SOT 097 เสร็จสมบูรณ์
ไม่ว่าจะบินสูงแค่ไหนก็จะมีผู้คนต่อว่าเสมอ ยิ่งไปกว่านั้น ฝางจ้าว
ยังเด็กมากและมีผลงานประพันธ์เพียงไม่กี่ชิ้น แม้ว่าการบรรยายระดับโลกของเขาจะยกสถานะของเขาในโลกดนตรีเมื่อเทียบกับบุคคลอื่นที่มีอำนาจและศักดิ์ศรี
แต่เขาก็ยังห่างไกล
ไม่ใช่ว่าฝางจ้าวพูดไม่เก่ง แต่มีกฏที่กำหนดไว้ในลักษณะนี้
แม้ว่าฝางจ้าวจะแต่งบทเพลงที่เหมาะสมและได้รับคำเชิญจากนกเพลิง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
ผลงานและประสบการณ์อย่างหนึ่งถูกพิจารณาด้วยเช่นกัน
ฝางจ้าวมีผลงานไม่เพียงพอและประสบการณ์ของเขาก็ไม่ได้มากมายเหมือนผู้เชี่ยวชาญผู้ยิ่งใหญ่คนอื่น
ๆ ดังนั้นสำหรับทัวร์บรรยายทั่วโลก ซิวจิ้งจะพูดเป็นเวลาสามในสี่ของเวลาที่จัดสรรไว้และ
ฝางจ้าวจะพูดกับส่วนที่เหลือ แม้ว่า ซิวจิ้ง
ต้องการที่จะจัดสรรส่วนที่ใหญ่กว่าให้กับ ฝางจ้าว แต่มันก็เป็นไปไม่ได้
ทุกคนยอมรับว่า ฝางจ้าว มีพรสวรรค์และผลงานที่โดดเด่น
อย่างไรก็ตามเขายังเด็ก ใครจะรู้ว่าเขาจะใช้ความสามารถทั้งหมดของเขาหมดไปอย่างรวดเร็ว?
ความสามารถเป็นสิ่งที่ยากที่จะกำหนด
มันอาจจะมาพร้อมกับคนตลอดชีวิตของเขาหรืออาจลดลงในช่วงเวลาต่อมา
ผู้สูงอายุในแวดวงดนตรีได้เห็นตัวอย่างมากมายเช่นนี้ ดังนั้น
ฝางจ้าวจะปีนขึ้นไปได้ไกลแค่ไหนและเขาจะบรรลุความคาดหวังที่ ซิวจิ้ง มีหรือไม่
พวกเขาหลายคนยังคงจับตามอง
อย่างไรก็ตามพวกเขาเห็นด้วยกับความเต็มใจของฝางจ้าว
ในการแบ่งปันความรู้ของเขากับทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะมีความคิดใด ๆ ที่อยู่ด้านหลัง
ใบหน้าของพวกเขาจะยังคงยกย่องการแบ่งปันที่ไม่เห็นแก่ตัวของ ฝางจ้าว ต่อสาธารณะ
แน่นอนว่ามีคนที่รู้สึกว่าสไตล์ดนตรีของฝางจ้าวยังขาดประสบการณ์
เขาอาจเป็นผู้เชี่ยวชาญในรูปแบบดนตรีที่หนักหน่วงสำหรับกิจกรรมขนาดใหญ่
หรือฉากต่อสู้ในโปรดักชั่นใหญ่
แต่ในสายตาของคนที่มีประสบการณ์ในวงการเพลงมันก็ยังดูไม่เพียงพอ
ไม่ต้องบอกว่าเขาต้องเป็นคนรอบด้าน เขาต้องสัมผัสกับด้านอื่น ๆ
หรือผลิตงานมากขึ้น
ไม่เช่นนั้นกผ็จะม่มีหลักฐานเพียงพอที่เขาสมควรได้รับตำแหน่งของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่
ผู้คนที่เห็นภูมิหลังของฝางจ้าว
รู้สึกว่ารากฐานของเขาไม่มั่นคงพอและเขาก็ต้องขอบคุณ ซิวจิ้ง
เช่นเดียวกับการประชาสัมพันธ์ของสมาคมดนตรี
ตามคำพูดที่ว่าไว้ การมีบทประพันธ์ไม่กี่ชิ้น
มันไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เยี่ยมยอด
ผู้เชี่ยวชาญที่เยี่ยมยอดทุกคนสามารถพิสูจน์คุณค่าของพวกเขาได้ในทั้งเวลาและผลงาน
"ฝางจ้าว? เขายังมีคุณสมบัติไม่พอ!"
นี่คือการประเมินที่ได้รับจากผู้เชี่ยวชาญที่เยี่ยมยอดบางคนเมื่อสัมภาษณ์ในระหว่างการบรรยายทัวร์
ซิวจิ้ง เป็นห่วงว่า ฝางจ้าว
จะได้รับผลกระทบจากการประเมินของผู้คนทั้งภายในและภายนอกวงดนตรี
หลังจากการบรรยายทุกครั้งสื่อจะยกระดับการประเมินของผู้เชี่ยวชาญที่เยี่ยมยอดและต้องการทราบคำตอบของ
ฝางจ้าว
แต่ปฏิกิริยาของ ฝางจ้าว ต่อเรื่องนี้ก็เหมือนเดิมเสมอมา: "โอ้"
"โอ้ ?!"
"นั่นคือทั้งหมด!
ผู้รับผิดชอบในการสัมภาษณ์นั้นทำอะไรไม่ถูก
ทำไมเพื่อนตัวน้อยคนนี้ถึงไม่ทำปฏิกิริยามากกว่านี้!
การประเมินและการตัดสินภายในวงการเพลงนั้นแตกต่างกันทั้งหมด
ฝางจ้าวไม่ต้องใส่ใจเลย เขายุ่งมาก เขาจะหาเวลาในการเรียกดูการประเมินทุก ๆ
ครั้งจากวงการเพลงได้อย่างไร? ฝางจ้าว ไม่สนใจที่จะเห็นสิ่งเหล่านี้เช่นกัน
นอกเหนือจากการบรรยาย ฝางจ้าวก็ยุ่งตลอดเวลา ซิวจิ้งรับรู้ว่า ฝางจ้าวนั้นพูดน้อยและยิ่งมีความเป็นส่วนร่วมในการพบปะน้อยลงไปอีก
แต่ ฝางจ้าว ก็ยังยุ่งมากกว่าตัวเขาเอง
"ตอนนี้คุณกำลังเตรียมที่จะทำอะไรอยู่" ซิวจิ้งถาม
"การจัดการเรื่องของทางด้านมูโจวเป็นเรื่องสำคัญ"
ฝางจ้าว กล่าว
ซิวจิ้ง รู้ว่า ฝางจ้าว ได้ร่วมซื้อฟาร์มกับเพื่อนจากมูโจว
เขาไม่สนใจฟาร์มเป็นพิเศษ ทุก ๆ ปีผู้คนจำนวนมากจะส่งของขวัญการเกษตรมูโจวมาให้เขา
เขาไม่ได้สนใจสินค้าเหล่านี้จริงๆดังนั้นเขาจึงไม่ขออะไรมาก
ฝางจ้าวพูดความจริง - เขายุ่งมากจริงๆ
เขากำลังแก้ไขวิดีโอจากวิดีโอที่ได้มาจากฟาร์มตงชานและชานมู เขาดูพวกมันทั้งสอง
ก่อนที่จะทำการแก้ไขส่วนหนึ่งแล้วลองเล่นเวอร์ชั่นที่แก้ไขพร้อมกับเพลงประกอบ
หลังจากนั้นเขาทำการปรับเปลี่ยน
แผนกโครงการเสมือนจริงของ Silver Wing ได้เข้าร่วมเพื่อช่วย ฝางจ้าว ในการตัดต่อวิดีโอและรวบรวมเพลง
การรวมวิดีโอและเพลงเข้าด้วยกันนั้นจำเป็นต้องมีการปรับแต่งและการแก้ไขมากมายเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้นจนได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
นอกเหนือจากนั้น ฝางจ้าว จะได้รับรายงานทุกวันจาก หวู่อี้
เกี่ยวกับข้อมูลจากด้านข้างและสถานการณ์ที่นั่น
วันนี้หวู่อี้โทรมาหาฝางจ้าว
"สุนัขของคุณ ... " หวู่อี้ต้องการพูดอะไรซักอย่าง
แต่ลังเล
"เกิดอะไรขึ้น?" ฝางจ้าวถาม
“ฉันบอกคุณในก่อนหน้านี้
ความสามารถในการเรียนรู้ในการไล่ต้อนฝูงแกะของเขานั้นแข็งแกร่งมาก” หวู่อี้กล่าว
"ใช่"
"... ฉันเคยคิดว่าสุนัขของคุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฝูงแกะ
และหลังจากนั้นมา
มันก็จะได้เรียนรู้สักหนึ่งหรือสองอย่างจากสุนัขในฟาร์มของฉัน"
"อืมมม" ฝางจ้าวฟังอย่างตั้งใจ
"แต่ฉันรู้ว่าฉันผิด ผิดไปมาก! สุนัขในฟาร์มของฉันถูกทำให้หลงผิดโดยเจ้าขนหยิกของคุณ!"
เมื่อฝางจ้าวยังคงอยู่ในมูโจว เขาจะนำเจ้าขนหยิกออกมาวิ่งทุกคืน
หลังจากฝางจ้าวได้ออกเดินทางไปบรรยายทั่วโลกเจ้าขนหยิกก็จะยังคงรักษานิสัยนั้นไว้และวิ่งออกไปในขณะที่สุนัขตัวอื่นนอน
ฝางจ้าวพูดถึงสิ่งนี้กับหวู่อี้
และบอกเขาว่าไม่ต้องสนใจตราบใดที่มันไม่ได้ออกจากบริเวณฟาร์ม
หลังจากทั้งหมดนี้คือการฝึกซ้อม
ในช่วงเริ่มต้นหวู่อี้ได้ตรวจสอบเจ้าขนหยิกเป็นการส่วนตัว
หลังจากคุ้นเคยกับมันแล้ว เขาจะสั่งให้คนงานของเขาสนใจเล็กน้อยในทุกคืน
จนกระทั่งคืนหนึ่งบิงโกและสุนัขฟาร์มอีกสองสามตัวติดตามเจ้าขนหยิกด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ในตอนแรกมีเพียงสุนัขตัวหนึ่งวิ่งออกมาทุกคืน ในตอนนี้กลายเป็นฝูง ทั้งหมดทุกตัว
ในช่วงสองสามวันแรก หวู่อี้
ไม่พบว่ามันเป็นปัญหาใหญ่และเพิ่งคิดว่าอาจเป็นประโยชน์สำหรับสุนัขของเขาเอง
การวิ่งมากขึ้นจะทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นและอาจเป็นประโยชน์สำหรับรอบชิงชนะเลิศภาคตะวันออกรอบสุดท้าย
หลังจากนั้นพนักงานบอกหวู่อี้ว่าสุนัขได้ไปตามล่าหาหนูจริงแล้ว!
ยิ่งกว่านั้นมันคือบิงโกที่ต้องการเป็นผู้นำ ในฐานะอดีตหัวหน้าฟาร์ม
บิงโกคุ้นเคยกับฟาร์มและคุ้นเคยกับหนูในทุ่งเป็นอย่างดี
สถานการณ์การพัฒนาอย่างรวดเร็วและฝูงสุนัขจะวิ่งออกไปตามล่าหนูทุ่งหญ้าทุกคืน
หวู่อี้รู้สึกเป็นทุกข์ นั่นคืองานของหุ่นยนต์ดักหนู
ทำไมสุนัขเลี้ยงแกะกลุ่มนี้ถึงมาทำหน้าที่แทน!
หวู่อี้ จ้างทีมสัตวแพทย์เป็นพิเศษเพื่อดูแลพวกมันและป้องกันปรสิตแบคทีเรียหรือสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตรายอื่น
ๆ ที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการแข่งขันของพวกมัน
ข่าวที่เขาได้รับจากซู่เฮานั้นก็มีเช่นกัน
“คุณชายจ้าว เราชนะแล้ววันนี้
มันเข้มข้นและไม่มีคำสั่งใดที่ผิด หวังว่าพวกมันจะรักษาสภาพอย่างวันนี้ได้ต่อไป"
...
"เราชนะแล้วไม่มีข้อสงสัย!"
...
"ได้รับรางวัลแล้วรางวัลเล่า!"
...
“วันนี้เราแพ้ ได้แค่อันดับสี่เท่านั้น
เราเหลือเพียงอีกครั้งเดียวเท่านั้นที่จะเพิ่มคะแนนสะสมของเรา
บิงโกกินหนูในทุ่งหญ้าและจบลงด้วยอาการท้องเสียและไม่ได้ลงแข่ง หวู่อี้บอกว่า เงิน
10 ล้านที่เขาวางเดิมพันในนามของฝางจ้าวนั้นหายไป
อย่างไรก็ตามเราได้รับมาไม่น้อยจากไม่กี่รอบก่อนหน้า ยังคงนับว่ามีรายได้
แม้จะแพ้ในครั้งนี้ ตราบใดที่เราชนะได้ในครั้งต่อไปทุกอย่างจะดีขึ้น"
...
"ตราบใดที่เราสามารถแย่งอับดับแรกได้ เราจะขึ้นสู่ 10 อันดับแรก!"
...
"10 อันดับแรกสำเร็จ! เป้าหมายต่อไปอันดับแปด!"
...
“อีกหนึ่งชัยชนะ! การแข่งขันนั้นยาก ทีมอื่น ๆ
ก็ทำคะแนนได้ดีเช่นกัน”
...
"แปดอันดับแรก! แปดอันดับ! เราประสบความสำเร็จแปดอันดับแรก!"
...
"เราได้รับรองตำแหน่งของเราในรอบชิงชนะเลิศ!
รอบชิงชนะเลิศ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!"
ในสองเดือนคะแนนสะสมของฟาร์มตงชานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและชื่อเสียงของฟาร์มก็เพิ่มขึ้นเรื่อย
ๆ ทุกคนรู้ว่าสุนัขนำทางของฟาร์มตงชานเป็นสุนัขขนหยิกตัวเล็ก ๆ
ที่น่าประทับใจเป็นพิเศษ
เมื่อความแข็งแกร่งและชื่อเสียงของพวกเขาเพิ่มขึ้นอัตราต่อรองก็ลดลงเรื่อย ๆ
จนถึงจุดที่ หวู่อี้ ไม่ได้มีเจตนาที่จะเดิมพัน
แต่ทำเช่นนั้นเพื่อสนับสนุนทีมของตัวเอง
ด้วยชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นทำให้หลายคนในภาคตะวันออกรู้ว่าเป็นซู่เฮาที่ซื้อฟาร์มซือช่าน
และเปลี่ยนชื่อเป็นตงชาน และร่วมมือกับฟาร์มชานมูเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน
แน่นอนว่ามีคนพูดเล่น บอกว่า
ซู่เฮาซื้อฟาร์มที่รกร้างและไม่มีทางเลือกนอกจากขอความช่วยเหลือจากฟาร์มแห่งอื่นทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของตระกูลซู่
เมื่อพูดถึงคำเหล่านี้ซู่เฮาก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย
ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือชัยชนะในทุก ๆ รอบ
ชัยชนะทุกครั้งเป็นการส่งเสริมความมั่นใจของเขา
เนื่องจากการวิ่งไปด้วยกัน
พร้อมกับจับกลุ่มกันจับหนูในทุ่งด้วยกันและถูกดุด่าด้วยกัน
ความสนิทสนมระหว่างสุนัขเจ็ดตัวก็ค่อยๆเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
การแสดงที่ชัดเจนที่สุดของเรื่องนี้ก็คือพวกเขาไม่ต้องการให้ซู่เฮาออกคำสั่ง
แม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดในระหว่างการแข่งขัน
แต่เสียงเห่าจากเจ้าขนหยิกจะได้รับการตอบสนองอย่างรวดเร็วจากสุนัขอื่น ๆ ทั้งหมด
มีเพียงแปดทีมที่ทำคะแนนได้มากที่สุดในช่วงรอบคัดเลือกเท่านั้นที่จะสามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในภูมิภาคตะวันออกซึ่งทีมสี่อันดับแรกจะมีคุณสมบัติในการแข่งขันไล่ต้อนแกะ
แม้กระนั้นคราวนี้ทีมที่แปดเก้าและ 10
มีคะแนนเท่ากันและได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศภาคตะวันออกทั้งหมด 10 ทีมที่เข้าร่วม จะมีเพียงสี่อันดับแรกที่จะได้รับเลือกให้แข่งขันกับทีมสี่อันดับแรกของภูมิภาคตะวันตกต่อไป
เมื่อเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศภาคตะวันออกในอันดับที่เจ็ด
ซู่เฮาก็ตื่นเต้นมากจนเขาวิ่งวนรอบสนาม
"คุณชายจ้าว
คุณสามารถกลับมาทันรอบชิงชนะเลิศภาคตะวันออกได้หรือไม่?" ซู่เฮาถามฝางจ้าว ระหว่างการโทรทางไกลสายหนึ่ง
"ฉันสามารถ"
"เฮ้ คุณชายจ้าวที่จริง มีสิ่งที่ฉนอยากถามก็คือ ...
คุณพูดว่าเมื่อถึงเวลา
และถ้าเราผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศตะวันออกคุณจะแต่งเพลงแบ็คกราวนด์เพื่อใช้สำหรับภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์เหรอ?
ฮี่ฮี่ฉันถ่ายภาพยนตร์ได้ดีในช่วงสองวันที่ผ่านมา
คุณชายจ้าวเพลงของคุณพร้อมหรือยัง?” ซู่เฮารู้ว่า ฝางจ้าว
ได้ทำการบันทึกที่ ชิงเฉิง ก่อนหน้านี้ แต่ก่อนที่ ฝางจ้าว
จะเสร็จสมบูรณ์เขาจะต้องออกเดินทางไปบรรยายทั่วโลกตอนนี้เขายังไม่รู้ว่ามันเสร็จสมบูรณ์
"ส่งคลิปวิดีโอของคุณมาให้ฉันดูหน่อยสิ"
ฝางจ้าวกล่าว
ซู่เฮาส่งภาพที่ดีที่สุดที่เขาทำไปเมื่อสองวันที่ผ่านมาถึงฝางจ้าว
เมื่อดูวิดีโอ ฝางจ้าวรู้สึกได้ถึงท่าทางที่หนักแน่น
สไตล์การโจมตีที่สัมผัสได้ ซู่เฮาผู้ซึ่งคิดว่าตัวเองค่อนข้างมีชีวิตชีวาในภาพ
เขากำลีงทำ ปาร์กัว (เป็นการฝึกที่จะเอาชนะอุปสรรคในเส้นทางหนึ่งๆ
ด้วยท่าทางต่างๆตามธรรมชาติ)
แต่คนที่กำลังดูอยู่จะรู้สึกว่า
"เด็กคนนี้มีลักษณะคล้ายกับแกะตัวผู้"
“เราควรใช้ของฉันดีกว่า” ฝางจ้าวบอกเขา
"เอ๊ะ คุณสร้างขึ้นมาด้วยเหรอ?
"ในเวลาที่คุณไม่รู้ตัว"
เมื่อได้รับคำตอบจาก ฝางจ้าว ซู่เฮาก็มีลางสังหรณ์ ลางร้าย
"... ฉันขอดูก่อนได้ไหม" เขาหล่อและเท่ห์ใช่ไหม
มันจะสามารถทำให้ฝูงชนกรีดร้องได้หรือไม่? นั่นคือสิ่งที่ซู่เฮาต้องการรู้มากที่สุด
"แน่นอน แต่อย่าส่งออกต่อไปที่ไหน"
ฝางจ้าวเข้ารหัสวิดีโอที่เสร็จสมบูรณ์แล้วส่งไปที่ซู่เฮาผ่านช่องทางที่ปลอดภัย
เขาไม่ได้รอคำตอบของซู่เฮา เนื่องจาก ซิวจิ้ง เรียกเขา ฝางจ้าว
ปิดอุปกรณ์สื่อสารของเขาและเข้าสู่ห้องประชุม
วันนี้เป็นเซสชั่นสุดท้ายของทัวร์บรรยายทั่วโลก หลังจากเสร็จสิ้นแล้วยังคงมีการแลกเปลี่ยนกับ
"ผู้อาวุโสเฒ่า" เขาจะสามารถออกเดินทางได้ในวันรุ่งขึ้น
แต่เขาก็ยังสามารถไปได้ทันในรอบชิงชนะเลิศภาคตะวันออกของมูโจว
SOT 098 ภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ "ไล่ล่าสายลม"
ฝางจ้าวรีบกลับมาที่มูโจว และตรงไปที่ฟาร์มชานมู หนึ่งวันก่อนการแข่งขัน
หวู่อี้และซู่เฮากำลังรอคอยเขาอยู่ พวกเขาทั้งสองไม่สามารถระงับการยิ้มออกมาได้
"ฝางจ้าว สุนัขตัวนั้นทำมาจากอะไรคุณรู้ไหม
เมื่อบิงโกกินหนูทุ่งหญ้าและวิ่งไปทั่ว
ฉันก็กลัวว่ามันจะต้องไปโรงพยาบาลแล้ว" หวู่อี้
ไม่ได้คาดหวังว่าการตัดสินใจครั้งเดียวของเขาจะได้รับผลตอบแทนดังกล่าวและเขาได้ตั้งความหวังของฟาร์มไว้ในการแข่งขันครั้งนี้
ย้อนกลับไปเมื่อเขาพบว่าบิงโกท้องเสีย
อารมณ์และจิตวิญญาณของเขาเกือบจะออกจากร่างกายของเขา
ตลอดทั้งคืนเขาจ้างสัตวแพทย์ที่มีชื่อเสียงจากภาคตะวันออกมาดูแล
โชคดีที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนและส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการแข่งขันของวันถัดไป
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้เป็นเรื่องรอง ตราบใดที่มันสามารถฟื้นได้ทันก่อนการแข่งขันที่จะตามมา
มันก็จะไม่มีปัญหา
หลังจากนั้นหวู่อี้ก็ได้รับสัตวแพทย์มาตรวจสุนัขทุกตัว
อาจเป็นเพราะพวกมันกินแต่อาหารสุนัขเท่านั้นในอดีตที่ผ่านมาคราวนี้เมื่อพวกมันกินอย่างไม่แยกแยะ
มันมีปฏิกิริยาบางอย่างเกิดขึ้น นอกจากบิงโกแล้วสุนัขตัวอื่นมีอาการป่วยบางอย่าง
แต่อาการไม่ชัดเจนนัก
เฉพาะเจ้าขนหยิกที่กินหนูและแทะเล็มกินหญ้าป่าเท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบ
สัตวแพทย์ได้ตรวจสอบสองสามครั้งและทำการประเมินสุขภาพของพวกมันก็คือ:
"พวกมันมีสุขภาพที่สมบูรณ์แบบ! ไม่มีอาการป่วยแต่อย่างใด!"
อย่างไรก็ตาม ฝางจ้าว ไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้ เมื่อก่อนบนถนนสายดำ
เจ้าของร้านขายยาอี้หวันได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาและทำการทดสอบทางพันธุกรรม
แต่มันก็ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำใด ๆ ดังนั้น ฝางจ้าว ก็ไม่ทราบเช่นกัน
หวู่อี้ถามเพียงแค่ความอยากรู้และไม่ได้คาดหวังคำตอบจริงๆ ในขณะที่เขาดำเนินการต่อ
หวู่อี้
หัวเราะอย่างมีความสุขอีกครั้งและบอกฝางจ้าวเกี่ยวกับลูกพี่ลูกน้องของเขาที่พาสุนัขของเธอไปที่ฟาร์มเมื่อสองวันก่อน
ลูกพี่ลูกน้องของ หวู่อี้
เป็นเจ้าของฟาร์มแครอทที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงต้นฤดูกาล
น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถทำให้มันเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้
ในขณะที่เพื่อนตัวน้อยที่ร่วมมือกับหวู่อี้กลับได้รับสิทธินั้น
ดังนั้นลูกพี่ลูกน้องของหวู่อี้ได้พาสุนัขของเธอไปที่ฟาร์มเพื่อแลกเปลี่ยนและแบ่งปันความคิดของพวกเขา
ไม่มีใครคาดคิดว่าสุนัขทั้งสองทีมจะมีการต่อสู้ แม้แต่สุนัขเฝ้ายามในฟาร์ม
เจ้าอ้วนดำ ก็เข้าร่วมกับพวกมัน จนเกิดเสียงอึกทึกครึกโครม และถูกกัดสองสามแห่ง
มันเป็นเจ้าขนหยิกที่ช่วยแก้แค้นโดยการกัดหลังและเอาขนของอีกฝ่ายออกมาได้สองสามกำ
เนื่องจากเหตุการณ์นี้ หวู่อี้ และลูกพี่ลูกน้องของเขาเกือบจะทะเลาะกัน
เมื่อนึกถึงสถานการณ์แล้วปากของหวู่อี้ ก็โค้งงอเล็กน้อย
การชนะการต่อสู้เป็นสิ่งที่ดี!
และจากเหตุการณ์นี้ลูกพี่ลูกน้องของหวู่อี้ก็เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าสุนัขขนหยิกตัวเล็กที่เป็นผู้นำทีมต้อนแกะนี้ไม่ได้ไร้เหตุผล
จิตวิญญาณการต่อสู้ที่มันมีนั้นแข็งแกร่งเกินไป!
แม้กระนั้นก่อนหน้านี้ ซู่เฮาก็เงียบกว่าเดิม เมื่อฝางจ้าวและ
หวู่อี้กำลังพูดคุยกัน ซู่เฮาไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว
“ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนตัวน้อย เมื่อสองวันก่อน
เขาขังตัวเองในห้องของเขา ในวันต่อมาเมื่อเขาออกมาจากห้อง เขาก็เงียบสนิท
เป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจะทะเลาะกับครอบครัวของเขา?" หวู่อี้งงงวย
เขาถามซู่เฮาสองสามครั้ง แต่ทุกครั้งที่เขาถาม เขาตระหนักว่าซู่เฮาดูเหมือนอายที่จะตอบเขา
การฝึกซ้อมยังคงถูกต้องใช้ได้ หวู่อี้ไม่ได้ติดตามเรื่องนี้
เด็กหนุ่มอาจเป็นเช่นนี้ -
ขณะที่พวกเขาโตเต็มที่มันเป็นเรื่องปกติที่อารมณ์ของพวกเขาจะไม่มั่นคง
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นทุกคนเดินทางโดยเครื่องบินและมุ่งหน้าสู่พื้นที่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของภาคตะวันออก
เมื่อเทียบกับรอบก่อนหน้าของการแข่งขัน
การแข่งขันรอบสุดท้ายนั้นใหญ่กว่ามาก
ดาราหลายคนจะไปที่นั่นเพื่อชมและเจ้าของฟาร์มเก่าที่มีความรุ่งโรจน์ในอดีตจะมาที่นี่เพื่อมาให้ความเห็น
ไม่เพียงเท่านั้นการถ่ายทอดสดจะเป็นการระเบิดจำนวนของผู้ดูอย่างมหาศาล
ในช่วงการแข่งขันปกติโดยทั่วไปผู้คนจากภูมิภาคตะวันออกจะดูการแข่งขันทางทิศตะวันออกและผู้ที่มาจากภูมิภาคตะวันตกจะให้ความสนใจกับการแข่งขันตะวันตก
แต่เมื่อมันมาถึงรอบชิงชนะเลิศระดับภูมิภาค มูโจว ทั้งหมดจะปรับตัวเข้าด้วยกัน
ผู้คนจากภาคตะวันตกก็ต้องการที่จะรู้ว่าทีมสี่ทีมใดที่จะพ่ายแพ้ให้กับทีมซุปเปอร์สตาร์ของตนเอง
ซู่เฮาได้รับข้อความจากเพื่อนร่วมชั้นของเขาที่ชิงเฉิง
ชิงเฉิงตั้งอยู่ในพื้นที่ที่อยู่ตรงกลางของภูมิภาคตะวันออกและตะวันตก
ในอดีตถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของภาคตะวันออก จากนั้นพิจารณาว่าเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคตะวันตก
ดังนั้นก่อนหน้านี้ผู้คนจากชิงเฉิงที่เฝ้าสังเกตการแข่งขันในภูมิภาคตะวันออกจึงน้อยลง
คนส่วนใหญ่ที่นั่นรู้เพียงว่าซู่เฮาซื้อฟาร์มและบุกเข้าไปในรอบชิงชนะเลิศผ่านรายงานของสื่อเท่านั้น
"มาเลยพี่ชายเฮา! พวกเราทุกคนจะเฝ้าดู!"
"น้องซู่ ฉันจะพนันให้ทีมของคุณชนะ!
คุณต้องใช้ความพยายามเป็นพิเศษ!"
"น้องซู่
เมื่อวานนี้ฉันแอบได้ยินครูประจำโรงเรียนของเราพูดว่า
ถ้าคุณบุกเข้าไปในรอบชิงชนะเลิศระดับทวีป
เธอจะไม่รบกวนคุณเกี่ยวกับการขาดเรียนในชั้นเรียน ตราบใดที่คุณไม่สอบตก"
การแข่งขันไล่ต้อนแกะนั้นมีขนาดใหญ่มากในมูโจว
ซึ่งในช่วงระยะเวลาการแข่งขันที่สำคัญผู้ทำงานและนักศึกษาจำนวนมากสามารถชมการถ่ายทอดสด
และบริษัทส่วนใหญ่และผู้อำนวยการโรงเรียนจะอนุมัติ
สถานการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นในทวีปอื่น
เมื่อเห็นสิ่งทั้งหมดนี้ ความสงบและความคิดที่สะสมซึ่งซู่เฮาได้ฝึกฝนมาอย่างยากลำบากในระหว่างการแข่งขันรอบปกตินั้นไม่ได้ช่วยเขามากนัก
และเขาก็เริ่มวิตกกังวล
คนที่เฝ้าดูการแข่งขันไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมชั้นและครูของเขา
แต่เป็นสมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัวซู่ด้วย
สมาชิกของครอบครัวซู่อาจไม่ได้สนใจกับการแข่งขันรอบปกติ แต่สำหรับวันสำคัญในการแข่งขันครั้งนี้
พวกเขาจะอยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน
เขารู้สึกตื่นเต้นและหวาดหวั่นบ้างและคิดเกี่ยวกับวิดีโอประชาสัมพันธ์ที่ฝางจ้าวสร้างขึ้นเพื่อเขา
มันทำให้เขารู้สึกซับซ้อนยิ่งขึ้น เขาส่งวิดีโอไปให้ผู้จัดงานเมื่อวานนี้
เขาดูวิดีโอนั้นหลายครั้งและทุกครั้งที่เขาเห็นมันเขาก็รู้สึกต่างออกไป
อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับความรู้สึกที่ซับซ้อนของซู่เฮาและความกังวลใจและความคาดหวังของหวู่อี้แล้ว
สุนัขเลี้ยงแกะยังคงเป็นองค์ประกอบเดิม สำหรับพวกมันรอบชิงชนะเลิศภาคตะวันออกไม่แตกต่างจากรอบอื่น
ๆ ของการแข่งขันมากนัก
พื้นที่การแข่งขันมีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อยภูมิประเทศเป็นคลื่นมากขึ้นและการไล่ต้อนในทิศทางเดียวกันก็ยากขึ้นอีกเล็กน้อย
ความกังวลใจคืออะไร? พวกมันไม่ทราบอีกต่อไป - ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม
หากพวกมันติดตามเจ้าขนหยิกมันก็คงจะทำได้ดี
เจ้าขนหยิกกำลังนอนอยู่ข้างเท้าของฝางจ้าวเลียอุ้งเท้าหน้าของมัน
บางครั้งเมื่อมีคนพูดถึงมัน มันจะเงยหน้าขึ้นและมองดูก่อนที่จะนอนต่อ
ซู่เฮาก็ได้รับข้อความอีกสองสามข้อความ มันมาจากญาติผู้หญิงคนหนึ่งของเขา
สิ่งที่เธอบอกมาผ่านข้อความ
หมายถึงคือสมาชิกหลายคนในครอบครัวซู่กำลังดูการถ่ายทอดสด
เธอได้เดิมพันไปแล้วกับฟาร์มตงชานเพื่อชนะ - เท่าไหร่? เธอปฏิเสธที่จะพูด
ลูกพี่ลูกน้อง ผู้เป็นพี่ชายได้ส่งข้อความมา "สู้ ๆ!
เจ้าอ้วนซู่น้อย!"
ซู่เฮาอยากร้องไห้ เขายังเด็กและไม่สามารถรับความกดดันได้มากขนาดนั้น
เขาคิดอยู่พักหนึ่งจนหาข้ออ้างที่จะออกไปในห้องน้ำคนเดียวและดูวิดีโอที่ฝางจ้าวมอบให้เขาอีกสองครั้ง
ดีกว่ามาก
หวู่อี้ตระหนักว่าวันนี้ดูเหมือนซู่เฮาจะเครียดเกินไป
และในตอนแรกก็อยากจะพบเขาเพื่อพูดให้กำลังใจ แม้ว่าเขาจะรู้สึกประหม่าเช่นกัน
แต่ในฐานะผู้อาวุโส เขาก็ต้องทำใจให้สงบต่อหน้าคนที่อายุน้อยกว่า
เขาไม่ได้คาดหวังว่าเมื่อซู่เฮาออกมา
เขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้และเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง สิ่งนี้ทำให้
หวู่อี้ กลืนคำที่เขาเตรียมไว้
ที่ห้องรับชมของทีม ทุก ๆ ห้องรวมถึงห้องโถงสำหรับผู้ชมในสนามแข่งขันแต่ละแห่ง
มีการฉายภาพโฮโลแกรมและระบบเสียงภายในของตัวเอง
คน มูโจว เป็นคนร่ำรวย แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์
พวกเขายังคงใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงมาก
นี่เป็นเพราะเมื่อพวกเขาไม่สามารถแน่ใจได้ว่าอุปกรณ์จะเสียหายเมื่อใด พวกเขาจึงมุ่งเน้นที่ซื้ออุปกรณ์ที่มีราคาแพงกว่า
ก่อนการแข่งขัน
จะมีส่วนที่ทุกทีมจะต้องทำการแนะนำตัวและเผยแพร่ประวัติความเป็นมาของตัวเอง
นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับโฆษณาโดยที่ไม่มีค่าใช้จ่าย
ผู้คนเกือบทั้งหมดของมูโจวต่างพากันรับชม
ซู่เฮาจับได้หมายเลขลำดับที่แปด
สำหรับลำดับการเข้าการแข่งขันซึ่งจะอยู่ด้านหลังสุด
ภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ก็จะแสดงตามลำดับของการเข้าแข่งขัน
การแนะนำสั้น ๆ ของเจ็ดทีมก่อนหน้านี้เหมือนกันไม่มากก็น้อย
พวกเขาเป็นฟาร์มที่มีชื่อเสียงและกำลังโปรโมตแบรนด์ของพวกเขา ดังนั้นในภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ของพวกเขา
คนที่ครอบครองเวลาฉายมากที่สุดคือเจ้าของฟาร์มตามด้วยสุนัขดาวเด่นของแต่ละทีมและจากนั้นก็จะเป็นผลิตภัณฑ์ของฟาร์มนั้น
"เกือบจะถึงแล้ว!" หวู่อี้รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
เขายังไม่ได้ดูวิดีโอ ซู่เฮาก็อายเกินกว่าจะแสดงให้เขาเห็น อย่างไรก็ตามซู่เฮาเล่าให้เขาฟังว่า
นอกจากวิดีโอที่เข้าร่วมแล้ว วิดีโอจะแสดงชื่อของฟาร์มชานมูและหวู่อี้ก็จะปรากฏตัว
นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา
“ต่อไปคือทีมที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาอย่างฉับพลันในการแข่งขันจากภูมิภาคตะวันออกในปีนี้
ฉันแน่ใจว่าทุกคนคงคุ้นเคยกับพวกเขาแล้ว นอกจากนี้เจ้าของฟาร์มนี้ยังเด็กมาก
การไต่อันดับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายคนประหลาดใจ
แต่ตอนนี้พวกเขามีคุณสมบัติในการเป็นตัวแทนของภาคตะวันออก
เพื่อเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาเอง!"
เสียงของพิธีกรที่กำลังวิจารณ์สะท้อนไปทั่วบริเวณ
และตามมาด้วยการออกอากาศวิดีโอที่ส่งมาโดยฟาร์มตงชาน
ผู้ที่เฝ้าดูการแข่งขันรู้สึกตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มาจากภูมิภาคตะวันตกของมูโจว
พวกเขาไม่ได้รู้จักลักษณะเงื่อนไขทางตะวันออกมากนัก
แต่พวกเขาอยากรู้เกี่ยวกับซู่เฮา! ภาพยนตร์ที่แนะนำตัวของ
เจ้าอ้วนน้อยซู่จะออกมาในรูปแบบใดได้บ้าง
เขาจะประกาศสงครามกับพี่น้องร่วมบิดาของเขาหรือไม่? ว้าวแม้แต่ความคิดนี้ก็ทำให้คนเหล่านี้ตื่นเต้น!
...
ในช่วงเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้ เสียงของซู่เฮาดังออกมา
"ฉันต้องการมีส่วนร่วมในการแข่งขันไล่ต้อนแกะ!
ฉันต้องการมีส่วนร่วมในรอบชิงชนะเลิศ!"
นี่คือสิ่งที่ซู่เฮาได้พูดออกมาแล้วหลายครั้ง
เด็กหนุ่มที่มีหน้าตาเหมือนเด็กน้อยได้ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
มันดำเนินไปพร้อมกับคำที่ไร้เดียงสาที่ดื้อรั้น
ดวงตาของเขาเต็มไปด่วยความเชื่อที่บ้าคลั่ง ราวกับว่าเขาได้จับอนาคตของวันพรุ่งนี้ฃว้บนฝ่ามือของเขา
แม้ว่าผู้คนจะจำชื่อหรือพื้นหลังของซู่เฮาไม่ได้ แต่เพียงแค่มองไปที่ภาพ
คนส่วนใหญ่ก็จะเห็นว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มร่างอ้วนที่ดูสำอางมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย
และหากพูดอย่างตรงไปตรงมา การที่เขาบอกว่า "อยากมีส่วนร่วมในรอบชิงชนะเลิศ"
มันเป็นความจริงที่ว่าสิ่งนี้เป็น "ความคิดที่เกินจริง
เกินความสามารถของเขาเอง" และเป็นการแสดงของ "คนโง่เขลา
ที่ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว"
เพลงพื้นหลังดังออกมา
และนำมาพร้อมกับอารมณ์ความรู้สึกหนักหน่วงอย่างไม่น่าเชื่อ มันไม่รุนแรง
แต่ช้าและเสียงโน้ตเบา ๆ ดูเหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง
ปรากฏคำบรรยายขึ้นบนจอแสดงผล:
[ฉันยืมเงินเพื่อซื้อฟาร์ม แต่มันไม่ใช่อย่างที่ฉันคาดไว้]
ซู่เฮาปรากฏตัวเพียงเดือนเดียวก่อนที่จะเริ่มฤดูแข่งไล่ต้อนแกะ
เขาเริ่มต้นจากการซื้อฟาร์มเพื่อเข้าร่วมและให้ได้คุณสมบัติของผู้เข้าแข่งขัน
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นทุกปีและมันก็ไม่ได้เป็นภาพที่หายาก
ก่อนที่ฟาร์มตงชานจะมีชื่อเสียงขึ้นมา
ข้อมูลที่ทุกคนสามารถได้รับจากทางออนไลน์นั้นเป็นเพียงภาพไม่กี่ภาพอย่างที่ฟาร์มซือช่านเคยเป็น
คนส่วนน้อยได้รับการบอกกล่าวก็เพียงข้อมูลที่จำกัดผ่านการบอกต่อกันมา
เมื่อฟาร์มตงชานเป็นที่รู้จักมากขึ้นและผู้คนจำนวนมากต้องการที่จะค้นข้อมูลของฟาร์ม
มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว
ฟาร์มซือช่านเป็นอย่างไร เมื่อซู่เฮาซื้อมันมา?
หลังจากคำบรรยายได้ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ มันเริ่มจางลง ภาพก็จะเปลี่ยนไป
คุณชายหนุ่มผู้มั่งคั่งที่สวมเสื้อผ้าหรูหราได้นำบอดี้การ์ดของเขาและขี่พาหนะขนส่งทางอากาศ
เดินทางไกลไปทางตะวันตกของภูมิภาคตะวันออกของมูโจว
ไปยังฟาร์มที่ห่างไกลและกว้างใหญ่
เสียงขลุ่ยที่ดังออกมา เป็นเช่นท่วงทำนองพื้นบ้านที่ชาวมูโจวคุ้นเคย มันเป็นขลุ่ยที่ผลิตมาจากเตาเผา
ทำมาจากดินเหนียว ด้วยกรรมวิธีโบราณ ขลุ่ยชนิดนี้ไม่ค่อยถูกใช้ในทวีปอื่น ๆ
ซึ่งส่วนใหญ่นำกลับมาเพื่อเก็บไว้เป็นของที่ระลึก
ในช่วงกลางของเสียงเพลงที่เยือกเย็นและไพเราะโดดเดี่ยว ภาพที่ฉายออกมา
เป็นรั้วไม้ที่ชำรุดทรุดโทรมล้อมรอบผืนดินอันกว้างใหญ่และรกร้าง
ซึ่งมีวัชพืชเกิดขึ้นกระจัดกระจาย ลานที่ดูเหมือนจะถูกทิ้งไว้
โดยไม่รู้ว่ามันถูกทิ้งร้างไว้นานแค่ไหน ผ่านสายลม แสงแดดและสายฝน
ประตูแกว่งไปมาตามสายลม สุนัขจรจัดตัวหนึ่งกำลังนอนหลับอยู่โดยไม่สนใจอะไร
ในเวลาพลบค่ำ ป้ายที่ตั้งสูงและซีดจางระบุชื่อไว้ว่า "ฟาร์มซือช่าน"
ดูไร้สาระและน่าหัวเราะกับภาพภูเขาที่เป็นพื้นหลัง
ในตอนนี้ปรากฏสองภาพบนหน้าจอ
หนึ่งในนั้นคือภาพที่เปิดเผยต่อสาธารณชนทางออนไลน์และอีกภาพหนึ่งเป็นภาพของฟาร์มในครั้งแรกที่ซู่เฮาได้เห็นหลังจากซื้อมัน
ในขณะเดียวกันก็ปรากฏภาพใบรับรองการเป็นเจ้าของที่ซู่เฮาเป็นเจ้าของ
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงจำนวนเงินที่ใช้ไปและชื่อของเจ้าของดั้งเดิมของฟาร์มซือช่าน
อย่างไรก็ตามทุกคนเข้าใจว่าบุคคลนี้ได้หลบหนีไปนานแล้ว
พวกเขาไม่ได้ซ่อนอะไร สิ่งนี้ได้รับการเพิ่มเข้าไปในข้อตกลงของซู่เฮา
เช่นความล้มเหลวที่เหมือนแผลเป็นของเขา อย่างที่ทุกคนอยากรู้อยากเห็น
บางคนอาจจะมองว่าเป็นการลดความสำคัญ
แต่มันก็ทำให้คนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นจากการมองเห็นความจริงที่เกิดขึ้น
"นี่เป็นเหตุการณ์ฉาวที่ คุณชายซู่ถูกโกง?"
"ซู่เฮาคงรู้สึกเป็นกังวลมาก"
"เด็ก ๆ ก็เป็นเช่นนี้ ผลีผลามเกินไป"
คนที่เห็นสิ่งนี้เริ่มพูดคุยกัน
ในช่วงเวลานั้นผู้คนจำนวนมากออนไลน์ดูเหตุการณ์นี้ด้วยทัศนคติ
"มองดูคนโง่"
เสียงลมจากเครื่องเป่าที่ทำจากไม้ดังคลอออกมา
ในขณะที่เปียโนและเครื่องสายค่อยๆจางหายไป
เสียงต่ำของไวโอลินเล่นได้อย่างกลมกลืนซึ่งดูเหมือนกับเสียงถอนหายใจอย่างช้า ๆ
บนหน้าจอดวงตาของซู่เฮาซึ่งเต็มไปด้วยความคาดหวัง กระตือรือร้น
เหมือนปลาที่กระโดดขึ้นมาเหนือน้ำโดยคาดว่าจะกลายเป็นมังกร อย่างไรก็ตาม
ในขณะที่มันกำลังตกลงมา
มันก็ตระหนักว่ามันจะกำลังร่วงลงไปในปัญหาที่เลวร้ายยิ่งกว่า: ดินแดนแห้งแร้ง
เสียงประสานที่ดูกลมกลืนของโน้ตสูงและต่ำ
มันทำให้ความรู้สึกลดลงมาจากที่เคยอยู่บนระดับสูง
ราวกับว่าสายลมเย็นฉ่ำพัดผ่านด้านบนของผู้ชม
จนทำให้ผู้ที่ได้ยินเย็นไปถึงกระดูกสันหลัง
จอแสดงผลจางลงจนกลายไปเป็นสีดำ
มีหน้าต่างรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสส่องแสงวาบเล็กน้อย ภายในหน้าต่าง ปรากฏแสงสว่าง
ฉายให้เห็นรูปคนนั่ง โดยหัวของเขาจมลงไปในหัวเข่าของเขา จากรูปร่างที่อวบอ้วน
ทุกคนสามารถบอกได้ว่าเขาน่าจะเป็นซู่เฮา
ภาพลักษณ์ของซู่เฮานั่งอยู่คนเดียวในห้องเย็นและมืดมนเหมือนสัตว์ตัวเล็กที่ติดกับดักไม่มีประโยชน์และพ่ายแพ้
เสียงขลุ่ยที่อ่อนนุ่มที่ส่งผ่านอากาศแห่งความเศร้าโศกเจือจาง
เมื่อเสียงแตรทรัมเป็ตที่ฉายให้เห็นอารมณ์เศร้าโศกของดนตรีก็ค่อยๆจางลง
กลองตีเป็นจังหวะ โดยแต่ละจังหวะจะดังขึ้นใกล้กับหู
บนจอภาพ ผ่านหน้าต่างสี่เหลี่ยม แสงที่ปรากฏค่อยๆสว่างขึ้น
สภาพแวดล้อมของร่างถูกปกคลุมด้วยเงาของแสงสีทอง
มันเป็นวันใหม่ที่ดวงอาทิตย์กำลังโผล่ขึ้นมา
ไม่ใช่แค่จากหน้าต่างเท่านั้นแสงแดดส่องผ่านรูในผนังและทางเข้าประตู
ความมืดเริ่มสว่างขึ้น ขจัดความเศร้าโศก
ร่างที่นั่งเงียบ ๆ อยู่ที่นั่น เงยหัวขึ้นและเคลื่อนไหวช้าๆ
เขาหันหน้าไปทางหน้าต่างและเหลือบตามองไปตามแสงที่สาดส่องลงมาบนใบหน้าของเขา
เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างแก้วก็มีรอยแตกคล้ายใยแมงมุม
มันทำให้เกิดสีที่แตกต่างออกไปเมื่อแสงผ่านเข้ามา
กระจกแตกร้าวไม่ได้กีดขวางทิวทัศน์ทั้งหมด หลังจากที่ตาของเขาปรับเข้ากับแสง
เขามองผ่านหน้าต่างราวกับว่าเขาเห็นอะไรบางอย่าง
เขาลุกขึ้นยืน เดินไปที่ประตูที่ชำรุดทรุดโทรมและดึงมันออกมา
เมื่อแสงอาทิตย์ส่องทาบไปบนร่างของซู่เฮา ฉากที่ปรากฏนั้นก็ดูอบอุ่นขึ้น
ผมที่ยุ่งเหยิงของเขาถูกลมพัดปลิวไสวไปมา
และต้นหญ้าที่ขึ้นอยู่ข้างเท้าของเขาก็โบกไปมา ราวกับว่าพวกมันกำลังเต้นรำอยู่
โน้ตจากเครื่องดนตรีไม้นำมาซึ่งความสดใสและร่าเริงที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นราวกับว่าทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มที่กำลังเผชิญกับสายลมที่อ่อนโยนและสดชื่นที่กระจายความเย็นชาที่มืดมน
เสียงแหลมต่ำที่ดังมาจากเครื่องดนตรีทองเหลือง โน้ตประสานกลายเป็นเสียงที่หนักแน่นและทรงพลัง
ในขณะนี้บทเพลงมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
การประสานเสียงของโน้ตเครื่องดนตรีทองเหลืองด้วยวิธีการแรับแต่งยิ่งเข้มข้นยิ่งขึ้น
ภายใต้การตีอย่างต่อเนื่องของกลอง ขลุ่ยดำเนินต่อไป โดยเพิ่มความแข็งแรง
โน้ตเสียงเป็นเหมือนการระเบิดของชีวิต เช่นเดียวกับการผ่านของฤดูหนาวดอกไม้จะเบ่งบานอีกครั้งและทุ่งหญ้าจะกลับคืนสู่ความรุ่งโรจน์ในอดีตของพวกมัน
คำบรรยายสองบรรทัดได้ปรากฏบนหน้าจอ:
[ฉันไม่รู้อะไรเลย]
[แต่ ... ฉันจะเรียนรู้]
ก่อนหน้านี้เสียงที่มืดมนและเศร้าโศกก็เบาลงเรื่อย ๆ
ด้วยฐานเสียงโน้ตของเปียโน ที่สว่างสดใสดังเข้ามา
โน้ตทุกตัวดูเหมือนจะถูกฟาดลงในส่วนลึกที่สุดของจิตวิญญาณ
บนหน้าจอฟาร์มตงชาน มีพนักงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซู่เฮา
ติดตามคนเหล่านี้ขณะทำงาน คนงานคนหนึ่งชี้ไปที่พื้นและพูดคุย
หลังจากนั้นเขาหยิกดินเล็กน้อยแล้ววางลงในปากของเขาเพื่อลอง
ซู่เฮาที่เดินตามหลังมาในชุดสูทและใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความรังเกียจ
ชายชราหัวเราะและพูดอย่างต่อเนื่องและซู่เฮานั่งข้างๆเขาฟังอย่างตั้งใจ
เจ้าของฟาร์มเฒ่าสองสามคน ไม่เพียงแค่ดู
แต่จะลองดินเพื่อทำความเข้าใจฟาร์มของพวกเขา
ผู้เฒ่าผู้แก่จำนวนมากที่ชมการถ่ายทอดสดนี้ต่างรับรู้ถึงรอยยิ้มนี้
หวู่อี้ เคยกล่าวไว้ว่าฟางหญ้ามีสี่ฤดูกาลภายในตัวของมันเอง
และเขาต้องการมัน จากรสชาติของฟาง พวกมันสามารถบอกขั้นตอนการเจริญเติบโตของมัน
สามารถเก็งกำไรการเปลี่ยนแปลงสภาพของดินและเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศส่งผลต่อการเก็บเกี่ยวหรือไม่
ด้วยเหตุผลเดียวกัน คนที่ลองชิมดินก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
และในสายตาของเจ้าของฟาร์มเฒ่าหลายคนผู้ที่ทำสิ่งนี้ เป็นเจ้าของฟาร์มที่มีความรับผิดชอบซึ่งปฏิบัติต่อพื้นที่ของพวกเขาอย่างจริงจังโดยสิ้นเชิง
แตกต่างจากความประทับใจของชาวต่างชาติที่ว่าพวกเขาเป็นเพียง
"พ่อค้าขายที่ดิน"
สิ่งที่ตามมาทันทีหลังจากที่ปรากฏบนจอภาพ
ผลก็คือซู่เฮากำลังคุยกับอุปกรณ์สื่อสารของเขาและหลังจากนั้นก็วิ่งไปที่การขนส่งทางอากาศ
เขาไม่มีเวลาเปลี่ยนชุดสูท ขาของเขาเต็มไปด้วยโคลนและเศษหญ้าติดอยู่บนเส้นผมของเขา
หลังจากนั้นการขนส่งทางอากาศก็เริ่มทยานสูงขึ้นแล้วก็บินออกไป
เสียงลมจากใบพัดจากยานขนส่งพัดหญ้าแห้งทั้งหมดบนพื้นที่จอด
เสียงคำรามของเครื่องยนต์กลมกลืนไปกับการเสริมสร้างจังหวะที่สูงขึ้นและทำให้เกิดความรู้สึกในการบินมุ่งขึ้นไปข้างหน้า
ไปสู่ท้องฟ้าที่ว่างเปล่า
[การไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลก ย่อมได้รับการดูถูกเยาะเย้ย
สิ่งเหล่านี้ไม่มีความสำคัญ ตราบใดที่เราก้าวไปข้างหน้า]
ท่วงทำนองที่เป็นมาตั้งแต่ตอนแรกเริ่มคลี่คลาย โน้ตเสียงหลักที่ใช้ยังมาจากขลุ่ย
โทนเสียงหนาขึ้นและชัดเจนขึ้นเมื่อมีการขยายเพิ่มออกไป
เสียงแตรดังขึ้นอย่างต่อเนื่องช่วยยกระดับจิตใจของผู้ฟัง
เพลงตึงเครียดกลายเป็นมีชีวิตชีวาและสดใส
ตอนนี้บนหน้าจอ กำลังแสดงมุมมองด้านบน
สามารถเห็นทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิต
ฝูงแกะกำลังเดินอย่างช้าๆและมีสุนัขเลี้ยงแกะสองสามตัวที่กำลังวิ่งอย่างเต็มกำลัง
ที่ด้านข้างมีป้ายฟาร์มชานมู หวู่อี้สวมหมวกยืนยิ้มอยู่
เขากางแขนทั้งสองออกแล้วกอดเด็กหนุ่ม
"ยินดีต้อนรับ กับการเป็นหุ้นส่วน!"
[ฉันต้องการยืนบนแพลตฟอร์มของผู้ให้คำแนะนำในการแข่งขันไล่ต้อนแกะ]
บนจอ ฉายให้เห็นภาพของซู่เฮาที่ดูเหนื่อยล้า พร้อมกับดวงตาที่ดำคล้ำ
เส้นผมของเขายุ่งเหยิงเมื่อยามต้องกับสายลม
ราวกับว่าเขาไม่ได้ดูแลตัวเองมาเป็นเวลานาน เมื่อจับคู่กับใบหน้าที่ซีดเซียว
มันดูตลกเล็กน้อย แต่ดวงตาทั้งสองนั้นยังคงมีพลังที่เร่าร้อนด้วยความปรารถนาที่แน่วแน่
จากความโง่เขลา การสูญเสียจากการถูกหลอก ไปจนถึงการตัดสินใจอย่างแน่วแน่
ทีละขั้นตอน พวกมันล้วนเป็นแรงกดดัน สถานการณ์นี้ มันจะจบอย่างไร -
สำเร็จหรือล้มเหลว นั่นไม่สำคัญ
เสียงโน้ตจากเครื่องดนตรีทองเหลือง ทำให้บทเพลงนั้นมีชีวิตชีวาสูงขึ้น
และเสียงกลองที่ดังสนั่นก็รุนแรงขึ้น เมื่อมีการตีในแต่ละครั้ง
ราวกับทำตามทางเลือกของหัวใจของเขา
เสียงของหวู่อี้ดังขึ้น
"คุณต้องให้พวกเขารู้จักตัวตนของคุณอย่างรวดเร็ว
และทำให้พวกเขายอมรับคุณ"
หลังจากเหตุการณ์นี้เป็นสถานการณ์ที่ซู่เฮากินและนอนกับสุนัขเลี้ยงแกะ
บนหน้าจอ หลังจากซู่เฮาให้อาหารสุนัข
เขาจะถือชามของตัวเองและนั่งอยู่ข้างๆสุนัขที่หน้าประตู
เขากลืนกินอาหารที่ไม่ได้ดูดีมากนัก
ผู้คนในมูโจวสามารถบอกได้ทันทีว่าไม่ใช่อาหารที่ยอดเยี่ยม มันยิ่งแย่กว่าที่พวกเขากินทุกวัน
ในเวลากลางคืนเขานอนกับสุนัขในคอก
ในตอนเริ่มต้นเมื่อมองไปรอบ ๆ สุนัขทั้งหลาย พวกมันยังเหินห่างจากซู่เฮา
หน้าจอฉายไปที่สุนัข A บิงโก และสุนัขของ ฟาร์มตงชาน และภาพระยะใกล้
เผยให้เห็นความไม่ชอบในสายตาของพวกมัน
อย่างไรก็ตามภาพเปลี่ยนไป
ซู่เฮาได้ร่นระยะช่องว่างระหว่างเขากับสุนัขเลี้ยงแกะเหล่านี้ทุกวัน
จนถึงจุดที่สุนัขบางตัวเริ่มรู้สึกผ่อนคลายที่จะอยู่ข้าง ๆ ซู่เฮา
ไม่มีความเวทนาใด ๆ อีกต่อไปแล้ว
เพลงบรรเลงเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเหมือนดาบที่มีความคมและพร้อมที่จะโจมตี
ท่วงทำนองก็หนักแน่นขึ้นอีกครั้ง และจังหวะและท่วงทำนองเพิ่มขึ้น มันค่อย ๆ
ทวีความรุนแรงราวกับว่ากำลังไหลต่อไปอย่างต่อเนื่อง
น้ำเสียงของความกลมกลืนเปลี่ยนไปเป็นสัญลักษณ์ของเขาที่ทำงานอย่างหนักตลอดเวลา
ซู่เฮาวิ่งผ่านทุ่งหญ้าสีเขียวขจีพร้อมกับสุนัขเลี้ยงแกะ
เหนือเสียงเพลง เสียงของหวู่อี้ดังก้องไปทั่วทุ่งหญ้า "ดีมาก!
ให้คำแนะนำพวกเขาต่อไป ทำต่อไป คุณต้องตามต่อไป! อย่ามัวแต่รออยู่ข้างหลัง!”
ทำไมไม่ใช้รถภาคสนาม?
เพราะสุนัขเลี้ยงแกะจำนวนมากจะยังระมัดระวังจากรถสนามและมันก็ไม่เป็นประโยชน์สำหรับการเข้าใกล้กับสุนัขเลี้ยงแกะ
ผู้ควบคุมการแข่งขันโดยทั่วไปจะทำงานร่วมกับสุนัขในช่วงเริ่มต้นของการฝึกซ้อม
จนกว่าสุนัขจะมีวิจารณญาณที่เพียงพอและสามารถโต้ตอบได้ด้วยตนเอง
ระยะทางนั้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากผู้ควบคุมไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้ ๆ
ให้คำแนะนำ
กับการวิ่ง ล้ม ลุก คลุก คลาน เขาจะปีนกลับและวิ่งต่อไป
บอดี้การ์ดสามคนไม่ได้อยู่ข้างเขา - พวกเขาเฝ้ามองดูจากบริเวณใกล้เคียง
ทุกวันพวกเขาช่วยพ่นยารักษาบาดแผลและอาการบาดเจ็บบนร่างกายของซู่เฮา
ผิวพรรณที่ขาวและรูปร่างอันอวบอ้วนของซู่เฮา
เริ่มกลายเป็นสีแทนพร้อมกับรูปร่างที่เพรียวบางลง
ซู่เฮาเป็นมือใหม่และเขาไม่มีเวลาพอที่จะทำการปรับตัว
ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องใช้เวลามากขึ้นพร้อมกับสุนัขเลี้ยงแกะวิ่งไปด้วยกัน
ต้อนแกะด้วยกัน ตะโกนออกคำสั่งไม่หยุดหย่อน
ตะโกนเรียกชื่อของสุนัขทุกตัวและปล่อยให้พวกมันจำเสียงของเขาได้
เขาไม่มีเวลาที่จะกังวลเกี่ยวกับการตะโกนจนเขาเริ่มแหบแห้ง
เขาจำเป็นต้องจำคำสั่งทั้งหมดของเขา
จอแสดงผลเปลี่ยนเป็นการแข่งขันครั้งแรกของซู่เฮา
เขาประหม่ามากจนเขาซีดเซียว ร่างกายของเขาแข็งและความผิดพลาดอย่างรุนแรงของเขาได้บอกทุกคนว่าเขาเป็นมือใหม่
เมื่อเห็นอย่างนี้ผู้คนจำนวนมากคิดว่า ‘ด้วยทักษะที่ไม่ดี
ไม่ต้องมาแข่งขันให้เป็นที่น่ารำคาญและเสียหน้าเสียยังจะดีกว่า!’
อย่างไรก็ตามหลายคนที่ดูการออกอากาศ โดยเฉพาะผู้ที่มาจากภาคตะวันออกเงียบลง
เพราะพวกเขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ความสำเร็จของฟาร์มตงชานรวมถึงการสะสมคะแนนอย่างต่อเนื่อง
"ซู่เฮาร้องขอ ออกคำสั่ง!"
...
"ซู่เฮาร้องขอ ออกคำสั่ง! '
...
"ซู่เฮาร้องขอ ออกคำสั่ง!"
...
ในสถานที่แข่งขันที่แตกต่างกัน ผู้วิจารณ์ที่ต่างกันต่างพูดในทำนองเดียวกัน
จากหน้าจอ ทุกคนสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของซู่เฮาตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาออกคำสั่ง
จากความลังเลและกระวนกระวายเขาเริ่มมั่นคงและออกคำสั่งที่ถูกต้องได้อย่างต่อเนื่อง
ในเมโลดี้ที่ร่าเริงบางครั้งจะมีคอร์ดที่ยุ่งยาก แม้กระนั้นเหล่านี้มีเพียงชั่วครู่
ราวกับว่าทำนองเพลงได้รับความไว้วางใจจากอารมณ์รุนแรงและไม่เปลี่ยนแปลง
สายลมที่พัดอย่างแรงพัดไปข้างหน้าขณะที่เสียงขลุ่ยและเปียโนดูเหมือนรอยยิ้มที่มีความหวัง
จอแสดงผลแบ่งออกเป็นสองส่วน ด้านบนปรากฏภาพที่ซู่เฮา ร้องขอ ออกคำสั่ง ในอีกด้านหนึ่งก็เป็นสถานการณ์ประจำวันของการฝึกของซู่เฮาที่ร่วมกับสุนัข
การพลิกผันของเพลงด้วยโน้ตจากเครื่องดนตรีทองเหลืองและเปียโนที่สอดประสาน
มันคล้ายกับต้นกล้าที่พยายามจะโผล่ออกมาจากพื้นโลกและผ่านความยากลำบากอย่างมากมาย
เพื่อที่จะเติบโตขึ้นเป็นต้นไม้สูงที่สามารถต้านทานพายุลมที่รุนแรง
แม้ว่าการแข่งขันในภายหลังจะไม่ต้องการให้ซู่เฮาก้าวเข้ามาอีกต่อไป
แต่ทุกคนก็รู้ในขณะนั้นว่าเขาไม่ได้ยืนอยู่ที่นั่นเพื่อเป็นของตกแต่ง
โน้ตเสียงประสานของเครื่องดนตรีทองเหลืองนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมันมาถึงช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม!
"ฟาร์มตงชานได้รับชัยชนะอีกอีกครั้งและได้รับสิบคะแนนด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมีคุณสมบัติในการเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของภูมิภาคตะวันออก
ขอแสดงความยินดีกับฟาร์มตงชาน!" เสียงของผู้วิจารณ์ดังออกมาจากหน้าจอ
ซู่เฮาซึ่งดูเหมือนพนักงานฟาร์มธรรมดาในตอนนี้รีบวิ่งลงมาจากจุดที่เขาอยู่บนแท่นผู้สอนและกอดสุนัขต้อนแกะทั้งเจ็ดตัว
ท่ามกลางอารมณ์ บรรยากาศที่ดูเหมือนกับ เสียงหัวเราะที่ไร้กังวลที่ลอยมาจากบริเวณนั้น
ตอนนี้เมื่อสิ้นสุดการแข่งขันหน้าจอก็แสดงตำแหน่งของตงชาน
ซู่เฮาลุกขึ้นยืนจากหญ้าโดยไม่ได้ปัดเศษหญ้าขนแกะและขนสุนัข
เงยหน้าขึ้นมองที่หน้าจอแล้วเอากำปั้นมาวางที่อกของเขา
หัวใจของเขาสั่นคลอนอย่างมากจากความสุขทั้งหมดดวงตาของเขาส่องแสงเป็นประกายที่เต็มไปด้วยน้ำตา
นั่นคือความปีติยินดีแห่งชัยชนะและรางวัลที่หัวใจของเขาได้รับ
ท่ามกลางเสียงเพลงที่ร่าเริง เสียงโน้ตแต่ละอันแข็งแกร่ง แต่ไม่ได้หยิ่ง
เพลงไม่ได้ดูมีอำนาจหรือโรแมนติก แต่มันกลับดูสนิทสนมกัน แต่ไม่ยอมแพ้ -
คล้ายกับความเชื่อมั่นที่ว่าชาวมูโจวยึดถือ ในการครอบครองบ้านเกิดและการแข่งขันครั้งนี้
ในการจัดแสดงป้าย "ฟาร์มตงชาน"
ที่เพิ่งสร้างใหม่ได้ถูกติดตั้งบนพื้นหญ้า
ช่องว่างที่กระจัดกระจายและว่างเปล่าครั้งเดียวถูกแบ่งออกและยอดของพืชใหม่ก็เติบโตในทุ่งนา
ท่ามกลางสายฝนที่ตกปรอยๆ เช่นการปลดปล่อยชีวิตใหม่ให้กับฟาร์ม
เมื่อกลับมาที่ฟาร์มตงชาน ซู่เฮากำลังยืนอยู่กลางทุ่งทั้งสอง
เขาวิ่งออกไปท่ามกลางสายลมแล้วก็หยุด หันกลับไปในทิศทางของถนนที่เต็มไปด้วยโคลน
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยโคลนของเขา
[ฉันอาจร้องไห้ด้วยน้ำตาอันขมขื่นหลังจากประสบปัญหา
แต่เมื่อฉันก้าวต่อไป ฉันก็รู้ว่าฉันมาไกลแค่ไหน โดยการกัดฟันและก้าวไปข้างหน้า]
เปียโนบรรเลงออกมา พร้อมกับเครื่องดนตรีไม้
เครื่องดนตรีทองเหลืองและเครื่องสาย
เพลงบรรเลงที่สอดประสานราวกับการเข้าร่วมการต่อสู้
ขณะที่วงออเคสตราทั้งหมดมาบรรเลงในบทส่งท้าย การผสมผสานอันงดงามของเสียงที่นำมาซึ่งกลิ่นอายแห่งชัยชนะและความภาคภูมิใจ
ในขณะที่ความอบอุ่นท่วมท้นร่างกายและยกจิตวิญญาณให้สูงขึ้น
ราวกับนกอินทรีตัวน้อยกางปีกออกมาเพื่อรอให้สายลมพัดขึ้น
ก่อนที่จะบินออกไปเพื่อค้นหาความงามแบบใหม่
พลางมองไปข้างหน้าด้วยหัวใจที่ชัดเจนและไม่กลัวอนาคต นี่คือจิตวิญญาณของเด็กหนุ่ม
จุดสิ้นสุดของวิดีโอคือรูปถ่ายของกลุ่ม ซู่เฮา
สุนัขเลี้ยงแกะทั้งเจ็ดอยู่แถวหน้าและมีสองคนยืนอยู่ด้านหลัง หนึ่งคือ หวู่อี้
และอีกคนคือฝางจ้าว
เครดิตสิ้นสุด:
วิดีโอโดย: หวู่อี้ ซู่เฮา ฝางจ้าว
แก้ไขโดย: ฝางจ้าว ซู่เฮา
บทเพลง: "ไล่ล่าสายลม"
ประพันธ์โดย: ฝางจ้าว
อย่างไรก็ตามมีเพียงไม่กี่คนที่ให้ความสนใจกับเครดิตท้าย
ผู้คนจำนวนมากกำลังคิดถึงซู่เฮาที่ปรากฎในวิดีโอ ภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์สั้น ๆ
นี้ทำให้คนมองซู่เฮาในแง่ที่แตกต่าง
หลังจากวิดีโอสิ้นสุดลงผู้วิจารณ์เงียบไปเกือบห้าวินาทีก่อนที่เขาจะทำให้อารมณ์เบิกบานด้วยเรื่องตลก
“คุณรู้ไหม คนประเภทไหน ที่ฉันไม่ชอบมากที่สุด?”
แขกผู้มีเกียรติที่ได้รับเชิญนั่งอยู่ข้าง ๆ ผู้วิจารณ์ถามว่า “ประเภทไหน?”
ผู้วิจารณ์ตอบว่า "คนที่เกิดมาในสิ่งแวดล้อมที่ดี แต่ก็ยังทำงานหนักเป็นพิเศษ"
แขกผู้มีเกียรติหัวเราะ “มันช่วยไม่ได้ เราไม่อาจเห็นได้
แต่ซู่เฮาพยายามอย่างมากเขาเป็นแบบอย่างที่ดีจริงๆ”
ผู้ที่คุ้นเคยกับซู่เฮานั้นสับสน
ฮะ?!
แบบอย่าง?!
ซู่เฮา ที่ทำอะไรก็ชักช้าใช่ไหม!?
แน่นอนว่าคนที่ดูการถ่ายทอดสดทางออนไลน์คิดต่างไปจากเดิม
"ฉันถ่ายภาพหน้าจอของภาพถ่ายสุดท้ายที่ส่วนท้ายของวิดีโอ
ทุกคนลองดูคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง เขาดูคุ้นเคย ว่าไหม?"
"คุณไม่ได้ให้ความสนใจในการรับชม
มันถูกกล่าวถึงอย่างชัดเจนว่าบุคคลนั้นคือ หวู่อี้ เจ้าของฟาร์ม ชานมู"
"โง่จริง นั่นเห็นได้ชัดว่าฉันรู้ว่านั่นคือ หวู่อี้
ฉันกำลังพูดถึงอีกคนที่อยู่ข้างเขา!"
"เขาคือใคร? ฉันไม่คิดว่าเขาจะปรากฏในวิดีโอประชาสัมพันธ์"
มีคนที่จำเขาได้อย่างรวดเร็วทันที
"อะไรนะ เขา คือ f * ck ฝางจ้าว!"
เป็นปลื้มจริงๆเจ้าอ้วนน้อยเอ๊ย! เก่งมากเก่งมากๆ!
ตอบลบสุดท้ายคือขำ พี่อยู่แทบทุกวงการจริงๆ😆