เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันจันทร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2560

ZX 053 หลุมดักเซียน


ผลจากการการฝึกเคล็ดวิชาลับหยินหยางห้ารูปแบบ ทำให้พลังจิตวิญญาณของหยางเฉินเพิ่มขึ้น อันเป็นผลจากรูปแบบทั้งห้าที่ส่งผลต่อกันและกัน ทำให้พลังจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์นี้ไม่อ่อนแอไปกว่าระดับสูงสุดของขั้นรวบรวมลมปราณ

พลังอันกล้าแกร่งของรูปแบบทั้งห้าที่บรรจุไปด้วยอักขระสิบดวงดาวแห่งสวรรค์ก่อให้เกิดพลังอันน่าเกรงขาม และตัวซุนไห่จิ้งไม่เคยฝึกฝนร่างกายเพื่อต่อต้านอักขระ ภายใต้การโจมตีที่ต่อเนื่องและรุนแรงนี้  จริงๆแล้วเขาไม่อาจทนได้แม้แต่ครั้งเดียวด้วยซ้ำ

ซุนไห่จิ้ง ผู้มีการบ่มเพาะขั้นเริ่มต้นของระดับก่อตั้งรากฐาน และครอบครองกระบี่บิน  ร่างกายและศีรษะยับเยิน.. ต่อหน้าทุกคน ไม่มีผู้ใดคาดว่า เขาจะถูกจัดการ..โดยหยางเฉิน! ..ระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่สาม!

ความพ่ายแพ้ของโจ่วซี ศิษย์ภายนอกอันดับหนึ่ง ยิ่งช่วยยกระดับของซุนไห่จิ้งยิ่งขึ้น การท้าทายเป็นตายต่อหยางเฉินนับว่าสร้างความประหลาดใจมาก แต่ที่ประหลาดยิ่งกว่านั้น คือซุนไห่จิ้งถูกฆ่าตายบนเวทีในเวลาอันสั้น นี่หมายความว่าศิษย์ภายนอกอันดับหนึ่งที่แท้จริง อยู่ที่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่สาม ไม่ใช่ที่ระดับสูงสุด ?

 “น่าสนใจดี

ทันใดนั้นผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ซึ่งยังไม่ลืมตา ชี้นิ้วเปล่งแสงพุ่งตรงไปที่หยางเฉิน

ไม่มีผู้ใดรู้ แต่หยางเฉินตื่นตัวในทันที เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสายฟ้าแลบ แขนทั้งสองไขว้ไว้เบื้องหน้าในลักษณะป้องกันตัว ทันใดยันต์สิบกำแพงปฐพีในกระเป๋าจัดเก็บก็ลอยออกมา แล้วทำให้เกิดกำแพงที่สูงและหนาที่เบื้องหน้าหยางเฉิน

การใช้ยันต์ประดิษฐ์โดยไร้การเคลื่อนไหว สร้างความตกตะลึงต่อผู้คน แต่ที่สร้างความสับสนกว่านั้น..เขาทำอะไร?..เขาได้รับชัยชนะไปแล้ว..

หยางเฉินย่อมไม่มีเวลาอธิบาย เพราะทันทีที่เขาหยุดการเคลื่อนไหว พลังที่แข็งแกร่งก็พุ่งใส่กำแพง

ปัง….

กำแพงปฐพีทั้งสิบด้านถูกพัดออกไปเหมือนกับกระดาษด้วยพลังอันทรงพลังนี้ ในทันทีที่พลังนั้นสัมผัสกับกำแพงปฐพี ด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณที่น่าเหลือเชื่อนี้ทำให้กำแพงปฐพีกลายเป็นฝุ่นละอองล่องลอยไป

แต่เรื่องยังไม่จบ หลังจากทำลายกำแพงปฐพีทั้งหมดไป แต่ก็ยังเหลือพลังจิตวิญญาณบางส่วนได้โจมตีเข้ามาที่แขนที่ประสานไขว้ไว้ ร่างกายของหยางเฉินถูกพลังจิตวิญญาณอันทรงพลังผลักดันไปด้านหลัง แต่ว่าขาของเขาก็ไม่ได้ลอยขึ้นไป เขาถูกผลักดันออกไปอย่างน้อย เจ็ดฉื่อ ซึ่งทิ้งรอยเท้าทั้งสองไว้

ความแข็งแกร่งนี้ได้กดข่มหยางเฉินเอาไว้ แม้ว่าหยางเฉินจะป้องกันพลังวิญญาณบางส่วนไว้ได้ แต่พลังวิญญาณบางส่วนก็เล็ดลอดเข้าสู่ร่างกายของหยางเฉิน ผ่านทางแขนของเขาความเด็ดเดี่ยวของหยางเฉินที่ปะทะกับพลังวิญญาณ ในครั้งนี้ทำให้ทุกคนประทับใจในตัวหยางเฉิน พวกเขารู้สึกว่าถ้าต้องการเอาชนะอุปสรรคทั้งหมด จะต้องบดขยี้หยางเฉินให้ละเอียดซะก่อน

เมื่อพลังจิตวิญญาณนี้ได้เข้าสู่ร่างกายของหยางเฉิน พลังจิตวิญญาณหยินหยางทั้งห้าขั้นตอนของหยางเฉินได้โคจรหมุนเวียน โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ มันเริ่มที่จะต่อต้านพลังจิตวิญญาณที่บุกรุกนี้

หนึ่งแขนหยิน..หนึ่งแขนหยาง..ห้ารูปแบบหยินหยางย้อนกลับ คล้ายหินมหึมาสองก้อน เริ่มทำการต่อต้าน ดูดกลืนพลังจิตที่บุกรุกเข้ามา

สิ่งเดียวที่เหล่าผู้ชมมองเห็นคือ หลังจากที่หยางเฉินได้รับการโจมตีได้เกิดพลังสีฟ้าโปรงใสขึ้นที่แขนของหยางเฉิน ราวกับว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิต มันวิ่งจากแขนขึ้นไปที่ไหล่ของเขาด้วยความเร็วราวกับฟ้าผ่า พลันในเวลานั้นแสงสีแดงก็ปรากฏขึ้นที่ร่างของหยางเฉิน และเริ่มเคลื่อนไหวไปที่แขนข้างที่มีแสงสีฟ้า เข้าต่อต้านแสงสีฟ้าที่แผ่กระจายไปทั่วแขนของเขา

เจ้าประเมินตัวเองสูงไปรึเปล่า

ชูเฮิงที่อยู่ด้านข้างผู้นำพระราชวัง ได้เห็นการเคลื่อนไหวของผู้นำราชวัง เมื่อเห็นหยางเฉินได้ใช้พลังจิตวิญญาณของตัวเองเพื่อต่อต้านพลังจิตวิญญาณของผู้นำพระราชวัง เป็นที่แน่ชัดว่าชูเฮิงไม่มีความคิดที่จะช่วยเหลือและยังเค้นเสียงขึ้นจมูกออกมาอย่างเย็นชา กับผลการประเมินเช่นนี้ ผู้นำพระราชวังใช้วิธีนี้เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของหยางเฉินเป็นที่แน่ชัด แม้แต่ชูเฮิงกับระดับการบ่มเพาะปัจจุบันของเขาก็ไม่กล้าที่จะต่อต้านกระแสพลังของผู้นำประราชวัง แล้วศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่สามที่ไม่ฉุกคิดแล้วต่อต้านเช่นนี้ ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ช่างเป็นคนที่โง่เขลาจริงๆ

ในตอนนี้ชูเฮิงก็ปล่อยลมหายใจเหน็บหนาวออกมา สถานการณ์ของหยางเฉินบนเวทีที่กำลังถูกทดสอบ เหมือนถูกใครบางคนต่อยแล้วอีกคนก็เข้ามาตบเข้าที่หน้าของเขา

จู่ๆแสงสีแดงก็หยุดลงที่บริเวณต้นแขนของหยางเฉิน แม้ว่าในตอนแรกมันจะเริ่มถูกผลักดันให้ถอยกลับไป แต่หลังจากที่ถอยไปยังพื้นที่ต้นแขนก็สามารถหยุดพลังแสงสีฟ้า

 “เกิดอะไรขึ้น

ซูเฮิงเกิดความสงสัยว่า จิตวิญญาณของเขาเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่ แต่ไม่ได้กล่าวอันใดเพราะขณะนี้อยู่ใกล้ท่านผู้นำ เขาไม่กล้าที่จะเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียด ได้แต่เก็บความคิดเหล่านี้ไว้ในใจ แล้วเขาเริ่มโคจรพลังจิตวิญญาณเพื่อสังเกตการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้

การหยุดชะงักระหว่างแสงสีแดงและสีฟ้าใช้เวลาเพียงแค่พริบตาเท่านั้นและเริ่มปะทะกันอีกครั้ง แสงสีฟ้าเริ่มถูกสะกดข่มทีละเล็กทีละน้อย เริ่มจากครั้งละขนาดเส้นผม จนเป็น ครึ่งชุน หนึ่งชุน พื้นที่ของแสงสีน้ำเงินค่อยๆหดลง แล้วในเวลาไม่นานก็หายไปภายใต้การจับตามองของผู้คนจำนวนมากแสงสีฟ้าที่เข้าสู่แขนของหยางเฉิน ค่อยๆถูกผลักดันออกไปมันเกิดการเปลี่ยนแปลงในทีแรกเพียงแค่เส้นผม แต่หลังจากครู่หนึ่งแสงสีฟ้าเริ่มจางหายไปอย่างช้าๆ และในที่สุดก็หายไปทั้งหมดในขณะที่แสงสีแดงจางๆที่ตัวของหยางเฉินก็เริ่มค่อยๆจางหายไป

ในเวลานั้น หยางเฉินเหงื่อไหลออกมาโทรมกาย ลมหายใจกลายเป็นยุ่งเหยิง ทรยศต่อร่างกายของเขา มันแสดงให้เห็นว่าเขาต้องเผชิญกับความยากลำบากเมื่อไม่นานมานี้ ไม่มีผู้ใดรู้ถึงความยากลำบากที่เขาพึ่งผ่านพ้นมา ไม่มีใครรู้เลยถึงความกดดันนั้นมหาศาลเพียงใด และสิ่งที่เขาต้องเผชิญหน้าเมื่อไม่นานมานี้ยากลำบากแค่ไหน

ตาที่หลับอยู่ของผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ในที่สุดก็เปิดขึ้น เผยรอยยิ้มลึกลับบนใบหน้าของเขา ริมฝีปากของเขาขยับเล็กน้อยเหมือนเขากำลังพูดกับตัวเอง แต่สาวกจำนวนหนึ่งได้ยินว่าเขากำลังพูดอะไร

ระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่สาม ไม่น่าเชื่อว่าจะป้องกันการจู่โจมทางจิตวิญญาณ ที่แหลมคมของข้าโดยไม่ต้องใช้อาวุธ น่าสนใจ !

หลังจากเขาพูดคำเหล่านี้ พลันเขาก็ส่งเสียงเพิ่มความดังขึ้น พอที่จะยินทั่วทุกคนในตำหนักเก้าปฐพี

หยางเฉินมีความดีความชอบ ในการเก็บกวาดภายในพระราชวังครั้งนี้ เพื่อตอบแทนเจ้า ข้าอนุญาตคำร้องขอของเจ้า ถ้ามันไม่ยากลำบากจนเกินไป

ในตอนนี้ผู้คนนับพันต่างตกใจกับแหล่งที่มาของการโจมตี แต่ทันใดนั้นก็เกิดเสียงของผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ดังขึ้น  ได้ยินไปทั่วทั้งตำหนักเก้าปฐพี

ด้วยสถานะของท่านผู้นำ ด้วยการบ่มเพาะผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอก  แม้จะเป็นศิษย์ภายในเอง  ก็ยังยากยิ่งที่จะได้พบ เว้นแต่เวลาที่มีเหตุการณ์สำคัญ  ดังนั้นสำหรับพวกเขา ไม่มีโอกาสเลย แค่เรื่องราวที่ตำหนักเก้าปฐพีตอนนี้ อยู่ในสภาวะเรียกว่าแค่ท่านผู้นำมาก็เกินพอแล้ว แต่ตอนนี้ ท่านผู้นำยังรับปากคำร้องขออีก

แม้แต่ตัวตนของเขาในฐานะผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ การที่เขาใส่ใจศิษย์สายนอกก็เป็นเรื่องที่กรุณามากแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดเดาได้ สถานการณ์ภายในตำหนักเก้าปฐพีสามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ว่า 'การปรากฎตัวของเจ้าจะนำพาแสงสว่างมายังดินแดนอันต่ำต้อยของเรา' แล้วในตอนนี้ผู้นำพระราชวังหยางบริสทธิ์ยังสัญญาว่าจะให้คำร้องขอเป็นรางวัล  จะไม่ให้เหล่าผู้คนรู้สึกตื่นตระหนกได้อย่างไร?

เจ้าหยางเฉินนี่ เจ้าบ้านี่ช่างโชคดีนัก   ทุกคนต่างคิดคล้ายๆ กัน ผู้นำพระราชวังอนุญาตให้ร้องขอ แม้จะมีเงื่อนไขว่า ..ถ้าไม่มากเกินไปแค่นี้ก็เป็นอะไรที่ทำให้ทุกคนเกิดความบ้าคลั่งขึ้น!

ด้วยสถานะของผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นทักษะการบ่มเพาะ อาวุธเวท สารพัดยา หรือแม้แต่การขอเป็นศิษย์โดยตรงก็ดี กล่าวได้ว่าการร้องขอของหยางเฉินราวกับก้าวขึ้นสวรรค์ด้วยการก้าวเพียงก้าวเดียว

มีบางคนที่รู้สึกอิจฉา บางคนรู้สึกอารมณ์ผสมปนเป และยังมีอีกหลากหลายอารมณ์ที่พวกเขารู้สึก แต่หลังจากเห็นความสามารถของหยางเฉินแล้ว ศิษย์สายในอย่างชูเฮิงและตูเชี่ยน ก็ยังต้องตามอยู่ข้างหลัง เพียงแค่นิ้วเดียวของผู้นำมันก็สอดคล้องกับทักษะของเขาทั้่งส่งและรับอยู่ภายในใจ แม้ว่าจะเป็นการโจมตีเพียงแค่นิ้วเดียว ตูเชียน ชูเฮิงและคนอื่นที่เป็นศิษยระดับก่อสร้างรากฐานต่างก็รับรู้ถึงสิ่งนี้ ถ้าพวกเขาเป็นหยางเฉินก็จะไม่จากไปง่ายๆ

แต่ว่าหยางเฉินอยู่เพียงระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่สาม เขาอยู่ในระดับลมปราณที่ต่ำกว่า แต่เขายังสามารถจัดการซุนไห่จิ้งได้อย่างง่ายดาย การกระทำเหล่านี้บอกเป็นนัยว่าผู้นำพระราชวังเคลื่อนไหวเพราะหยางเฉิน สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก

ทุกคนกำลังเฝ้ามองไปที่หยางเฉินด้วยความอิจฉา ไม่ว่าหยางเฉินจะร้องขอสิ่งใด ทักษะ..ยาอาวุธเวทสมบัติสวรรค์ค่ายกลอักขระ หรือแม้กระทั่งขอให้เพิ่มระดับการบ่มเพาะของเขา ด้วยเพียงคำพูดเดียว ทุกๆคนต่างจิตนาการ ถ้าพวกเขาอยู่ตรงจุดๆนั้น พวกเขาจะขอสิ่งใด เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาอยากรู้อยากเห็นถึงคำขอของหยางเฉินมากยิ่งขึ้น


 “ศิษย์หยางเฉินขอคารวะท่านผู้นำ ..ศิษย์ขออนุญาตให้ได้รับการยินยอม เข้า หลุมดักเซียน…!”เมื่อหยางเฉินได้ยินเสียงผู้นำพระราชวัง เพื่อเป็นการสอดคล้องกับความต้องการของผู้นำพระราชวัง เขาร้องขอในสิ่งที่เขาต้องการทันที

เมื่อสิ้นสุดคำพูดของหยางเฉิน ทำให้เกิดเสียงโห่ร้องออกมาในทันที เขาไม่ได้ขออาวุธวิเศษ หรือทักษะบ่มเพาะ  ไม่ใช่แม้แต่สมบัติอื่นๆ เขาเพียงขอเข้า หลุมดักเซียน ผู้คนส่วนใหญ่ในตำหนักเก้าปฐพีต่างเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน สิ่งแรกที่วาบเข้ามาในความคิดของพวกเขาคือ มันต้องมีสมบัติบางอย่างซึ่ง เป็นสิ่งที่หยางเฉินต้องการ นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ลังเลที่จะร้องขอผู้นำพระราชวัง

สำหรับคนที่รู้จัก 'หลุมดักเซียน' พวกเขาต้องสูดลมหายใจหนาวเหน็บเข้าไป 'หลุมดักเซียน' เป็นชื่อที่ทุกคนลงความเห็นว่าไม่ได้เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย พวกเขาไม่คาดคิดว่าหยางเฉินจะอยากไปที่นั่น

เมื่อผู้นำพระราชวังได้ยินคำร้องขอของหยางเฉินก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้  ศิษย์ระดับก่อกำเนิดรากฐานที่มีไม่มากนักได้ยินก็แทบไม่เชื่อ แต่เพราะผู้นำพระราชวังอยู่ใกล้ๆ พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไร

แต่นี่คือผู้นำพระราชวัง ความประหลาดใจเพียงหยุดเขาไว้แค่พริบตา ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นเขาก็ขยับริมฝีปากกล่าวออกมาว่า :

ในเมื่อเจ้าสามารถรับการโจมตีด้วยนิ้วของข้าได้ ..เจ้าก็มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไปใน ..หลุมดักเซียน

เขาขยับมือของเขาเล็กน้อยก็ ปรากฏแผ่นหยกสีขาวขนาดเล็กขึ้นในมือของเขา เขาส่งแผ่นหยกให้ลอยไปทางหยางเฉินที่อยู่บนเวที

เอาไป เตรียมตัวให้พร้อม

ขณะที่หยางเฉินรับแผ่นหยกสีขาว เขาก็ได้ยินเสียงของผู้นำพระราชวัง เขาจึงตอบรับกลับไปเสียงดัง :

รับทราบ

การแข่งขันที่เหลือ ไม่มีสิ่งมหัศจรรย์ใดเกิดขึ้นอีก มีเพียงกงซุนหลิงแต่ผู้เดียวที่ท้าทายขั้นที่แปดสามคนและขั้นที่เก้าอีกสองคน แน่นอนชัยชนะย่อมตกเป็นของเธอ ทำให้ทุกสายตามองไปที่เธอด้วยความชื่นชม ในทักษะอันยอดเยี่ยมของเธอ



ส่วนผู้นำพระราชวังหยาง หลังจากให้แผ่นหยกแก่หยางเฉินแล้ว ก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก นอกจากชมเชยกงซุนหลิง จากนั้นพักผ่อนอยู่ที่ตำหนักเก้าปฐพีอีกสองวัน ..แม้แต่ชูเฮิงก็ไม่กล้าที่จะหายใจแรงๆออกมา มีเพียงหยางเฉินที่ดำเนินชีวิตตามปกติ

หลังจากทุกอย่างได้รับการคลี่คลาย ประเด็นที่ทุกคนพูดคุยกันมากที่สุดคือ อะไรคือ หลุมดักเซียนมันคือสถานที่แบบใด แต่หลังจากได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับมัน ทุกคนก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

หลุมดักเซียนเป็นสถานที่สำหรับให้ศิษย์ทุกนิกาย ตั้งแต่ที่มีการบ่มเพาะระดับก่อสร้างรากฐานขึ้นไป สามารถเข้าไปฝึกบ่มเพาะอารมณ์  และเนื่องจากมีทางออกเพื่อขึ้นเหนือพื้นดินทางเดียว แล้วยังเป็นทางออกสำหรับ จิตวิญญาณสัตว์ใต้พิภพ จึงเป็นที่ที่เหมาะกับการฝึกบ่มเพาะ และลดจำนวนจิตวิญญาณสัตว์  ซ้ำยังมีโอกาสได้รับแก่นวิญญาณ  จิตวิญญาณสัตว์ใต้ภิภพย่อมเกี่ยวข้องต่อความปลอดภัยของคนทั้งโลก หลุมดักเซียนจึงเป็นสถานที่ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง เพราะฉะนั้นแต่ละนิกายจึงต้องส่งผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอก….. มาดูแลอย่างน้อยหนึ่งคน

แม้จิตวิญญาณสัตว์ใต้พิภพจะมีขนาดใหญ่ แต่มันกำเนิดจากจักรวาลและไม่ได้มีสติปัญญา แต่กระทำทุกอย่างตามสัญชาตญาณเท่านั้น พวกมันอยู่รวมกันเป็นฝูงแล้วพร้อมจู่โจมทำลายทุกอย่างที่ขวางทาง คำว่า ดักเซียนสองพยางค์นี้ แท้จริงคือคำเตือน ในโลกการบ่มเพาะ หลุมดักเซียนจึงหมายถึง ..ดินแดนแห่งความตาย!

ทุกคนได้ยินล้วนตกใจ ในจำนวนคนที่อยากไป หลุมดักเซียน' พวกเขาสมควรมีความแข็งแกร่งอย่างน้อยระดับก่อสร้างรากฐานมิฉะนั้นทางนิกายจะไม่มอบแผ่นหยกให้ ถ้าใครไม่มีสิ่งนี้พวกเขาก็ไม่สามารถแสดงตัวตนกับประตูหลุมดักเซียนแม้ว่าหยางเฉินจะอยู่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสาม แต่เขาได้ร้องขอให้ผู้นำพระราชวัง อนุญาติให้เขาเข้าสู่ หลุมดักเซียน' ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถเอาชนะซุนไห่จิ้งได้ แต่เมื่อพูดถึงแล้วซุนไห่จิ้งก็ยังเป็นเพียงผู้บ่มเพาะระดับสูงสุดของขั้นรวบรวมลมปราณ ถึงแม้ว่าเขาใกล้จะอยู่ขั้นก่อสร้างรากฐาน แต่เขาก็ยังไม่สามารถทะลวงขึ้นไปได้ หยางเฉินตั้งใจที่จะเอาชีวิตของเขาไปทิ้งหรือ?

มีเพียงผู้เดียวที่ไม่ได้ประหลาดใจต่อการตัดสินใจของหยางเฉิน คือกงซุนหลิงทันทีที่จบการแข่งขันต่อสู้ภายใน เธอมองหาหยางเฉิน เพื่อเตือนให้ระมัดระวัง และไม่ลืม..ท้าทายเขา!
ศิษย์น้องหยาง .. เจ้าล่วงหน้าไปหลุมดักเซียนก่อนข้า รอก่อนเดี๋ยวข้าก็ตามเจ้าทัน!

หยางเฉินรู้สึกยินดี ต่อคำท้าทายนี้ นั่นแสดงว่าเธอยังไม่ ซึมซับการบ่มเพาะที่เจ็บปวด และกลายเป็นพวกบ้าการบ่มเพาะ จนทำให้ไม่รู้ว่าโลกไปถึงไหน ….ดูเธอจะกระตือรือล้นมากยิ่งขึ้น
ดีดี…..ข้าจะรอท่านที่นั่น

เขาตอบรับคำท้าของเธอ

4 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณมากครับ แปลอย่างไว

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณครับ ตอนนี้มาไวดี สำนวนแปลก็อ่านง่าย

    ตอบลบ
  3. ท่าทางจะเจอแรร์ไอเทมอีก

    ตอบลบ
  4. เข้าดันเจี้ยนแล้ว

    ตอบลบ