เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ZX 059 อยากจะควบแน่นลมปราณเรอะ? ฝันไปเถอะ!


พวกมันทั้งหมดเป็นสัตว์จิตวิญญาณระดับต่ำธาตุทองหรือ? จินเตารู้สึกหมดหวังจนอยากจะร้องไห้ เขามั่นใจว่าจะปลดปล่อยสัตว์จิตวิญญาณระดับสูงห้าตัวแล้วพวกมันกลายเป็นส้ตว์จิตวิญญาณระดับต่ำได้อย่างไร? นอกจากนี้สัตว์จิตวิญญาณธาตุทอง ยังถูกจัดการโดยคุณลักษณะการโจมตีของหยานเฉินที่เป็นธาตุไฟ?

เขาต้องการที่จะเริ่มทดสอบอีกครั้งเพื่อไม่ให้หยางเฉินสามารถผ่านจากตรงนี้ออกไป แต่ถ้าเขาทำอย่างนั้นคนอื่นๆก็จะเริ่มสงสัยในตัวเขา และถ้าเวลานั้นมาถึงเขาอาจจะถูกเปิดโปง จินเตาไม่กล้าที่จะทำเช่นนั้นเพราะกลัวว่าตัวเองจะถูกเปิดโปงออกไป แต่แล้วเขาจะแก้ไขข้อผิดพลาดตรงนี้ได้ยังไง?

"ศิษย์หยาง ช่างโชคดีจริงๆ!"

จินเตาเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ไม่นานเขาก็แสร้งทำเป็นพูดว่า

"เจ้าได้ผ่านการทดสอบแล้ว ดังนั้นศิษย์หยางสามารถเข้าสู่หลุมดักเซียนได้ตลอดเวลา แต่เจ้าควรจะหยิบแผ่นหยกที่มีข้อมูลสัตวฺจิตวิญญาณคืนมาให้ข้า ศิษย์หยางคงไม่จำเป็นต้องใช้มันมากนัก ดังนั้นควรเก็บไว้ให้ผู้ที่มาใหม่ได้เรียนรู้ต่อไป"

หยางเฉินชำเลืองมองไปที่จินเตา และเอาแผ่นหยกออกมาจากกระเป๋ามิติของเขาแล้วเผยรอยยิ้มลึกลับแล้วกล่าวว่า

"ผู้อาวุโสจินช่างใส่ใจต่อมันยิ่งนัก ถ้ามันสูญหายไป มันคงเป็นเรื่องเศร้า!"

คำพูดเหล่านี้ทำให้จินเตารู้สึกวิตกกังวล เขาแทบจะทนมองไปที่หยางเฉินไม่ได้อีกต่อไป แต่จิตใต้สำนึกบังคับให้เขาสำนึกว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน เขายังคงไม่อยากมองหน้าหยางเฉิน ในตอนนี้เขากังวลว่าจะทำให้เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่

อาเจ้านี่ไม่เพียงวาจาคมคาย แม้แต่รอยยิ้มเจ้ายัง….”

หยางเฉินส่ายศีรษะอย่างช้าๆและแสยะยิ้มออกมาขณะมองไปที่จินเตาชั่วพริบตา เขาก็หันกลับไปทางซ้าย

ภายใต้สายตาของหยางเฉินทำให้ร่างกายของจินเตารู้สึกสั่นและเริ่มมีเหงื่อไหลหยดออกมาราวกับว่าเขากำลังอยู่ระหว่างความเป็นกับความตาย มันเหมือนมีความตายอยู่ภายในดวงตาของหยางเฉิน และเมื่อมันมองผ่านมาที่เขาราวกับว่ามีเจตจำนงแห่งการฆ่าที่บีบคอเขาเอาไว้

"ระดับสูงสุดของขึ้นก่อสร้างรากฐาน อยากจะควบแน่นลมปราณเรอะ? ฝันไปเถอะ!"

อยู่ดีๆหยางเฉินก็ สบถหยาบคายออกมา และหายไปจากจิตสำนึกนางจิตวิญญาณของจินเตา ขณะนี้แม้กระทั่งความสามารถของจินเตาก็ไม่สามารถหาตำแหน่งของหยางเฉินได้

ในทีแรก หลังจากที่ได้ยินหยางเฉินสบถออกมาเขายังมีใจคิดจะต่อสู้ แต่ในตอนนี้หยางเฉินได้หายตัวไปอย่างฉับพลันทำให้เขาตกใจ คำพูดของหยางเฉินเปรียบเสมือนคมมีดตัดที่ศีรษะของเขา และทิ้งคำพูดที่บาดลึกเข้ามาในใจเขา คือคำว่า "ฝัน" ที่ตัดสินความนึกคิดของเขาทั้งหมด

ในตอนนี้จินเตามีแต่ความสิ้นหวังและไม่มีความคิดต่อสู้อีกต่อไปราวกับว่าเหลือเพียงร่างกายแต่ไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่ในสมองของเขา ภายในจิตใจของเขาเหลือเพียงความเสียใจเท่านั้น

หลังจากนั้นจินเตาก็เริ่มคิดอย่างลึกซึ้งถึงเรื่องแปลกๆนี้ ถ้าหยางเฉินเป็นเพียงศิษย์ระดับรวบรวมรากฐานทั่วไปแล้วประมุขพระราชวังหยางบริสุทธิ์จะให้ป้ายแผ่นหยกคำสั่งได้อย่างไร เขาคิดหรือว่าการตัดสินใจของประมุขพระราชวังหยางบริสุทธิ์ที่อยู่ในระดับผลิดอกจะย่ำแย่กว่าของตัวเอง? ตั้งแต่ตอนที่เตรียมการจินเตาควรใช้สมองของเขาในก่อนหน้านี้ และไม่ควรใช้อารมณ์มาควบคุมการตัดสินใจของตัวเอง

ในเวลานั้นจินเตาไม่รู้ว่าปีศาจตนใดมาดลใจให้จิตใจของเขาสับสน ในทันทีที่เขาได้ยินชื่อของ หยางเฉิน เราก็รู้สึกอย่างจะกำหราบอย่างสิ้นเชิง จนลืมไปนึกถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้ เมื่อเขาสำนึกขึ้นได้ลำไส้ของเขาก็บิดตัวจนเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความเศร้าใจ

ความกลัวได้ครอบงำจิตใจของเขา อีกทั้งความเสียใจนับครั้งไม่ถ้วนของเขา ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ได้แต่ท้อใจ อนิจจาเขาไม่สามารถแม้แต่่จะเห็นสิ่งง่ายๆเหล่านี้ แล้วยังต้องการรวบรวมจิตวิญญาณ? หยางเฉินได้ตัดสินไปแล้วว่า มันเป็นเพียงความฝันลมๆแร้งๆ ทำให้จินเตามึนงงอีกครั้งแล้วทรุดตัวลงนั่งตรงจุดนั้นอย่างคนโง่งม

หยางเฉินใช้วิธีการบางอย่างเล็กๆน้อยๆที่จะทำให้จิตวิญญาณของจินเตาสับสน ในเคล็ดวิชาลับสามขั้นแห่งการรู้แจ้ง มันเป็นเคล็ดวิชาที่เรียบง่ายมาก รวมทั้งวิธีการทำให้จิตวิญญาณเกิดความสับสน แม้ว่าหยางเฉินจะเรียกว่าเป็นเคล็ดวิชาเล็กๆน้อยๆ แต่แท้จริงแล้วมันเป็นเคล็ดวิชาเล็กๆน้อยๆในโลกอมตะ สำหรับในโลกเบื้องล่างอาจจะถือได้ว่าเป็นสุดยอดเคล็ดวิชาลับ

โดยปกติการใช้พลังจิตโจมตีจะทำให้จิตวิญญาณปั่นป่วน แล้วในช่วงเวลานั้น ก็ไม่สามารถผ่อนคลายและทำสิ่งอื่นใดได้ซึ่งจะมีผลเดียวกับการตะโกนเสียงดังให้ตื่นขึ้นมา หยางเฉินทำสิ่งตรงข้ามกับจินเตา เมื่อเขาสับสนและท้อใจ หยางเฉินโจมตีความเชื่อมันและทำลายลงไปในครั้งเดียว เมื่อใดที่เขาพยายามโคจรลมปราณ หัวใจปีศาจนี้จะโผล่ทันที

เมื่อเทียบกับจินเตาแล้วพลังจิตวิญญาณของหยางเฉินอยู่ในเขตแดนที่สูงกว่า ยิ่งกว่านั้น ในโลกปัจจุบันนี้ หยางเฉินไม่เคยพบผู้ทีสามารถต้านทานความลับของผู้อาวุโสสูงสุดได้ จินเตาไม่เคยทราบสิ่งเหล่านี้ จึงเป็นไปตามแผนหยางเฉิน
จินเตาจมดิ่งอยู่กับความเสียใจในการกระทำของตัวเอง

บางทีเขาเคยผ่านเรื่องราวเช่นนี้ในชีวิตที่แล้ว หยางเฉินเพียงยอมรับว่าโชคร้าย และหลังจากกนั้นเริ่มการบ่มเพาะอีกครั้ง
 แต่ในชีวิตนี้ หยางเฉินจะไม่มีทางปล่อยให้คนที่มุ่งร้ายต่อเขารอดไปได้

สำหรับจินเตา หยางเฉินสามารถจะหยุดให้ความสนใจกับเขาได้ในทันที สำหรับผู้บ่มเพาะที่ถูกรบกวนโดยหัวใจปีศาจ ถ้าหากมีผู้ที่การฝึกปรือสูงมาพบจินเตา และยอมเสียสละการบ่มเพาะของตนบางส่วน ก็จะสามารถขับหัวใจปีศาจออกได้ แต่ก็จะกลายเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่ปราศจากความเชื่อมั่นในโลกแห่งการบ่มเพาะ แม้ว่าเขาจะมีระดับการบ่มเพาะระดับสูง แต่ในโลกบ่มเพาะเขาก็ถือว่าเป็นคนพิการ จบแบบนี้เลวร้ายยิ่งกว่าความตายซะอีก

บางทีจินเตาอาจจะบังเอิญหลบเลี่ยงจากการใช้ทักษะการโจมตีด้วยพลังจิตของหยางเฉินได้ แต่หยางเฉินเชื่อมั่นว่า ครั้งต่อไปในการเผชิญหน้ากัน เขาสามารถกำจัดจินเตาอย่างง่ายดาย

หยางเฉินพบว่าเขาจะสามารถเพิ่มการเข้าถึงลานประหารเซียนได้ โดยการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง ตอนอยู่ในค่ายกลบันไดสวรรค์เขาเพียงผสมเจตนาการฆ่าลงไปส่วนหนึ่ง แต่โชคดีที่การฆ่าสัตว์อสูรในหลุมดักเซียนอย่างบ้าคลั่งไปกระตุ้นเจตนาการฆ่าของเขา หยางเฉินมั่นใจว่าตราบใดที่ จิตวิญญาณจินเตา ยังคงผสมไปด้วยเจตนาของเขา ความแข็งแกร่งของจินเตาจะหดหายอย่างมาก

ภายนอกหมู่บ้านหลีโลว ไม่ค่อยมีแสง ความมืดจึงปกคลุมไปทุกที่ ภายใต้ความมืดมิดที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูรใต้พิภพจำนวนมาก แม้จะเป็นระดับเซียนอมตะ เพียงลดระดับการป้องกันแม้แต่นิด เขาก็มีสิทธิ์สูญสิ้นชีวิต นี่คือที่มาชื่อหลุมดักเซียน แม้ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อดอก ก็เพียงแต่ต้องหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้
มิฉะนั้นความตายเป็นเงื่อนไขเดียว! เหตุที่มีผู้คนจำนวนมาก ในบริเวณใกล้หมู่บ้าน สัตว์อสูรจึงไม่มากนักในบริเวณนี้หลังจากหยางเฉินออกจากหมู่บ้าน ด้วยการอาศัยแสงสว่างจากในหมู่บ้าน เขาก็เริ่มประมาณทิศทางเป้าหมายของเขา

คนที่มาศาลสวรรค์เพียงบอกกับหยางเฉินถึงสถานที่ใกล้เคียง หยางเฉินไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเพิ่งพาความทรงจำของตนเอง และประสาทสัมผัสที่จะหาตำแหน่งทิศที่ถูกต้อง หยางเฉินคำนวณทิศทางอย่างรวดเร็ว แล้วหายไปในความมืด

ไม่นานนักหลังหยางเฉินไปจากหมู่บ้านหลีโลว บางคนมาที่มุมตลาดที่หยางเฉินเคยตั้งร้านของเขาอยู่บ่อย ๆ เมื่อจ้องมองไปที่แผ่นผืนดินราบเรียบ เขาเอ่ยวาจาด้วยเสียงดัง

เจ้านักปรุงยาระดับสองจะไปที่ใด

เสียงตะโกนที่ดังของเขา สร้างความปั่นป่วนไปทั่วตลาดในทันใด




นักปรุงยาระดับสองรึ?...เขาอยู่ไหน ? …. เขาเป็นใคร ? “คนจำนวนมากเริ่มมาที่นี่

ปกติแล้วชีวิตประจำวันในหลุมดักเซียน เป็นอะไรที่น่าเบื่อทีเดียว นอกจากการพักผ่อน เสริมเพิ่มพลัง เพื่อให้ได้รับแก่นจิตวิญญาณที่เพียงพอ สำหรับทุกคนก็มีเพีงการต่อสู้ในหลุมดักเซียนเท่านั้น

บ่อยครั้ง ที่การต่อสู้จะยาวนาน ต่อเนื่อง และมีความรุนแรงมาก ดังนั้น ด้วยเหตุนี้ นักปรุงยาและนักสร้างอาวุธ
จึงเป็นกลุ่มคนที่มีความสำคัญมาก แต่คนกลุ่มนี้มีจำนวนน้อยมากที่เชี่ยวชาญการต่อสู้จึงทำให้ในหลุมดักเซียนมีนักปรุงยาและนักสร้างอาวุธไม่มาก

การต่อสู้ชนิดใดที่ต้องใช้พลังจิตและใช้อาวุธ การเกิดเหตุอย่างฉับพลันป็นสาเหตุทำให้เกิดการบาดเจ็บที่รุนแรง และอาวุธเวทถูกทำลาย ภายใต้สถานการณ์ธรรมดาเหล่านี้ ยาที่คุณภาพสูงจะถูกนำมาใช้เพื่อเยียวยา หรือบางทีเพื่อฟื้นฟูพลังจิตในการต่อสู้ที่ดุเดือด แต่สำหรับยาระดับที่สอง  พวกเขาไม่เคยได้มีโอกาสสัมผัสมันมาก่อน นอกเหนือจากจำนวนชนิดของยาที่สามารถปรุงได้แล้ว สถานะของผู้ปรุงยาก็จะถูกตัดสิน โดยดูจากระดับของยานั้น

ถึงแม้ระดับการบ่มเพาะของนักปรุงยาระดับสองค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับนักปรุงยาธรรมดา
แต่อนาคตของเขาในภายภาคหน้าไร้ขีดจำกัด การพบนักปรุงยาระดับสองที่หลุมดักเซียน เป็นโชคอะไรบางอย่างที่เหลือเชื่อเท่านั้น

หลังจากได้ยินเสียงตะโกนของชายผู้นั้น ทุก ๆ คนล้วนจำได้ดีถึงที่ที่ขายยาของเยาวชนคนนั้น เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพราะทุกคนคิดว่าของคุณภาพดีเยาวชนที่มีระดับเพียงรวบรวมลมปราณหรือจะมี ดังนั้นพวกเขาเพียงใช้พลังจิตวิญญาณ สำรวจคร่าว ๆ แล้วผ่านไป ไม่แม้แต่จะหยุดดู

แต่ในตอนนี้ ผู้คนนับไม่ถ้วนรู้สึกเศร้าโศกเมื่อได้ยินว่าเขาเป็นผู้ปรุงยาระดับสอง ก็ในเมื่อเขาเป็นนักปรุงยาระดับสองในขณะที่การบ่มเพาะแค่ระดับรวบรวมลมปราณ แล้วอะไรจะเกิด เมื่อเขาสามารถรวบรวมลมปราณขึ้นไปสู่ระดับก่อสร้างรากฐานได้ บุคคลเช่นนี้อยู่เบื้องหน้าพวกเขาตั้งหลายวัน โดยที่ไม่มีใครสนใจ

โชคดีที่นี่คือหลุมดักเซียน ซึ่งเจ้าเด็กน้อยนั้นสุดท้ายก็ต้องกลับมาหมู่บ้านหลีโลวเพื่อปรุงยา ตลอดช่วงเวลาแห่งการต่อสู้ จากนี้เป็นต้นไป คงไม่มีใครคิดจะครอบครองมุมตลาดนั้นอีก ทุกคนทราบดีว่าต้องเว้นที่ตรงนั้นไว้ และถ้าทันทีที่เจ้าเด็กน้อยนั้นกลับมา ทุก ๆ คนจะได้ พบกับเขาตามต้องการ ตราบใดที่ พวกเขามีสัมพันธภาพที่ดี มันก็จะเป็นโอกาสที่ดีของพวกเขาเอง



หยางเฉินไม่รู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นหลังจากที่เขาจากไป เขาเพียงมุ่งหน้าไปตามเป้าที่ตั้งอย่างรวดเร็ว
เขาเผชิญกับสัตว์อสูรจำนวนหนึ่ง

ปัง…..

สัตว์อสูรที่อยู่ใกล้หมู่บ้านหลีโลว โดยปกติแล้วเป็นพวกที่ถูกไล่ออกมาและไม่มีพลังมากนัก ภายใต้การป้องกันที่ทรงพลังของทักษะประสานหยินหยางห้าธาตุของเขา การโจมตีของเหล่าสัตว์ไม่ระคายเคืองแม้แต่เส้นผม ยิ่งกว่านั้นเขาเพียงป้องกันตัวไม่แม้จะโจมตีโต้กลับ


ถ้าจะกล่าวอย่างชัดเจน ก็คือ สัตว์อสูรใต้พิภพไม่ใช่สัตว์ที่มีชีวิตจริง ๆ แต่คือกลุ่มก้อนจิตวิญญาณที่ควบแน่นรวมเป็นตัวสัตว์ การโจมตีใดๆก็ตาม เป็นเพียงการปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณในตัวของมัน เป็นความจริงที่เจ้าสามารถฆ่าสัตว์อสูรโดยการโจมตีมัน แต่ต้องรอคอยจนกระทั่งมันใช้พลังจิตวิญญาณทั้งมวลจนหมดสิ้น จำนวนแก่นจิตวิญญาณที่ได้มาเทียบแล้วมากกว่าการโจมตีแล้วฆ่ามัน

เพียงช่วงเวลาอาหารหนึ่งมื้อให้หลัง สัตว์อสูรเหล่านั้นควบแน่นพลังจิตวิญญาณ แล้วเปลี่ยนเป็นชิ้นของแก่นจิตวิญญาณ ร่วงหล่นลงพื้น หลังจากหยิบแก่นจิตวิญญาณขึ้นมาแล้ว หยางเฉินยังไม่ได้ก้าวไปไกล เขาได้ยินเสียงการต่อสู้และคำรามอย่างรุนแรงของสัตว์อสูรนับร้อย

เขาเปลี่ยนทิศทางมุ่งไปตามเสียง เขาเห็นภาพเงาที่ถูกสัตว์อสูรนับร้อยตัวโจมตีทุกทิศทางร่างทั้งร่างของคนคนนั้น อยู่ในแนวป้องกันสีน้ำเงินล้อมรอบ นอกจากนั้น กระบี่บิน หมุนวนรอบตัวพุ่งเข้าโจมตีสัตว์อสูรที่เข้ามาใกล้

สถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ เพียงเกิดขึ้นเมื่อสัตว์อสูรจำนวนมาก และหลากหลายธาตุร่วมกันโจมตี เมื่อคนคนหนึ่ง ถูกล้อมรอบโดยสัตว์อสูรใต้พิภพจำนวนหลายฝูง หลังจากป้องกันตัวเอง ให้เหมาะสมเยี่ยงนี้ แล้วโต้ตอบโดยพลังธาตุของตน เพื่อคุมสถานการณ์ให้ได้แล้ว ก็ไม่มีวิธีอื่น แต่การที่จะกำจัดเหล่าสัตว์อสูรให้ได้ทั้งหมด อย่างน้อยต้องใช้เวลาครึ่งวัน โดยคนคนหนึ่ง จะได้เพียงแก่นจิตวิญญาณของธาตุชนิดเดียว แล้วการจะได้รับธาตุอื่นนั้น จะเกิดจากการซื้อขายแลกเปลี่ยนกับผู้อื่น 

ถึงแม้เหล่าผู้บ่มเพาะจะตั้งค่ายกล แต่เมื่อเผชิญหน้าเหล่าสัตว์อสูร พวกเขาได้แต่จนปัญญา เพราะสัตว์อสูรมีอิทธิพลต่อพลังจิตวิญญาณ ดังนั้นการโจมตีด้วยค่ายกลซึ่งสร้างมาจากการควบแน่นพลังจิตวิญญาณเช่นกัน จึงไม่ค่อยได้ผลกับสัตว์อสูรใต้พิภพ  มีเพียงการใช้กระบี่บินเท่านั้นที่ทรงประสิทธิภาพ แต่เหล่าผู้คนในหลุมดักเซียนนั้น ส่วนมากเป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญระดับกลางก่อสร้างรากฐาน ซึ่งต้องการเพิ่มพลังและสถานะการบ่มเพาะของตน แล้วใครล่ะในพวกเขาที่จะมีกระบี่บินในครอบครอง..?

หยางเฉินไม่ได้หยุด และพุ่งตรงผ่านพื้นที่เล็ก ๆ มุ่งสู่เหวที่มืดมิด การกระทำของเขา ทำให้ผู้บ่มเพาะรอบๆหน้าซีดตื่นตระหนก เขาพบการคงอยู่ของหยางเฉินด้วยพลังจิตวิญญาณ แต่ภายในหลุมดักเซียน ยากนักที่จะมีการช่วยเหลือกันและรวมเป็นทีม เขาจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่เมื่อเห็นเส้นทางของหยางเฉินแล้ว เขาได้แต่คิดว่ามีคนเลือกทำในสิ่งที่ผิดพลาดอีกคนแล้ว

 เมื่อเห็นหยางเฉินมุ่งสู่ที่ลึก เขายิ่งประหลาดใจ ได้แต่ส่งเสียงร้องออกมาอย่างประหลาดใจ

ในนั่นน่ะ ยิ่งอันตรายนะระวังด้วย

เขาได้แต่ตะโกนออกมา ในขณะที่ถูกล้อมรอบด้วยเหล่าสัตว์อสูร ดังนั้นเขาไม่สามารถหยุดยั้งหยางเฉินได้

ไม่อันตรายใดๆข้าได้ตรวจสอบมาก่อนหน้าแล้ว ขอบคุณผู้อาวุโสมาก


แต่ในเวลาไม่นาน ทันทีที่สัตว์อสูรฝูงใหญ่ปรากฏเบื้องหน้าและล้อมรอบเขา ทำให้หยางเฉินหายไปจากการรับรู้ด้วยจิตวิญญาณของชายคนนั้น

อา…”

ขณะถูกจู่โจมจากสัตว์อสูรรอบๆตัว ชายคนนั้นได้แต่ถอนหายใจ

เขาเพียงระดับรวบรวมลมปราณ จะเข้าไปในพื้นทีลึกตรงนั้นได้อย่างไร

แต่เขาเพียงถอนหายใจ หรือจำนวนคนที่ตายในหลุมดักเซียนมันน้อยไป ?…มันจะเป็นหนึ่งหยางเฉิน ..รึแม้จะเป็นหลาย ๆ หยางเฉิน มันก็ไม่มากหรอก!

ถ้าหากชายคนนั้นได้เห็นสถานณการณ์ของหยางเฉิน เป็นที่แน่ชัดว่าเขาคงจะสิ้นสติ หยางเฉินไม่ได้มีอาวุธเวทป้องกันใด ๆ  เหล่าสัตว์อสูรโจมตีเขาอย่างบ้าคลั่ง แต่เขาไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย ยังคงมุ่งหน้าไม่หยุดยั้ง ค้นหารอบ ๆ ด้วยพลังสำนึกจิตวิญญาณ

หลังจากเดินทางร่วมเดือน เขาก็เจาะลึกเข้าไปในที่อาศัยของเหล่าสัตว์อสูรชั้นสูง เพียงวิธีนี้เท่านั้นที่หยางเฉินจึงจะสามารถไปถึงจุดหมาย ในขณะนี้เขาได้ถูกสัตว์อสูรโจมตีเข้ามาทุกด้าน หยางเฉินทำได้ทีที่สุดคือป้องกันพวกมันไว้

สำหรับยาเม็ดลมปราณที่หยางเฉินนำมาเผื่อตัวเอง หยางเฉินได้ใช้ไปเกลี้ยงทุกขวด  หลังจากการถูกล้อมกรอบด้วยสัตว์อสูรหลายร้อย และจำนวนมีแต่เพิ่มขึ้น ถ้าปราศจากแรงหนุนจากยาเม็ดลมปราณต่อให้เขามีพลังมากกว่านี้ ก็เป็นการยากที่จะค้นหาจุดหมาย แต่ไม่ว่าด้วยคำพูดหรือการกระทำ ยานั้นมีจำกัด และไร้โอกาสในการฟื้นฟูพลังจิต สุดท้ายเมื่อถึงตรงนี้ เขาก็เหมือนลูกธนูที่พุ่งมาจนหมดแรง

ด้วยพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งในอาณาเขตรับรู้หลายสิบเมตร มีบริเวณหินที่วางเป็นวงกลมมากระตุ้นการรับรู้ เหมือนเตือนเขาว่า นี่แหละจุดหมายที่เขาค้นหา

มีรอยแตกเล็ก ๆ ที่ด้านหลังวงกลมของหิน โชคดีสำหรับเขาที่มันพอที่จะแทรกเข้าไปได้ หยางเฉินไม่กล้าประมาท เขากระโดดขึ้นยอดเสาแล้วโจมตีกลุ่มสัตว์ราวสายฟ้าแลบ แล้วพุ่งไปที่รอยแตกนั้น แทรกตัวเองเข้าไป

2 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณค่ะ ค้างมากก

    ตอบลบ
  2. ไม่รู้จะค้นพบอะไรอีก พลังฝึกตนยังน้อยแถมไต่ระดับขึ้นช้าด้วย แป่วๆ

    ตอบลบ