หยางเฉินที่เพิ่งจะหันหัวกลับและเริ่มเดินกระบี่บินพุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างรวดเร็ว ซึ่งแตกต่างจากลักษณะการฆ่าของหยางเฉินโดยที่จะใช้ใบมีดตัดหัวในการฆ่า

ทุกคนต่างตกใจอย่างมาก และกำลังนำอาวุธวิเศษของตนออกมา จู่ๆหยางเฉินก็ตะโกนออกมาในทั้นที

“ทุกคนไม่ควรที่จะลงมือ ในหลุมดักเซียนนี้เราทำตามกฎของสภาอาวุโส!”

สิ่งที่ไม่คาดคิดที่สุดคือ หลังจากเขาชำเลืองมองไปยังกระบี่บินแวบหนึ่งแล้วก็ยัง คงเดินจากไป

แน่นอนว่าเผิงฮุ่ยได้ยินคำพูดของหยางเฉินและจดจำเข้าไปในจิตสำนึกแต่การที่จะชักกระบี่บินกลับเข้าฝักในตอนนี้จะทำให้เขาอับอายอย่างแน่นอน ดังนั้นลังเลอยู่ชั่วขณะหนึ่งกระบี่บินก็พุ่งตรงเข้าไปยังหยางเฉินเพื่อสังหารเขา

“บังอาจ!”

ทันใดนั้นคำพูดนี้ก็ดังก้องกังวาลเหมือนฟ้าผ่าเข้าไปในหูของทุกคนและความสง่างามท่วมท้นก็ห้อมล้อมคนเหล่านั้นไว้ เผิงฮุ่ยถูกเสียงกระแทกเข้ามาในลมปราณอย่างฉับพลันทำให้เลือดไหลออกมาทั้งเจ็ดทวาร กระบี่บินวนไปรอบๆด้วยความเร็วที่ไม่เคยมีมาก่อน มันไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าของ จากนั้นไม่นานมันก็บินพุ่งตรงทะลุเข้าสู่ร่างของเผิงฮุ่ยในทั้นที

เผิงฮุ่ยมองที่กระบี่บินของตนเองที่เต็มไปด้วยเลือดของเขาอย่างไม่เชื่อ  ร่างกายของเขาโอนเอนเล็กน้อยแล้วจากนั้นก็ล้มลงกับพื้น แม้ในตอนที่เขาจะตายเขายังตายตาไม่หลับ ไม่สามารถตายอย่างสงบได้

“มันเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะจำกฎของชายชราผู้นี้ไม่ได้ ดีมาก!”


เสียงกลับมาดังอีกครั้งในหูของทุกคนแต่ครั้งนี้นุ่มนวลกว่าเยอะ

3 ความคิดเห็น: