ไม่นานหลังจากนั้น ผู้คนที่เฝ้าดูการทดสอบบันไดสวรรค์ต่างก็จำบันทึกอันดับของการทดสอบบันไดสวรรค์ที่เป็นของซือสานส่านจากเกาะมรกตอมตะได้
เธอสามารถปีนบันไดสวรรค์ได้ถึงขั้นที่หกสิบสาม ในตอนนี้ศิษย์หญิงที่ไม่รู้จักจากพระราชวังหยางบริสุทธิ์
สามารถทำให้ผู้คนตื่นตระหนกด้วยการปีนไปได้ถึงขั้นที่หกสิบสอง ไล่ตามหลังซือสานส่านมา
มาอย่างรวดเร็วแม้ว่าจะแย่กว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเทพธิดาซือ แต่ก็ยังคงเป็นบันทึกที่น่าแปลกใจที่ทำให้คนทั้งหลายรู้สึกประหลาดใจ
นี่เป็นบันทึกที่ดีที่สุดในการชุมนุมในปีนี้ ในการปีนบันไดสวรรค์เพื่อทำการทดสอบจิตใจ
และผู้คนที่ยืนอยู่ที่นั่นที่เฝ้าดูตั้งแต่ต้นจนจบก็ได้เห็นบันทึกใหม่ที่กล้าหาญในครั้งนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว
เมื่อเปรียบเทียบบันทึกนี้ ขั้นที่หกสิบสองของบันไดสวรรค์กับขั้นที่สามสิบห้าของศิษย์หญิงจากเกาะมรกตอมตะ
ก็กลายเป็นเพียงเรื่องตลก
ในเวลานี้ผู้คนต่างก็หยุดพูดเรื่องไร้สาระเช่นการเรียกผู้เชี่ยวชาญด้านอาคมสะกดและการพูดคุยไร้สาระอื่นๆ
แม้ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างอาคมสะกด แต่กงซุนหลิงสามารถปีนขึ้นไปถึงขั้นที่หกสิบสองของบันไดสวรรค์
ภายใต้การมองของผู้คนเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะมีคนไม่ยอมรับเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่เมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้นอกเหนือจากการตกใจพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
นอกจากรู้สึกชื่นชม ในขณะที่คนอื่นๆที่เคยแพร่กระจายคำเท็จเช่น ‘เธอฉ้อโกง' พวกเขาก็พูดออกมาไม่ได้เต็มปาก
โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่ดูแลในส่วนของบันไดสวรรค์ในปีนี้
นอกเหนือจากซีเชิงซิน ทุกคนต่างรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนที่กงซุนหลิงกำลังปีนขึ้นบันไดสวรรค์พวกเขาได้ตกลงกันอย่างเงียบๆและใช้แรงกดดันที่มากกว่าปกติกับกงซุนหลิง
อาจจะมีคนรู้ว่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นเหล่านี้บางคนได้ร่วมกันก่อกวนศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณ
แม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แต่กงซุนหลิงก็ยังคงปีนขึ้นไปถึงขั้นที่หกสิบสองของบันไดสวรรค์
ซึ่งเมื่อเทียบกับซือสานส่าน แล้วมันไม่ใช่ความแตกต่างที่มากมายนัก
ซีเชิงซินเกือบจะระเบิดอารมณ์แห่งความสุขออกมา ในชุมนุมภูเขาลอยฟ้าในปีนี้
พระราชวังหยางบริสุทธิ์ไม่มีพันธมิตรใดๆ แต่ก็ไม่มีนิกายอื่นใดสามารถเทียบได้
ทางด้านของหยางเฉิน ผู้ซึ่งตัดหัวฮันเจียนเต๋อจากนิกายเทียนเชวียน และกงซุนหลิงที่กำลังปีนขึ้นไปถึงขั้นที่หกสิบสองของบันไดสวรรค์
มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนยอมรับว่าพระราชวังหยางบริสุทธิ์มีความสามารถเทียบเท่ากับเทพธิดาซือแห่งเกาะมรกตอมตะ
การเยาะเย้ยจอมปลอมของเหล่านิกายอื่นๆของสหายเต๋าเหล่านี้ที่ดูถูกความอ่อนแอของเหล่าศิษย์นิกายในอดีตก็จะหายไป
เมื่อเขาคิดถึงจุดนี้ ซีเชิงซินก็รู้สึกมีความสุขราวกับว่าเขาได้กินแตงโมในช่วงฤดูร้อน
ในอนาคตใครจะกล้าพูดคุยอย่างหยิ่งยโสต่อหน้าเขา? แม้กระทั่งจากเกาะมรกตอมตะ หรือแม้แต่ศิษย์ที่หยิ่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ความสามารถจากนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ก็จะไม่กล้าที่จะพูดออกมาแม้แต่ครึ่งคำต่อหน้าของความสำเร็จดังกล่าว
เพียงแค่ศิษย์คนเดียว กงซุนหลิง มันก็เพียงพอที่จะทำให้พระราชวังหยางบริสุทธิ์สามารถกำจัดม่านหมอกทั้งหลายได้ทั้งหมด
เมื่อจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซีเชิงซินมองไปในทิศทางอื่นๆ
ที่มีคนอื่นอีกเก้าคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น พวกเขายังคงนั่งอยู่ แม้ว่าเขาจะยังไม่กล้าโอ้อวดเขาก็ไม่ได้ลดศีรษะลงอีกต่อไป
เนื่องจากพวกเขากำลังรู้สึกตกใจ กับผลงานของกงซุนหลิงที่ดูมากจนเกินไป
ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นคนอื่นๆ ก็ยังคงอยู่ในสภาพมึนงง เมื่อซีเชิงซินเห็นอีกเก้าคนความเย่อหยิ่งบนใบหน้าของเขาแทบจะปิดไม่มิด
เมื่อต้องเผชิญกับบันทึกของ กงซุนหลิง ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นอีกเก้าคนต่างต้องอดทนต่อความภาคภูมิใจของซีเชิงซิน
แม้จะรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้อยู่ภายในใจของพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่มีทางทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้
เนื่องจากพวกเขาไม่มีศิษย์ที่โดดเด่นในนิกายของพวกเขาเอง!
หลังจากที่ถูกผลักกลับลงมาจากบันไดสวรรค์ กงซุนหลิง ปรากฏตัวที่เชิงภูเขาอีกครั้ง
แต่เนื่องจากความพยายามมหาศาลที่ได้ใช้เพื่อปีนไปบนบันไดสวรรค์ได้ถูกใช้ไปเกือบหมด
ในตอนนี้จึงแทบจะทำให้เธอไม่สามารถก้าวต่อไปได้อีก เธอรู้สึกถึงความปวกเปียกของขาของเธอ
ก่อนที่เธอจะล้มลงไปกับพื้นอย่างช่วยไม่ได้
ตั้งแต่เริ่มแรกหยางเฉินได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ดังนั้นเขาจึงรีบก้าวไปข้างหน้าและยื่นมือออกไปเพื่อรับร่างที่บอบบางของ
กงซุนหลิงไว้ ในขณะที่มือของเขาได้แตะสัมผัสเอวของกงซุนหลิง เขารู้สึกว่าผิวของเธอเรียบเนียนและนุ่มเป็นอย่างมาก
จนหยางเฉินอดที่จะรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่ภายในใจอย่างช่วยไม่ได้
ในขณะเดียวกันเมื่อกงซุนหลิงสัมผัสกับมือของหยางเฉินที่พยายามช่วยเธอไม่ให้ล้มไปกับพื้น
มันทำให้สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง ในขณะที่เธอกำลังจะผลักเขาออกไป เธอรู้สึกถึงพลังจิตวิญญาณธาตุดิน
ครู่ต่อมาพลังจิตวิญญาณธาตุดินนี้ได้แผ่เข้าไปในร่างของ กงซุนหลิง มากกว่าครึ่งหนึ่งของมันได้เข้าไปทดแทนพลังของเธอที่ถูกใช้ไปจนหมดในก่อนหน้านี้
ด้วยพลังจิตวิญญาณธาตุดินส่วนนี้จึงทำให้กงซุนหลิง สามารถที่จะรักษาเสถียรภาพของตัวเองได้อีกครั้ง
เธอยิ้มให้ หยางเฉิน และกล่าวออกไปว่า
"ขอบคุณมาก
ศิษย์น้องหยาง!”
คนอื่นๆอาจคิดว่ากงซุนหลิงกำลังขอบคุณหยางเฉิน ที่ช่วยไม่เธอล้มลงไปกับพื้น
แต่กงซุนหลิงทำการขอบคุณเขาที่มีความนัยมากกว่านั้น สำหรับคำแนะนำในก่อนหน้านี้ที่หยางเฉินได้ให้ไว้ก่อนที่เธอจะเดินขึ้นไปทำการทดสอบบันไดสวรรค์
ถ้าไม่ใช่เพราะคำแนะนำเหล่านั้นบางทีเธออาจจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หลังจากขั้นบันไดขั้นที่ห้าสิบ
จนถึงขั้นที่หกสิบสอง เธอสามารถผ่านมันมาได้ล้วนเป็นเพราะคำแนะนำจากหยางเฉิน
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อตอนที่เธออยู่บนบันไดสวรรค์ก็ยังคงสดใหม่อยู่ในความทรงจำของเธอ
โดยเฉพาะสองสามขั้นสุดท้ายที่เธอต้องใช้พลังทั้งหมดในร่างกายของเธอเพื่อต่อสู้ อย่างไรก็ตามมันยังช่วยให้
กงซุนหลิงได้รับผลประโยชน์ที่ลึกซึ้งอีกด้วย การโจมตีภายในดินแดนมหัศจรรย์นั้นจะทำการโจมตีจุดอ่อนอารมณ์ของเธอซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถป้องกันได้
ถ้าหากไม่ใช่คำแนะนำของหยางเฉินในก่อนหน้านี้ เธอก็คงจะไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันด้วยวิธีใด
คนที่ปีนขึ้นไปบนบันไดสวรรค์เกือบทุกคนจะนั่งเข้าฌานเพื่อทำความเข้าใจกับข้อมูลเชิงลึกที่พวกเขาได้รับ
อย่างไรก็ตาม กงซุนหลิงไม่ได้นั่งลง เธอเพียงแค่นั่งลงที่ด้านข้างๆเพื่อที่จะพักผ่อน
ซึ่งเมื่อเธอเริ่มสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้แล้ว เธออยากจะรู้ว่าหยางเฉินผู้ที่ชี้แนะหนทางบนบันไดสวรรค์ให้กับเธอ
เขาจะสามารถปีนขึ้นไปบนบันไดสวรรค์ได้ไกลสักเพียงไหน
หลังจากเวลาได้ผ่านไปผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นก็หายจากอาการตกใจ เมื่อผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนก็ได้เข้าสู่สภาวะจิตใจปกติ
พวกเขาทำการเปิดบันไดสวรรค์อีกครั้ง และประกาศให้คนต่อไปสามารถก้าวเดินไปบนบันไดสวรรค์เพื่อทำการทดสอบ
ถัดจาก กงซุนหลิง แน่นอนว่าจะต้องเป็นหยางเฉิน หยางเฉินมองไปที่รัศมีแสงที่ส่องสว่างออกมาจากบันไดสวรรค์ราวกับว่าเขาไม่ได้หันหน้าไปทางบันไดสวรรค์
แต่เป็นเพียงถนนที่พบเห็นได้อยู่ทั่วๆไป เขายกเท้าของเขาก้าวเดินไปโดยไม่มีการเตรียมการใดๆ
เขาก้าวเดินขึ้นไปในทันที
เมื่อไม่นานมานี้ ทุกคนจะได้เห็นพรสวรรค์ที่โดดเด่นของศิษย์ทั้งหลาย
ในขณะที่พวกเขาก้าวขึ้นไปบนแต่ละขั้นบันไดสวรรค์พวกเขาจะต้องระมัดระวังและรอบคอบเป็นอย่างมากในระหว่างที่อยู่บนบันไดสวรรค์
แต่ในตอนนี้ที่ด้านหน้าของทุกคน มีเด็กหนุ่มที่ดูขี้เกียจมากเขาเดินขึ้นราวกับว่าไม่ใส่ใจอะไร
ที่แม้แต่ ซีเชิงซิน ของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ก็รู้สึกไม่พอใจ แม้ว่าเขาจะไม่สนใจในเรื่องแต่เขาก็รู้สึกว่าหยางเฉินไม่ควรทำตัวไม่เหมาะสมเช่นนี้? เมื่อเทียบกับอัจฉริยะศิษย์เช่น กงซุนหลิง หยางเฉินทำให้พระราชวังหยางบริสุทธิ์ของเขาเสียหน้า
อีกเก้าคนของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นรู้สึกไม่พอใจมากนักและในเวลานี้
คนอื่นๆที่กำลังเฝ้ามองดูอยู่มีคนพูดถึงหยางเฉินออกมาว่า
"ดูนั่นสิ...เพชฌฆาตยังไงก็ยังเป็นเพชฌฆาตอยู่วันยังค่ำ
เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแสดงความสง่างามออกมา!"
ในระยะเวลาสั้นๆ สิ่งนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกภายในหัวใจของทุกคน
คนที่ยืนรอบข้างไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น ได้ทำข้อตกลงกันไว้อย่างเงียบเชียบ
ตั้งแต่หยางเฉินไม่ได้ให้ความสำคัญกับประสบการณ์นี้มากนัก พวกเขาต้องการที่จะสอนบทเรียนที่น่าจดจำ
พื้นหลังของเขาเป็นมือเพชฌฆาต ซึ่งมันก็เป็นหัวข้อที่น่าสนใจสำหรับการพูดคุยอยู่แล้ว
"ฮึ้ม
มือเพชฌฆาตที่ฆ่าคนโดยไม่คำนึงถึงอะไร!"
หอฑูตต่างแดนของ นิกายเทียนเชวียน รู้สึกอึดอัดอยู่ภายในใจของพวกเขา ฮันเจียนเต๋อ
เสียชีวิตภายใต้เงื้อมมือของ หยางเฉิน แม้ว่าสิ่งที่ฮันเจียนเต๋อนั้นจะทำไม่ถูกต้องนัก
แต่เขาก็ยังเป็นศิษย์ของนิกายเทียนเชวียน สำหรับเขาที่ถูกฆ่าโดยหยางเฉิน
มันย่อมทำให้นิกายเทียนเชวียนเสียหน้า เมื่อคิดอย่างนี้ผู้ดูแลหอได้ตัดสินใจที่จะทำบางสิ่งบางอย่าง
'ลองดูสิว่าเจ้าจะสามารถฆ่าได้มากแค่ไหน!'
ผู้เชี่ยวชาญในระดับก่อลำต้นทั้งสิบคน ที่ดูแลและจัดการบันไดสวรรค์
พวกเขาสามารถเพิ่มจินตนาการของตนเองลงไปยังภาพลวงตาของบันไดสวรรค์ได้ นี่เป็นจุดเด่นของดินแดนมหัศจรรย์แห่งบันไดสวรรค์
และเป็นส่วนที่ยากที่สุดของ เส้นทางค้นหาใจ ปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดคือสิบผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น
ที่รับผิดชอบในการสร้างอักขระอาคม สามารถสื่อสารกับคนอื่นๆได้อย่างเสรี โดยใช้พลังจิตวิญญาณของพวกเขาเพื่อประสานการทำงานของพวกเขา
เมื่อ กงซุนหลิง กำลังปีนบันไดสวรรค์นอกเหนือจาก ซีเชิงซิน คนอื่นๆทั้งเก้าคนต่างใช้เล่ห์กลนี้ร่วมกันเพื่อสร้างอุปสรรคสิ่งกีดขวางสำหรับกงซุนหลิง
ในตอนนี้เมื่อหยางเฉินก้าวขึ้นบันไดสวรรค์ทุกคนก็ยังคงใช้เล่ห์กลเดียวกันนี้ แต่ในครั้งนี้เป็นเพราะการริเริ่มโดยผู้ดูแลหอฑูตต่างแดนจากนิกายเทียนเชวียนและควบคุมดูแลทั้งหมด
ทันทีที่ก้าวขึ้นบันไดขั้นแรก หยางเฉินรู้สึกราวกับว่าเขาถูกส่งตัวไปยังลานประหาร
ด้านหน้าของเขามีนักโทษที่พร้อมจะถูกประหารชีวิต ในขณะนี้เขาสวมสายคาดเอวสีแดงอยู่
เปลือยร่างกายส่วนบน มือของเขาถือดาบที่ใช้ประหารนักโทษ มันมีลักษณะที่น่ากลัว มันมีลักษณะคล้ายกับดาบที่เขาใช้เมื่อตอนอยู่บนแท่นประหานเซียน
และก็คล้ายกับกล่องดาบที่หยางเฉินเก็บไว้ภายในแหวนแห่งความสำเร็จ
ภาพลวงตาเกิดขึ้นภายในใจของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างยังสามารถใช้การรับรู้ภายในจิตใจของหยางเฉินเป็นฐานได้
ก็ต่อเมื่อได้รับการสนับสนุนจากพลังอำนาจอักขระอาคมที่สร้างภาพลวงตา หยางเฉินยิ้มออกด้วยอาการดูถูกจากสิ่งที่เห็นนี้
พวกเขาต้องการที่จะสร้างความลำบากให้กับหยางเฉิน? นี่ไม่ใช่แค่การเดินเข้าไปในกับดักของตัวเองหรอกหรือ?
เขาตวัดมือที่ถือดาบ เมื่อเวลาได้ผ่านไปสักครู่หนึ่ง นักโทษทั้งหมดสิบคนก็สูญเสียศีรษะของพวกเขา
จากนั้นภาพเหตุการณ์ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากสิบคนเปลี่ยนเป็นร้อย จากร้อยเปลี่ยนเป็นหนึ่งพันคน
ไม่ว่าจำนวนคนจะมากมายเท่าไหร่ พวกเขาต่างพูดในเรื่องเดียวกัน นั่นคือจำนวนครั้งที่หยางเฉินต้องตวัดเฉือนดาบของเขา
โดยไม่ได้ใช้เวลาในการคิดแต่อย่างใด ทุกครั้งที่เขาตวัดเฉือนดาบลงไป มันจะไม่มีข้อลังเลใดๆ
หนึ่งดาบ หนึ่งคน เพียงการเฉือนเพียงแค่ครั้งเดียวก็สามารถทำให้หัวหลุดออกจากบ่าได้
มันไม่เคยมีการเฉือนเป็นครั้งสองของหัวเดิม
หลังจากเสร็จสิ้นการบั่นหัวจำนวนหนึ่งพันหัว นักโทษในก่อนหน้านี้ได้ถูกเปลี่ยนไปในที่สุด
ในขั้นต้นนักโทษประกอบด้วยชายที่แข็งแรงบางคน แต่คราวนี้มีนักโทษหญิงรวมอยู่ด้วย หญิงบางคนมีเสน่ห์มาก
บางคนอ่อนแอ บางคนสง่างามและนุ่มนวล บางคนมีลักษณะที่เยือกเย็น ทุกคนมีลักษณะที่แตกต่างกัน
ผู้หญิงสิบคน บางคนตะโกนออกมาว่าถูกใส่ความ บางคนร้องไห้โดยไม่หยุด บางคนเต็มไปด้วยความรู้สึกอ่อนหวานและบางคนก็จ้องมองเขา
แต่หยางเฉินไม่ลังเลแม้แต่น้อย เช่นเดิม เขาบั่นหัวพวกเขาและฆ่าผู้หญิงเหล่านี้
ต่อจากนั้น เป็นผู้หญิงจำนวนหนึ่งร้อยคน พันคน ผู้หญิงที่อ้อนวอน ล่อลวง
ตะโกนด่า หรือแม้แต่น่าเกรงขาม ผู้หญิงต่างๆได้ปรากฏตัวที่นี่และร่างของพวกเธอก็ยิ่งสวยงาม
และสง่างามยิ่งขึ้น ใบหน้าของพวกเธอก็ยิ่งดูสวยอ่อนหวานมากขึ้น ถ้าตราบเท่าที่หยางเฉินยินดีพวกเธอก็พร้อมที่จะอุ่นเตียงให้เขา
ถ้าเพียงแค่หยางเฉินจะไม่ได้โบกดาบที่อยู่ในมือ
ไม่ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับผู้หญิงแบบใดก็ตามหยางเฉินก็ยังคงเฉือนดาบของเขาโดยไม่มีความรู้สึกใดๆ
หลังจากที่หญิงนักโทษถูกประหารไปจนหมด ในตอนนี้เหล่านักโทษกลายเป็นชายชราที่มีผมสีเทา
สิบคน ร้อยคน พันคน
หยางเฉินใช้เวลานานมากในดินแดนมหัศจรรย์ เขาตัดหัวจำนวนมาก แต่ในความเป็นจริงทุกคนเห็นเฉพาะหยางเฉิน
ปีนขึ้นบันไดไปทีละขั้น ในตอนนี้เขาอยู่ขั้นที่เก้า
"เขามีหัวใจเป็นหินใช่หรือไม่?"
ผู้ดูแลหอฑูตต่างแดนของนิกายเทียนเชวียนรู้สึกมืดมนอยู่ภายในใจของเขา
ใครที่อาจตัดหัวคนได้หลายพันคนโดยไม่มีความลังเล ปราศจากความรู้สึก เขายังไม่ยอมแพ้แต่กลับกระตุ้นจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาขึ้นมา
"ข้าไม่เชื่อ
ว่าเจ้าจะสามารถตัวหัวใครๆก็ได้ด้วยมือของเจ้าเอง!"
ที่ด้านหน้าของหยางเฉินปรากฏเด็กเล็กๆจำนวนสิบคน ทั้งหญิงและชาย อย่างไรก็ตามหยางเฉินไม่ได้สนใจพวกเขาแต่อย่างใด
เขายังคงทำต่อไปราวกับเป็นเครื่องตัดที่ไร้ชีวิต เขาโบกดาบของเขากับ เด็กเล็กๆจำนวนหนึ่งร้อยคน
หนึ่งพันคน พวกเขาทั้งหมดถูกตัดหัวโดยหยางเฉิน
‘อุแว้!
อุแว้! อุแว้!
เสียงนี้เกิดขึ้นจากเด็กทารกสิบคนที่กำลังร้องไห้อย่างน่าสังเวช พวกเขาถูกห่อตัวอยู่ในผ้า
ในตอนนี้พวกเขาได้ปรากฏตัวขึ้นที่บริเวณลานประหาร
"เส้นทางค้นหาใจนี้
เมื่อข้าได้ตัดสินใจที่จะเดินบนเส้นทางของเพชฌฆาต ข้าก็จะไม่สนใจเกี่ยวกับตัวตนของนักโทษ!"
หยางเฉินตอบตัวเองอย่างเฉียบขาด และดาบที่น่ากลัวที่อยู่ในมือของเขาปรากฏขึ้นอย่างไม่ลังเลที่จะบั่นหัวทารกทั้งสิบคนที่ยังคงอยู่ภายในผ้าที่ห่อตัวของเขา
ไม่นานหลังจากนั้นก็ปรากฏอีกหนึ่งร้อยทารก หนึ่งพันทารก
หลังจากที่เด็กทารกได้ปรากฏออกมา ก็ปรากฏมีสัตว์ดุร้าย ภูตปีศาจ วิญญาณชั่วร้าย
และสัตว์ประหลาดอื่นๆ หยางเฉินหันหน้าไปทางพวกมันโดยไม่มีอาการลังเลใดๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งล่อแหลมภัยคุกคามจากปีศาจและสัตว์ประหลาด
คำวิงวอนที่น่าสงสาร เพื่อสร้างความสับสนให้กับเขา หรือแม้กระทั่งการโจมตีด้วยอาคมที่ใช้โดยภูตปีศาจ
ก็ไม่มีผลใดๆกับเขา ราวกับว่าหยางเฉินมีดวงตาที่บอด ในขณะที่ตอบสนองต่อพวกเขา เพียงแค่ตัดหัวพวกเขาทีละคนโดยใช้ดาบของเขา
หลังจากเสร็จสิ้นการตัดหัวสัตว์อสูรและภูตปีศาจเหล่านั้นด้านหน้าของ หยางเฉิน
ได้ปรากฏคนที่เขารู้จัก
ซุนไห่จิ้ง บั่นหัว!
ชูเฮิง บั่นหัว!
ฮันเจียนเต๋อ บั่นหัว!
สี่คนรับใช้ของเขาคือเซิ่นต้า หูหลิน กูฉิน หยวนติง ยืนรอด้วยความเคารพต่อหน้าหยางเฉิน
พวกเขาก็ยังคงได้รับการต้อนรับด้วยการตัดหัว หลังจากสี่คนรับใช้เหล่านี้ถูกบั่นหัวไปแล้ว
ได้ปรากฏ ซ่างกวนเฟง และ หวังหยวนขึ้นอย่างต่อเนื่องและ หยางเฉินก็ได้ตัดศีรษะพวกเขาโดยไม่ลังเลใจ
ซีเชิงซิน บั่นหัว!
ซุนชิงเสีย บั่นหัว!
ซือสานส่าน บั่นหัว!
ตูเชี่ยน บั่นหัว!
จูเฉินเตา บั่นหัว!
กงซุนหลิง บั่นหัว!
บิดา มารดา บั่นหัว!
อาจารย์ บั่นหัว!
คนที่มาปรากฏตัวมีความสำคัญมากขึ้นในหัวใจของหยางเฉิน แต่หยางเฉินก็ไม่สนใจว่าใครจะปรากฏตัวต่อหน้าเขา
ราวกับว่าเจตนาเดียวของเขาคือการทำให้ตัวเองสงบนิ่งในดินแดนมหัศจรรย์นี้ แทบจะไม่ลังเลก่อนที่จะตัดหัวบุคคลเหล่านี้
ทีละหนึ่ง มันไม่ได้เพิ่มคลื่นที่ยิ่งใหญ่ใดๆภายในใจของเขา
พวกเขาทั้งหมดอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์นี้ ดังนั้นจึงไม่ได้ทำให้เกิดภาระทางจิตใดๆ
กับหยางเฉิน
"ศิษย์
เจ้ามาถึงที่ขั้นสุดท้ายของบันไดสวรรค์!"
หยางเฉินหยุดโบกดาบเช่นเดียวกับเครื่องตัดที่ไร้ชิวิต และสถานการณ์ทั้งหมดได้เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน
เขาได้รับการส่งตัวมาที่เชิงเขา ด้านข้างกงซุนหลิงที่ก่อนหน้านี้ดูเหนื่อยล้า
แต่เธอในตอนนี้ดูจะฟื้นฟูพลังกลับมาได้หมดแล้ว เธอยิ้มออกมาอย่างเบิกบานใจในขณะที่มองไปที่หยางเฉิน
ด้วยสีหน้าที่ดูโอ้อวดและเย่อหยิ่ง
จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงดังของผู้คนที่กำลังพูดคุยกัน ไม่ว่าจะเป็น เสียงที่ตกตะลึง
คำถามคลุ้มคลั่ง และเสียงตะโกนที่ดังเข้ามาในหูของหยางเฉิน ศิษย์ที่มีระดับรวบรวมลมปราณขั้นสองแต่สามารถก้าวขึ้นบันไดสวรรค์ได้จนสุดปลายทาง
ไม่คาดคิดนี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เสียงของซีเชิงซินดังออกมาจากข้างใน ภายในเสียงของเขาปนเปไปด้วยเสียงหัวเราะ
มันเป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความรื่นรมย์ราวกับว่าจะโอ้อวดทุกคน
"ฮ่าฮ่า...ศิษย์หยางจากพระราชวังหยางบริสุทธิ์สามารถก้าวขึ้นบันไดสวรรค์ได้ทั้งหมด
ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมา และก็คงจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว ใครจะกล้าที่จะไม่ยอมรับเขา?"
ความรู้สึกภาคภูมิใจได้แสดงออกในคำพูดของเขา คำพูดของเขาสามารถสั่นสะเทือนท้องฟ้าได้
หลังจากที่ความสงสัยและตกใจ ผู้ชมทุกคนก็ไม่ได้มอบสายตาที่รังเกียจให้กับหยางเฉินอีกต่อไป
แต่เปลี่ยนสายตาไปเป็นความชื่นชมปนเปด้วยความอิจฉาและไม่ยอมรับทั้งหมดผสมกันไป ยิ่งมีการเล่นแบบนี้มากเท่าใด
หยางเฉินก็มองหาความสอดคล้องกันของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ในขณะที่ดูเหมือนจะโน้มน้าวให้ศัตรูกลายเป็นผู้คนที่อยู่ข้างตัวเขามากขึ้น
"สหายเต๋าหยาง
ในตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับรวบรวมลมปราณขั้นเจ็ดแต่แกล้งทำว่าอยู่ที่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสอง
ดูเหมือนว่าข้าจะคาดการณ์ผิด ข้าต้องขออภัยสหายเต๋าหยางและขอให้สหายเต๋าหยางยกโทษให้ข้าด้วย!”
ผู้ชายคนนั้นที่เคยเอ่ยปากออกมาว่า หยางเฉินได้หลอกลวง ด้วยคำถามในก่อนหน้านี้
ได้ปรากฏตัวขึ้นและยอมรับความพ่ายแพ้ที่ด้านหน้าของหยางเฉิน
"สหายเต๋าหยางมีความมุ่งมั่นมาก
ตัวข้าเองขอชื่นชม!"
“ช่างเป็นที่น่าเสียดาย
ที่คำพูดที่น่ารื่นรมย์เหล่านี้ยังเป็นเพียงภาพลวงตาและไม่มีอะไรเพิ่มเติม!”
ดวงตาหยางเฉินจู่ๆเปล่งประกายออกมาอย่างชัดเจนและดาบปรากฏอยู่ภายในมือของเขา
เขาเฉือนบุคคลที่กำลังพูดหลังจากนั้นเขาก็หันหลังกลับและเฉือนคอกงซุนหลิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น