สงครามได้ปะทุขึ้นในทะเลทราย!
เอสเปอร์ทหารมากกว่าหนึ่งหมื่นสองพันคนวิ่งออกจากเรือรบแอตแลนติก
พวกเขาเก็บกดความโกรธเอาไว้เป็นเวลานานและตอนนี้พวกเขาทั้งหมดได้วิ่งออกไปราวกับฝูงหมาป่าคลั่งมุ่งหน้าไปทางบรรดาเหล่าไรเดอร์ที่กำลังสังสรรค์กันอยู่ที่ศูนย์กลางของทะเลทราย
ในช่วงไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้
โลกได้ถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องจากพวกนอกกฎหมายและได้รับความเสียหายอย่างมากมาย
ตอนนี้ทางออกเดียวอยู่ตรงหน้าของเหล่าทหารจากโลก
ถ้าพวกเขาต้องการป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นอีก พวกเขาจะต้องกำจัดศัตรูทั้งหมดเหล่านี้ไปให้พ้นทาง
เหยียบย่ำพวกมันจนกว่าพวกมันจะไม่กล้าที่จะหยั่งเท้าลงมาบนพื้นโลกอีกต่อไป
บึ้มม!
ขณะที่เหล่าทหารโถมกำลังไปยังศัตรู
เรือรบแอตแลนติกก็เริ่มเปิดฉากสู้รบกับกองเรือรบของเหล่าโจรสลัด
แม้ว่าระเบิดสกัดกั้นอาจทำให้เครื่องยนต์เป็นอัมพาต
แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงระบบพลังงานและอาวุธได้ ดังนั้นเรือรบยังสามารถยิงปืนใหญ่ได้อยู่
เรือรบแอตแลนติกเปิดท่อส่งจรวดขีปนาวุธสี่ลำก่อนจะกระหน่ำยิงขึ้นสู่ท้องฟ้า
แสงจากระเบิดเปล่งประกายออกมาเมื่อหัวรบปะทะเข้าใส่เรือรบเหล่านั้น
นอกจากนี้ยังเริ่มยิงกระสุนปืนใหญ่ขึ้นสู่ท้องฟ้า ในเวลาเดียวกันเรือรบแอตแลนติกก็ถูกโจมตีจากของข้าศึกจากภาคพื้นดินด้วยเช่นกัน
โลกมีเรือรบเพียงลำเดียวแต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการใช้โล่พลังงานและเกราะโลหะหนาเพื่อป้องกันการโจมตีของศัตรู
สถานการณ์ในสนามรบเป็นเรื่องละเอียดอ่อนสามารถพลิกแพลงได้อยู่ตลอดเวลา
เรือรบแอตแลนติกเลือกที่จะไม่กำหนดเป้าหมายการโจมตีไปยังหน่วยภาคพื้นดิน แต่มุ่งเน้นความพยายามทั้งหมดของพวกเขาในการจมเรือรบทำลายล้าง
4 ลำและเรือรบเคลื่อนที่เร็ว 8 ลำที่อยู่บนอากาศ
นี่เป็นกลยุทธที่ผิดแปลก เพราะไรเดอร์บนภาคพื้นมีเรือรบจอดอยู่มาก อย่างน้อยก็มีเรือรบทำลายล้างอยู่ 6 ลำและเรือรบเคลื่อนที่เร็วอีก 19 ลำ
เรือรบแอตแลนติกมีอาวุธหนักที่แข็งแกร่งแน่นอนว่ามันมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัย
จากการยิงปืนใหญ่หลักเพียงหนึ่งนัดก็เพียงพอที่จะจมเรือรบเคลื่อนที่เร็วของศัตรู และปืนใหญ่หนักเพียง
7-8 นัด ก็สามารถจมเรือรบเคลื่อนที่เร็วได้เช่นกัน แม้ว่าเรือทำลายล้างของศัตรูจะมีเกราะป้องกันที่แข็งแกร่ง
แต่ด้วยการโจมตีจากอาวุธหนักของเรือรบลาดตะเวนพวกมันก็แทบจะไม่สามารถทนอยู่ได้เกินสามสิบวินาที
ภายใต้การโจมตีเต็มอัตราของเรือรบแอตแลนติก
แม้ว่าเรือรบแอตแลนติกจะสามารถจมเรือรบทั้งหมดบนอวกาศของศัตรูลงได้
แล้วเรือรบอื่นๆบนภาคพื้นดินอีก 25 ลำล่ะจะทำอย่างไรกับมัน?
ตอนนี้พวกมันหันปากกระบอกปืนใหญ่ทั้งหมดล๊อคเป้ามาที่เรือรบแอตแลนติกภายใต้การห้อมล้อมของเรือรบศัตรูจำนวนมากระบบป้องกันพลังงานของเรือรบแอตแลนติกใกล้ที่จะหมดลงอย่างรวดเร็ว
หลงฉวนวางแผนที่จะสละเรือรบเพียงลำเดียวของโลกเช่นนั้นหรือ?
ในการรบภาคพื้นดิน
กองพลเอสเปอร์ที่1แห่งสหพันธ์โลก ผู้นำการจู่โจมของทัพหน้านี้คือหลงฉวน
ฮั่นหลางและกลุ่มเขี้ยวหมาป่าของเขาถูกกำหนดให้อยู่ทัพหลังของกองพลเอสเปอร์ที่1
และเบื้องหลังพวกเขาเป็นกองกำลังพิเศษจากสาขาสำคัญต่างๆของศูนย์บริหารเอสเปอร์
นี่ป็นการจัดแจงทัพศึกที่ฮั่นหลางไม่สามารถออกความเห็นได้
การวางกองกำลังสำคัญไว้แนวหลังที่สามารถโจมตีและป้องกัน
ฮั่นหลางสามารถเข้าใจได้ว่าหลงฉวน
ไม่ต้องการที่จะสูญเสียอัจริยะหนุ่มสาวเหล่านี้ซึ่งเป็นความหวังของโลกในการแข่งขันที่งานชุมนุมแห่งทางช้างเผือก
ดังนั้นเขาจึงจัดวางพวกตนให้ปฎิบัติหน้าที่ประสานเสริมและสนับสนุน
แล้วทีมกลยุทธ์พิเศษอยู่ที่ไหน
?
แตกต่างจากกองพลเอสเปอร์ที่1
ทีมกลยุทธ์พิเศษเป็นทหารอาวุโสบนโลกและพวกเขาทำภารกิจร่วมกันมาเป็นเวลาหลายปี
เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่ากลุ่มของพวกเขามีสมาชิกจำนวนน้อยมากเพียงสองพันคน
ด้วยพลังการต่อสู้และประสิทธิภาพในการรบของพวกเขามั่นใจได้ว่าพวกเขาต้องเป็นทัพหน้าของกองพลเอสเปอร์ที่1
อย่างไรก็ตามหลงฉวนจัดวางกองพลที่แข็งแกร่งไว้ด้านหลังจำนวนมากแทนที่จะให้พวกเขาอยู่ทัพหน้า
มันไม่ได้เป็นการจัดเตรียมกำลังพลตามยุทธวิธีแบบเดิม
ครืดดด~
ฆ่าพวกมัน!
ทันใดนั้นทัพหน้าของกองพลเอสเปอร์ที่1 ก็บุกโจมตีปะทะกับศัตรู สงครามขนาดใหญ่ระหว่างเอสเปอร์นั้นโหดร้ายและรุนแรงเป็นอย่างมาก
ทั้งสองฝ่ายต่างใช้พลังพิเศษ ทั้งลูกบอลเพลิง ศรน้ำแข็ง พายุทอร์นาโด พลังพิเศษอันทรงพลังทุกชนิดปรากฎขึ้นมาและความยุ่งเหยิงทั้งความหวาดวิตกในสงครามครั้งนี้ห่างไกลจนไม่อาจเปรียบเทียบกับสงครามแบบปกติได้
ตามการวางกำลังพลของหลงฉวน
ปีกทั้งสองของกองทัพแห่งสหพันธ์โลก
ประกอบด้วยเอสเปอร์ที่เชี่ยวชาญในการโจมตีระยะไกลและศูนย์กลางของกองกำลังเป็นเอสเปอน์สายพันธุ์กายภาพที่แข็งแรง
เช่นหลวงจีนเพื่อนที่ดีคนหนึ่งของฮั่นหลางซึ่งเขาก็ถูกบรรจุอยู่ในกลุ่มจู่โจมที่ศูนย์กลาง
การจัดวางกำลังพลเช่นนี้จะเอื้อต่อการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการป้องกันการโจมตีประเภทลูกกระสุน
ในขณะเดียวกันก็เป็นยุทธวิธีโจมตีแบบสายฟ้าแลบด้วย
ปัง ~
ในฐานะหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวหมาป่า
ฮั่นหลางไม่เพียงแต่เป็นผู้รับผิดชอบในการโจมตีเท่านั้น
แต่เขายังต้องคอยสังเกตุสภาพการณ์รอบตัวอยู่ตลอดเวลาและสามารถคิดกำหนดแผนได้อย่างรอบคอบตามสถานการณ์
เพียงแค่เมื่อเขาหันมองไปรอบๆ
เพื่อดูว่าการโจมตีด้วยกลยุทธพิเศษ เขาก็ถูกยิงเข้าที่หน้าอกอย่างฉับพลัน กระสุนยิงโดนชุดรบกิเลนดำของเขา
มันทำให้ฮั่นหลางรู้สึกปวดแสบปวดร้อน เหล่าอาชญากรเริ่มใช้อาวุธปืนเพื่อสกัดกั้นไม่ให้กองพลเอสเปอร์ที่1 เคลื่อนพลลุกล้ำเข้าไปข้างหน้า
ในสงครามสมัยใหม่ บทบาทของอาวุธปืนเริ่มไม่ค่อยแพร่หลาย
อาวุธปืนที่ใช้กันทั่วไปในปัจจุบันใช้กระสุนพลังงานจลน์หุ่มปลอกเพียงเล็กน้อยซึ่งหัวรบและกลไกขับเคลื่อนนั้นเชื่อมต่อโดยตรงเป็นชิ้นเดียวซึ่งจะไม่ทิ้งปลอกกระสุนเมื่อยิงออกและเพิ่มความเร็วในการยิงและแรงปะทะที่รุนแรงมากขึ้น
ไม่ใช่เพียงแค่อาวุธปืนขนาดเล็กและขนาดกลางที่ใช้กระสุนพลังงานจลน์ที่ไม่มีปลอกแม้แต่ปืนใหญ่เรือรบ
600 แท่นของเรือรบแอตแลนติกก็ใช้กระสุนชนิดนี้
โดยทั่วไปปืนใหญ่หนักยังคงเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อเอสเปอร์
แต่อาวุธปืนส่วนใหญ่ไม่สามารถเจาะผ่านชุดรบที่เอสเปอร์สวมใส่ได้ นอกจากนี้เอสเปอร์ทุกคนยังมีพลังงานต้นกำเนิดเป็นชั้นป้องกันดังนั้นหากไม่ใช่อาวุธปืนที่ลำกล้องขนาดใหญ่กว่า
37 นิ้ว กระสุนจะไม่สามารถเจาะผ่านชั้นป้องกันของพลังงานต้นกำเนิดไปได้
ไม่ต้องเอ่ยถึงการที่จะใช้อาวุธประเภทนี้ฆ่าเอสเปอร์
ภัยคุกคามสำคัญที่แท้จริงต่อเอสเปอร์นักรบ
คืออาวุธเลเซอร์ เต่น่าเสียดายอาวุธเหล่านี้มีขนาดใหญ่และไม่มีรูปแบบพกพา ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบที่ติดตั้งบนเรือรบและอาวุธเลเซอร์ที่เล็กที่สุดในทางช้างเผือกก็ยังต้องการเอสเปอร์สายพันธุ์กายภาพถึงจะสามารถพกติดตัวได้
แน่นอนว่ามันมีราคาแพงและหนักมากดังนั้นจึงไม่เหมาะที่จะลงทุนหามาใช้ในการทำสงคราม
พี่น้องทั้งหลาย ไปลุยมันกันเถอะ!
ฮั่นหลาง ไม่สนใจว่าเขาจะถูกยิงด้วยกระสุนไปกี่นัด
แต่เขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าทีมกลยุทธพิเศษทุกคนกำลังวิ่งกลับมา!
พวกเขาได้รับคำสั่งที่ชัดเจน
และรีบวิ่งเดินผ่านกลุ่มเขี้ยวหมาป่า
ทีมที่เดิมทีอยู่ด้านหน้าของพวกเขาแยกออกเป็นหน่วยเล็กๆ
และเริ่มวิ่งเข้าหาเรือรบของศัตรูที่จอดอยู่ด้านหลังสนามรบ
ทันใดนั้นฮั่นหลางก็เข้าใจความตั้งใจของหลงฉวน
ทีมกลยุทธพิเศษเคลื่อนกำลังพลไปด้านหลังจำนวนมากเพราะได้รับภารกิจที่ยากอย่างมากนั่นคือการใช้ประโยชน์จากความสับสนวุ่นวายของสงครามเข้ายึดครองเรือรบของเหล่าศัตรูบนพื้นดิน
สุดท้ายแล้วในสนามรบแห่งนี้พวกอาชญากรมีเรือรบทั้งเล็กและใหญ่รวมทั้งหมดถึง
37 ลำจอดวางตำแหน่งไว้อย่างโดดเด่น ในด้านอาวุธ
แม้ว่าเรือรบแอตแลนติกจะมีเกราะและอาวุธหนัก
แต่ก็ไม่อาจต้านทานต่อการยิงระเบิดอย่างต่อเนื่องจากเรือรบศัตรูได้
ดังนั้นแผนการยึดเรือรบศัตรู
ใช้เรือรบของพวกมันเปลี่ยนเป็นอาวุธคร่าชีวิตของพวกมันเอง!
พวกเขาไม่จำเป็นต้องยึดได้สำเร็จทั้งหมดตราบใดทีมีเพียงส่วนหนึ่งของทีมกลยุทธพิเศษปฎิบัติการยึดเรือรบของศัตรูสำเร็จสถานการณ์ในสนามรบจะพลิกกลับโดยสมบูรณ์!
“เราก็ไปกันได้แล้ว!”
“ไปกันเถอะแม้แต่กองกำลังพิเศษก็ได้ล่วงหน้าไปก่อนพวกเราแล้ว!”
“เราจะมัวรออะไรอยู่อีก?
เราเป็นทีมเขี้ยวหมาป่า เราจะซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังกองกำลังหลักของเราทำไม?”
เฉินจงและปาร์กเกอร์ต่างตะโกนใส่ฮั่นหลางอย่างใจร้อน
ทุกคนนั้นเป็นคนหนุ่มสาวเลือดร้อนเมื่อเผชิญหน้ากับความร้อนระอุดุเดือดในสงครามและกองกำลังพิเศษที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาได้เคลื่อนพลออกไปหมดแล้วทีมเขี้ยวหามป่าจึงถูกทิ้งไว้อยู่เบื้องหลังทุกกองกำลังและกลายเป็นกองพลที่
"ปลอดภัยที่สุด" ในสงคราม
ปลอดภัย?
ที่นี่คือสมรภูมิรบ!
สมรภูมิที่วิ่งไปทางไหนก็เต็มไปด้วยโลหิตและมีผู้คนเสียชีวิตลงในทุกวินาที!
การบอกว่าพวกเขาเป็นกองพลที่ปลอดภัยมันเกือบจะเป็นการกล่าวดูถูกพวกเขา!
พี่น้องทั้งหมดในทีมเขี้ยวหมาป่ารู้สึกเลือดเดือดระอุและร้อนใจ
“พวกนายทั้งหมดหุบปาก!
แล้วเงียบซะ” ฮั่นหลางหันกลับมาและตะโกนออกมา “พวกเรากำลังปฏิบัติภารกิจอยู่! พวกนายได้รับคำสั่งแล้วหรือไง?!”
จนถึงขณะนี้กลยุทธ์ของหลงฉวน
ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากทีมกลยุทธพิเศษได้เข้าควบคุมเรือรบของศัตรูอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้เหล่าไรเดอร์เกิดความสงสัยและประหลาดใจ
แต่แรงกดดันที่พวกเขารู้สึกมันไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย
มันกลับยิ่งหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากเขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่า
ที่ทีมกลยุทธพิเศษที่แข็งแกร่งถูกส่งไปปฎิบัติภารกิจตามแผนเข้ายึดเรือรบของศัตรู และอีกภารกิจที่สำคัญและยากลำบากนั่นก็คือทำลายล้างเหล่าไรเดอร์และโจรสลัดให้ได้มากที่สุดเพื่อลดความเสี่ยงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นกับทหารหนึ่งหมื่นห้าพันคนในกองพลเอสเปอร์ที่1
หากไม่มีการสนับสนุนจากทีมกลยุทธพิเศษ
กองพลเอสเปอร์ที่1 แน่นอนว่าจะเสียเปรียบอย่างใหญ่หลวง
หากเผชิญศัตรูที่แข็งแกร่งบนภาคพื้นดินในตอนนี้
เนื่องจากศัตรูมีจำนวนนักรบที่มากกว่า 2-3 เท่า
ขอบคุณครับ
ตอบลบ