พวกมันทั้งหมดเป็นสัตว์จิตวิญญาณระดับต่ำธาตุทองหรือ? จินเตารู้สึกหมดหวังจนอยากจะร้องไห้
เขามั่นใจว่าจะปลดปล่อยสัตว์จิตวิญญาณระดับสูงห้าตัวแล้วพวกมันกลายเป็นส้ตว์จิตวิญญาณระดับต่ำได้อย่างไร?
นอกจากนี้สัตว์จิตวิญญาณธาตุทอง
ยังถูกจัดการโดยคุณลักษณะการโจมตีของหยานเฉินที่เป็นธาตุไฟ?
เขาต้องการที่จะเริ่มทดสอบอีกครั้งเพื่อไม่ให้หยางเฉินสามารถผ่านจากตรงนี้ออกไป
แต่ถ้าเขาทำอย่างนั้นคนอื่นๆก็จะเริ่มสงสัยในตัวเขา
และถ้าเวลานั้นมาถึงเขาอาจจะถูกเปิดโปง
จินเตาไม่กล้าที่จะทำเช่นนั้นเพราะกลัวว่าตัวเองจะถูกเปิดโปงออกไป
แต่แล้วเขาจะแก้ไขข้อผิดพลาดตรงนี้ได้ยังไง?
"ศิษย์หยาง
ช่างโชคดีจริงๆ!"
จินเตาเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
แต่ไม่นานเขาก็แสร้งทำเป็นพูดว่า
"เจ้าได้ผ่านการทดสอบแล้ว
ดังนั้นศิษย์หยางสามารถเข้าสู่หลุมดักเซียนได้ตลอดเวลา
แต่เจ้าควรจะหยิบแผ่นหยกที่มีข้อมูลสัตวฺจิตวิญญาณคืนมาให้ข้า
ศิษย์หยางคงไม่จำเป็นต้องใช้มันมากนัก ดังนั้นควรเก็บไว้ให้ผู้ที่มาใหม่ได้เรียนรู้ต่อไป"
หยางเฉินชำเลืองมองไปที่จินเตา
และเอาแผ่นหยกออกมาจากกระเป๋ามิติของเขาแล้วเผยรอยยิ้มลึกลับแล้วกล่าวว่า
"ผู้อาวุโสจินช่างใส่ใจต่อมันยิ่งนัก
ถ้ามันสูญหายไป มันคงเป็นเรื่องเศร้า!"
คำพูดเหล่านี้ทำให้จินเตารู้สึกวิตกกังวล
เขาแทบจะทนมองไปที่หยางเฉินไม่ได้อีกต่อไป
แต่จิตใต้สำนึกบังคับให้เขาสำนึกว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน
เขายังคงไม่อยากมองหน้าหยางเฉิน
ในตอนนี้เขากังวลว่าจะทำให้เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่
“อา…เจ้านี่ไม่เพียงวาจาคมคาย แม้แต่รอยยิ้มเจ้ายัง….”
หยางเฉินส่ายศีรษะอย่างช้าๆและแสยะยิ้มออกมาขณะมองไปที่จินเตาชั่วพริบตา
เขาก็หันกลับไปทางซ้าย
ภายใต้สายตาของหยางเฉินทำให้ร่างกายของจินเตารู้สึกสั่นและเริ่มมีเหงื่อไหลหยดออกมาราวกับว่าเขากำลังอยู่ระหว่างความเป็นกับความตาย
มันเหมือนมีความตายอยู่ภายในดวงตาของหยางเฉิน
และเมื่อมันมองผ่านมาที่เขาราวกับว่ามีเจตจำนงแห่งการฆ่าที่บีบคอเขาเอาไว้
"ระดับสูงสุดของขึ้นก่อสร้างรากฐาน
อยากจะควบแน่นลมปราณเรอะ? ฝันไปเถอะ!"
อยู่ดีๆหยางเฉินก็ สบถหยาบคายออกมา
และหายไปจากจิตสำนึกนางจิตวิญญาณของจินเตา ขณะนี้แม้กระทั่งความสามารถของจินเตาก็ไม่สามารถหาตำแหน่งของหยางเฉินได้
ในทีแรก
หลังจากที่ได้ยินหยางเฉินสบถออกมาเขายังมีใจคิดจะต่อสู้
แต่ในตอนนี้หยางเฉินได้หายตัวไปอย่างฉับพลันทำให้เขาตกใจ
คำพูดของหยางเฉินเปรียบเสมือนคมมีดตัดที่ศีรษะของเขา
และทิ้งคำพูดที่บาดลึกเข้ามาในใจเขา คือคำว่า "ฝัน"
ที่ตัดสินความนึกคิดของเขาทั้งหมด
ในตอนนี้จินเตามีแต่ความสิ้นหวังและไม่มีความคิดต่อสู้อีกต่อไปราวกับว่าเหลือเพียงร่างกายแต่ไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่ในสมองของเขา
ภายในจิตใจของเขาเหลือเพียงความเสียใจเท่านั้น
หลังจากนั้นจินเตาก็เริ่มคิดอย่างลึกซึ้งถึงเรื่องแปลกๆนี้
ถ้าหยางเฉินเป็นเพียงศิษย์ระดับรวบรวมรากฐานทั่วไปแล้วประมุขพระราชวังหยางบริสุทธิ์จะให้ป้ายแผ่นหยกคำสั่งได้อย่างไร
เขาคิดหรือว่าการตัดสินใจของประมุขพระราชวังหยางบริสุทธิ์ที่อยู่ในระดับผลิดอกจะย่ำแย่กว่าของตัวเอง? ตั้งแต่ตอนที่เตรียมการจินเตาควรใช้สมองของเขาในก่อนหน้านี้
และไม่ควรใช้อารมณ์มาควบคุมการตัดสินใจของตัวเอง
ในเวลานั้นจินเตาไม่รู้ว่าปีศาจตนใดมาดลใจให้จิตใจของเขาสับสน
ในทันทีที่เขาได้ยินชื่อของ หยางเฉิน เราก็รู้สึกอย่างจะกำหราบอย่างสิ้นเชิง
จนลืมไปนึกถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้ เมื่อเขาสำนึกขึ้นได้ลำไส้ของเขาก็บิดตัวจนเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความเศร้าใจ
ความกลัวได้ครอบงำจิตใจของเขา
อีกทั้งความเสียใจนับครั้งไม่ถ้วนของเขา ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ได้แต่ท้อใจ
อนิจจาเขาไม่สามารถแม้แต่่จะเห็นสิ่งง่ายๆเหล่านี้ แล้วยังต้องการรวบรวมจิตวิญญาณ? หยางเฉินได้ตัดสินไปแล้วว่า
มันเป็นเพียงความฝันลมๆแร้งๆ
ทำให้จินเตามึนงงอีกครั้งแล้วทรุดตัวลงนั่งตรงจุดนั้นอย่างคนโง่งม
หยางเฉินใช้วิธีการบางอย่างเล็กๆน้อยๆที่จะทำให้จิตวิญญาณของจินเตาสับสน
ในเคล็ดวิชาลับสามขั้นแห่งการรู้แจ้ง มันเป็นเคล็ดวิชาที่เรียบง่ายมาก
รวมทั้งวิธีการทำให้จิตวิญญาณเกิดความสับสน
แม้ว่าหยางเฉินจะเรียกว่าเป็นเคล็ดวิชาเล็กๆน้อยๆ
แต่แท้จริงแล้วมันเป็นเคล็ดวิชาเล็กๆน้อยๆในโลกอมตะ
สำหรับในโลกเบื้องล่างอาจจะถือได้ว่าเป็นสุดยอดเคล็ดวิชาลับ
โดยปกติการใช้พลังจิตโจมตีจะทำให้จิตวิญญาณปั่นป่วน
แล้วในช่วงเวลานั้น ก็ไม่สามารถผ่อนคลายและทำสิ่งอื่นใดได้ซึ่งจะมีผลเดียวกับการตะโกนเสียงดังให้ตื่นขึ้นมา
หยางเฉินทำสิ่งตรงข้ามกับจินเตา เมื่อเขาสับสนและท้อใจ
หยางเฉินโจมตีความเชื่อมันและทำลายลงไปในครั้งเดียว เมื่อใดที่เขาพยายามโคจรลมปราณ
หัวใจปีศาจนี้จะโผล่ทันที
เมื่อเทียบกับจินเตาแล้วพลังจิตวิญญาณของหยางเฉินอยู่ในเขตแดนที่สูงกว่า
ยิ่งกว่านั้น ในโลกปัจจุบันนี้
หยางเฉินไม่เคยพบผู้ทีสามารถต้านทานความลับของผู้อาวุโสสูงสุดได้
จินเตาไม่เคยทราบสิ่งเหล่านี้ จึงเป็นไปตามแผนหยางเฉิน
จินเตาจมดิ่งอยู่กับความเสียใจในการกระทำของตัวเอง
บางทีเขาเคยผ่านเรื่องราวเช่นนี้ในชีวิตที่แล้ว
หยางเฉินเพียงยอมรับว่าโชคร้าย และหลังจากกนั้นเริ่มการบ่มเพาะอีกครั้ง
แต่ในชีวิตนี้
หยางเฉินจะไม่มีทางปล่อยให้คนที่มุ่งร้ายต่อเขารอดไปได้
สำหรับจินเตา
หยางเฉินสามารถจะหยุดให้ความสนใจกับเขาได้ในทันที สำหรับผู้บ่มเพาะที่ถูกรบกวนโดยหัวใจปีศาจ
ถ้าหากมีผู้ที่การฝึกปรือสูงมาพบจินเตา และยอมเสียสละการบ่มเพาะของตนบางส่วน
ก็จะสามารถขับหัวใจปีศาจออกได้
แต่ก็จะกลายเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่ปราศจากความเชื่อมั่นในโลกแห่งการบ่มเพาะ
แม้ว่าเขาจะมีระดับการบ่มเพาะระดับสูง แต่ในโลกบ่มเพาะเขาก็ถือว่าเป็นคนพิการ
จบแบบนี้เลวร้ายยิ่งกว่าความตายซะอีก
บางทีจินเตาอาจจะบังเอิญหลบเลี่ยงจากการใช้ทักษะการโจมตีด้วยพลังจิตของหยางเฉินได้
แต่หยางเฉินเชื่อมั่นว่า ครั้งต่อไปในการเผชิญหน้ากัน
เขาสามารถกำจัดจินเตาอย่างง่ายดาย
หยางเฉินพบว่าเขาจะสามารถเพิ่มการเข้าถึงลานประหารเซียนได้
โดยการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง
ตอนอยู่ในค่ายกลบันไดสวรรค์เขาเพียงผสมเจตนาการฆ่าลงไปส่วนหนึ่ง
แต่โชคดีที่การฆ่าสัตว์อสูรในหลุมดักเซียนอย่างบ้าคลั่งไปกระตุ้นเจตนาการฆ่าของเขา
หยางเฉินมั่นใจว่าตราบใดที่ จิตวิญญาณจินเตา ยังคงผสมไปด้วยเจตนาของเขา
ความแข็งแกร่งของจินเตาจะหดหายอย่างมาก
ภายนอกหมู่บ้านหลีโลว ไม่ค่อยมีแสง
ความมืดจึงปกคลุมไปทุกที่ ภายใต้ความมืดมิดที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูรใต้พิภพจำนวนมาก
แม้จะเป็นระดับเซียนอมตะ เพียงลดระดับการป้องกันแม้แต่นิด
เขาก็มีสิทธิ์สูญสิ้นชีวิต นี่คือที่มาชื่อหลุมดักเซียน
แม้ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อดอก ก็เพียงแต่ต้องหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้
มิฉะนั้นความตายเป็นเงื่อนไขเดียว!
เหตุที่มีผู้คนจำนวนมาก ในบริเวณใกล้หมู่บ้าน
สัตว์อสูรจึงไม่มากนักในบริเวณนี้หลังจากหยางเฉินออกจากหมู่บ้าน ด้วยการอาศัยแสงสว่างจากในหมู่บ้าน
เขาก็เริ่มประมาณทิศทางเป้าหมายของเขา
คนที่มาศาลสวรรค์เพียงบอกกับหยางเฉินถึงสถานที่ใกล้เคียง
หยางเฉินไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเพิ่งพาความทรงจำของตนเอง
และประสาทสัมผัสที่จะหาตำแหน่งทิศที่ถูกต้อง หยางเฉินคำนวณทิศทางอย่างรวดเร็ว …แล้วหายไปในความมืด
ไม่นานนักหลังหยางเฉินไปจากหมู่บ้านหลีโลว
บางคนมาที่มุมตลาดที่หยางเฉินเคยตั้งร้านของเขาอยู่บ่อย ๆ
เมื่อจ้องมองไปที่แผ่นผืนดินราบเรียบ เขาเอ่ยวาจาด้วยเสียงดัง
“เจ้านักปรุงยาระดับสองจะไปที่ใด”
เสียงตะโกนที่ดังของเขา
สร้างความปั่นป่วนไปทั่วตลาดในทันใด
“นักปรุงยาระดับสองรึ?...เขาอยู่ไหน ? …. เขาเป็นใคร ? “คนจำนวนมากเริ่มมาที่นี่
ปกติแล้วชีวิตประจำวันในหลุมดักเซียน
เป็นอะไรที่น่าเบื่อทีเดียว นอกจากการพักผ่อน เสริมเพิ่มพลัง
เพื่อให้ได้รับแก่นจิตวิญญาณที่เพียงพอ …
สำหรับทุกคนก็มีเพีงการต่อสู้ในหลุมดักเซียนเท่านั้น
บ่อยครั้ง ที่การต่อสู้จะยาวนาน
ต่อเนื่อง และมีความรุนแรงมาก ดังนั้น ด้วยเหตุนี้ นักปรุงยาและนักสร้างอาวุธ
จึงเป็นกลุ่มคนที่มีความสำคัญมาก
แต่คนกลุ่มนี้มีจำนวนน้อยมากที่เชี่ยวชาญการต่อสู้จึงทำให้ในหลุมดักเซียนมีนักปรุงยาและนักสร้างอาวุธไม่มาก
การต่อสู้ชนิดใดที่ต้องใช้พลังจิตและใช้อาวุธ
การเกิดเหตุอย่างฉับพลันป็นสาเหตุทำให้เกิดการบาดเจ็บที่รุนแรง
และอาวุธเวทถูกทำลาย ภายใต้สถานการณ์ธรรมดาเหล่านี้
ยาที่คุณภาพสูงจะถูกนำมาใช้เพื่อเยียวยา
หรือบางทีเพื่อฟื้นฟูพลังจิตในการต่อสู้ที่ดุเดือด แต่สำหรับยาระดับที่สอง พวกเขาไม่เคยได้มีโอกาสสัมผัสมันมาก่อน
นอกเหนือจากจำนวนชนิดของยาที่สามารถปรุงได้แล้ว สถานะของผู้ปรุงยาก็จะถูกตัดสิน
โดยดูจากระดับของยานั้น
ถึงแม้ระดับการบ่มเพาะของนักปรุงยาระดับสองค่อนข้างต่ำ
เมื่อเทียบกับนักปรุงยาธรรมดา
แต่อนาคตของเขาในภายภาคหน้าไร้ขีดจำกัด
การพบนักปรุงยาระดับสองที่หลุมดักเซียน เป็นโชคอะไรบางอย่างที่เหลือเชื่อเท่านั้น
หลังจากได้ยินเสียงตะโกนของชายผู้นั้น
ทุก ๆ คนล้วนจำได้ดีถึงที่ที่ขายยาของเยาวชนคนนั้น เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
เพราะทุกคนคิดว่าของคุณภาพดีเยาวชนที่มีระดับเพียงรวบรวมลมปราณหรือจะมี
ดังนั้นพวกเขาเพียงใช้พลังจิตวิญญาณ สำรวจคร่าว ๆ แล้วผ่านไป ไม่แม้แต่จะหยุดดู
แต่ในตอนนี้
ผู้คนนับไม่ถ้วนรู้สึกเศร้าโศกเมื่อได้ยินว่าเขาเป็นผู้ปรุงยาระดับสอง
ก็ในเมื่อเขาเป็นนักปรุงยาระดับสองในขณะที่การบ่มเพาะแค่ระดับรวบรวมลมปราณ
แล้วอะไรจะเกิด เมื่อเขาสามารถรวบรวมลมปราณขึ้นไปสู่ระดับก่อสร้างรากฐานได้
บุคคลเช่นนี้อยู่เบื้องหน้าพวกเขาตั้งหลายวัน โดยที่ไม่มีใครสนใจ
โชคดีที่นี่คือหลุมดักเซียน
ซึ่งเจ้าเด็กน้อยนั้นสุดท้ายก็ต้องกลับมาหมู่บ้านหลีโลวเพื่อปรุงยา
ตลอดช่วงเวลาแห่งการต่อสู้ จากนี้เป็นต้นไป คงไม่มีใครคิดจะครอบครองมุมตลาดนั้นอีก
ทุกคนทราบดีว่าต้องเว้นที่ตรงนั้นไว้ และถ้าทันทีที่เจ้าเด็กน้อยนั้นกลับมา ทุก ๆ
คนจะได้ พบกับเขาตามต้องการ ตราบใดที่ พวกเขามีสัมพันธภาพที่ดี
มันก็จะเป็นโอกาสที่ดีของพวกเขาเอง
หยางเฉินไม่รู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นหลังจากที่เขาจากไป
เขาเพียงมุ่งหน้าไปตามเป้าที่ตั้งอย่างรวดเร็ว
เขาเผชิญกับสัตว์อสูรจำนวนหนึ่ง
…ปัง…..
สัตว์อสูรที่อยู่ใกล้หมู่บ้านหลีโลว
โดยปกติแล้วเป็นพวกที่ถูกไล่ออกมาและไม่มีพลังมากนัก
ภายใต้การป้องกันที่ทรงพลังของทักษะประสานหยินหยางห้าธาตุของเขา
การโจมตีของเหล่าสัตว์ไม่ระคายเคืองแม้แต่เส้นผม
ยิ่งกว่านั้นเขาเพียงป้องกันตัวไม่แม้จะโจมตีโต้กลับ
ถ้าจะกล่าวอย่างชัดเจน ก็คือ
สัตว์อสูรใต้พิภพไม่ใช่สัตว์ที่มีชีวิตจริง ๆ
แต่คือกลุ่มก้อนจิตวิญญาณที่ควบแน่นรวมเป็นตัวสัตว์ การโจมตีใดๆก็ตาม
เป็นเพียงการปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณในตัวของมัน
เป็นความจริงที่เจ้าสามารถฆ่าสัตว์อสูรโดยการโจมตีมัน แต่ต้องรอคอยจนกระทั่งมันใช้พลังจิตวิญญาณทั้งมวลจนหมดสิ้น
จำนวนแก่นจิตวิญญาณที่ได้มาเทียบแล้วมากกว่าการโจมตีแล้วฆ่ามัน
เพียงช่วงเวลาอาหารหนึ่งมื้อให้หลัง
สัตว์อสูรเหล่านั้นควบแน่นพลังจิตวิญญาณ แล้วเปลี่ยนเป็นชิ้นของแก่นจิตวิญญาณ
ร่วงหล่นลงพื้น หลังจากหยิบแก่นจิตวิญญาณขึ้นมาแล้ว หยางเฉินยังไม่ได้ก้าวไปไกล
เขาได้ยินเสียงการต่อสู้และคำรามอย่างรุนแรงของสัตว์อสูรนับร้อย
เขาเปลี่ยนทิศทางมุ่งไปตามเสียง
เขาเห็นภาพเงาที่ถูกสัตว์อสูรนับร้อยตัวโจมตีทุกทิศทางร่างทั้งร่างของคนคนนั้น
อยู่ในแนวป้องกันสีน้ำเงินล้อมรอบ นอกจากนั้น กระบี่บิน
หมุนวนรอบตัวพุ่งเข้าโจมตีสัตว์อสูรที่เข้ามาใกล้
สถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้
เพียงเกิดขึ้นเมื่อสัตว์อสูรจำนวนมาก และหลากหลายธาตุร่วมกันโจมตี เมื่อคนคนหนึ่ง
ถูกล้อมรอบโดยสัตว์อสูรใต้พิภพจำนวนหลายฝูง หลังจากป้องกันตัวเอง
ให้เหมาะสมเยี่ยงนี้ แล้วโต้ตอบโดยพลังธาตุของตน เพื่อคุมสถานการณ์ให้ได้แล้ว
ก็ไม่มีวิธีอื่น แต่การที่จะกำจัดเหล่าสัตว์อสูรให้ได้ทั้งหมด อย่างน้อยต้องใช้เวลาครึ่งวัน
โดยคนคนหนึ่ง จะได้เพียงแก่นจิตวิญญาณของธาตุชนิดเดียว
แล้วการจะได้รับธาตุอื่นนั้น จะเกิดจากการซื้อขายแลกเปลี่ยนกับผู้อื่น
ถึงแม้เหล่าผู้บ่มเพาะจะตั้งค่ายกล
แต่เมื่อเผชิญหน้าเหล่าสัตว์อสูร พวกเขาได้แต่จนปัญญา เพราะสัตว์อสูรมีอิทธิพลต่อพลังจิตวิญญาณ
ดังนั้นการโจมตีด้วยค่ายกลซึ่งสร้างมาจากการควบแน่นพลังจิตวิญญาณเช่นกัน
จึงไม่ค่อยได้ผลกับสัตว์อสูรใต้พิภพ
มีเพียงการใช้กระบี่บินเท่านั้นที่ทรงประสิทธิภาพ
แต่เหล่าผู้คนในหลุมดักเซียนนั้น ส่วนมากเป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญระดับกลางก่อสร้างรากฐาน
ซึ่งต้องการเพิ่มพลังและสถานะการบ่มเพาะของตน
แล้วใครล่ะในพวกเขาที่จะมีกระบี่บินในครอบครอง..?
หยางเฉินไม่ได้หยุด
และพุ่งตรงผ่านพื้นที่เล็ก ๆ มุ่งสู่เหวที่มืดมิด การกระทำของเขา
ทำให้ผู้บ่มเพาะรอบๆหน้าซีดตื่นตระหนก เขาพบการคงอยู่ของหยางเฉินด้วยพลังจิตวิญญาณ
แต่ภายในหลุมดักเซียน ยากนักที่จะมีการช่วยเหลือกันและรวมเป็นทีม
เขาจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่เมื่อเห็นเส้นทางของหยางเฉินแล้ว
เขาได้แต่คิดว่ามีคนเลือกทำในสิ่งที่ผิดพลาดอีกคนแล้ว
เมื่อเห็นหยางเฉินมุ่งสู่ที่ลึก
เขายิ่งประหลาดใจ ได้แต่ส่งเสียงร้องออกมาอย่างประหลาดใจ
“ในนั่นน่ะ
ยิ่งอันตรายนะ… ระวังด้วย”
เขาได้แต่ตะโกนออกมา
ในขณะที่ถูกล้อมรอบด้วยเหล่าสัตว์อสูร ดังนั้นเขาไม่สามารถหยุดยั้งหยางเฉินได้
“ไม่อันตรายใดๆข้าได้ตรวจสอบมาก่อนหน้าแล้ว
ขอบคุณผู้อาวุโสมาก”
แต่ในเวลาไม่นาน
ทันทีที่สัตว์อสูรฝูงใหญ่ปรากฏเบื้องหน้าและล้อมรอบเขา
ทำให้หยางเฉินหายไปจากการรับรู้ด้วยจิตวิญญาณของชายคนนั้น
“อา…”
ขณะถูกจู่โจมจากสัตว์อสูรรอบๆตัว
ชายคนนั้นได้แต่ถอนหายใจ
“เขาเพียงระดับรวบรวมลมปราณ
จะเข้าไปในพื้นทีลึกตรงนั้นได้อย่างไร”
แต่เขาเพียงถอนหายใจ
หรือจำนวนคนที่ตายในหลุมดักเซียนมันน้อยไป ?…มันจะเป็นหนึ่งหยางเฉิน ..รึแม้จะเป็นหลาย ๆ หยางเฉิน มันก็ไม่มากหรอก!
ถ้าหากชายคนนั้นได้เห็นสถานณการณ์ของหยางเฉิน
เป็นที่แน่ชัดว่าเขาคงจะสิ้นสติ หยางเฉินไม่ได้มีอาวุธเวทป้องกันใด ๆ เหล่าสัตว์อสูรโจมตีเขาอย่างบ้าคลั่ง
แต่เขาไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย ยังคงมุ่งหน้าไม่หยุดยั้ง ค้นหารอบ ๆ ด้วยพลังสำนึกจิตวิญญาณ
หลังจากเดินทางร่วมเดือน
เขาก็เจาะลึกเข้าไปในที่อาศัยของเหล่าสัตว์อสูรชั้นสูง
เพียงวิธีนี้เท่านั้นที่หยางเฉินจึงจะสามารถไปถึงจุดหมาย
ในขณะนี้เขาได้ถูกสัตว์อสูรโจมตีเข้ามาทุกด้าน
หยางเฉินทำได้ทีที่สุดคือป้องกันพวกมันไว้
สำหรับยาเม็ดลมปราณที่หยางเฉินนำมาเผื่อตัวเอง
หยางเฉินได้ใช้ไปเกลี้ยงทุกขวด
หลังจากการถูกล้อมกรอบด้วยสัตว์อสูรหลายร้อย และจำนวนมีแต่เพิ่มขึ้น
ถ้าปราศจากแรงหนุนจากยาเม็ดลมปราณต่อให้เขามีพลังมากกว่านี้
ก็เป็นการยากที่จะค้นหาจุดหมาย แต่ไม่ว่าด้วยคำพูดหรือการกระทำ ยานั้นมีจำกัด และไร้โอกาสในการฟื้นฟูพลังจิต
สุดท้ายเมื่อถึงตรงนี้ เขาก็เหมือนลูกธนูที่พุ่งมาจนหมดแรง
ด้วยพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งในอาณาเขตรับรู้หลายสิบเมตร
มีบริเวณหินที่วางเป็นวงกลมมากระตุ้นการรับรู้ เหมือนเตือนเขาว่า
นี่แหละจุดหมายที่เขาค้นหา
มีรอยแตกเล็ก ๆ
ที่ด้านหลังวงกลมของหิน โชคดีสำหรับเขาที่มันพอที่จะแทรกเข้าไปได้
หยางเฉินไม่กล้าประมาท เขากระโดดขึ้นยอดเสาแล้วโจมตีกลุ่มสัตว์ราวสายฟ้าแลบ
แล้วพุ่งไปที่รอยแตกนั้น แทรกตัวเองเข้าไป
ขอบคุณค่ะ ค้างมากก
ตอบลบไม่รู้จะค้นพบอะไรอีก พลังฝึกตนยังน้อยแถมไต่ระดับขึ้นช้าด้วย แป่วๆ
ตอบลบ