หลังจากสิ้นสุดคำพูดของเฉินเฟิง
สมาชิกทุกคนของตระกูลเฉินต่างมองหน้ากันด้วยความตกใจ ยกเว้นเฉินหลิง
ผู้ซึ่งมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ คนอื่น ๆ
ย่อมไม่ทราบถึงสิ่งเหล่านี้
พวกเขารู้แต่เพียงว่ามีสัตว์ประหลาดที่ถูกขังอยู่ในสถานกักขังสัตว์เวท มันต้องเป็นที่รู้กันดีว่านับตั้งแต่ที่มีการนำสัตว์เวทกลับเข้ามาในคฤหาสน์
เฉินเฟิงได้ออกคำสั่งที่เข้มงวดว่าไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายในโดยไม่ได้รับอนุญาตใด
ๆ
ทุกคนก็อยากรู้อยากเห็น
แต่เมื่อชั่งน้ำหนักในคำพูดของเฉินเฟิง สมาชิกภายในครอบครัวตระกูลหงส์ไฟ และผู้ใดจะมีความกล้าที่จะละเมิดคำพูดของเขา?
แม้ว่าเฉินเจียอี้และเฉินเจียเว่ยจะเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ต่อสัตว์เวทเหล่านี้
พวกเขาก็สามารถกล้าที่จะทำให้เกิดความสับสนอลหม่านโดยการส่งเฉินหยานเซียว
ให้ลอบเข้าไป แต่ตัวพวกเขาเองก็ไม่กล้าที่จะก้าวเข้าสู่ภายในนั้นแม้แต่ก้าวเดียว
อย่างไรก็ตาม
สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดก็คือ ในวันนั้นเมื่อ
เฉินหยานเซียวได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่คุ้มกันของจักรวรรดิแล้ว
เธอก็มีรอยแผลเป็นและเลือดปกคลุมทั่วร่างกาย ราวกับว่าเธอถูกแช่ด้วยเลือด
ถ้าไม่ใช่เห็นว่าท้องของเธอขยับเคลื่อนไหว ทุกคนก็อาจจะคิดว่าเธอได้เสียชีวิตไปแล้ว
เช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในสถานกักขังสัตว์เวทและสัตว์เวทเหล่านั้น
นอกจากเฉินเฟิงและเฉินหลิง คนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถเข้าถึงได้
วันนี้เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงกำลังกล่าวถึงสัตว์เวท
ทุกคนก็ไม่กล้าพูดคำใด ๆ ออกมาแม้แต่คำเดียว
เฉินเฟิงส่งเสียงขึ้นจมูก
ในขณะที่เขากล่าวว่า "ข้าไม่เคยคิดว่า
นับตั้งแต่หลายร้อยปีของตระกูลหงส์ไฟของข้า
มันเป็นที่คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีใครสามารถปลุกหงส์ไฟให้ตื่นขึ้นมาได้อีกครั้ง
มันเป็นเรื่องการไร้ความสามารถที่ทำให้ผู้คนรอบนอกเยาะเย้ยพวกเรา.."
คำพูดของ
เฉินเฟิง ทำให้ทุกคนตกใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเหตุผลที่ว่า
ทำไมครอบครัวตระกูลหงส์ไฟจึงสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่มีชื่อเสียง
และยากที่สามารถเข้าถึงได้ในจักรวรรดิหลงซวน
เนื่องจากช่วงเวลาแห่งการก่อตั้งจักรวรรดิหลงซวน บรรพบุรุษของครอบครัวตระกูลหงส์ไฟ
ได้รับหงส์ไฟที่สืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ด้วยความร่วมมือของหงส์ไฟ
หัวหน้าตระกูลหงส์ไฟได้ช่วยองค์จักพรรดิ
โดยการสร้างคุณประโยชน์มหาศาลในการช่วงทำศึกสงครามเพื่อก่อตั้งอาณาจักร
ท่ามกลางสัตว์เวทจำนวนมาก
หงส์ไฟสามารถกำหราบและทำให้เหล่าสัตว์เวทมากมายต่างนอบน้อม เพียงแค่การกรีดร้องก็เพียงพอที่จะเขย่าสัตว์นกเวททุกชนิด
พวกเขาสามารถคาดเดาได้บางอย่างจากข่าวลือถึงความน่ากลัวของหงส์ไฟ
มันอาจแตกต่างกันอย่างมากจากความแข็งแกร่งของสัตว์เวททั่ว ๆ ไป
ด้วยการใช้ความแข็งแกร่งของหงส์ไฟก่อตั้งตระกูลหงส์ไฟขึ้น อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านมาสองร้อยปีของยุคทอง
มันนิ่งสงบมาเกือบร้อยปี
จากรุ่นสู่รุ่นของตระกูลหงส์ไฟมันเป็นที่คาดไม่ถึงว่าไม่มีใครสามารถที่จะปลุกหงส์ไฟที่จำศีลอยู่ให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
โดยไม่จำเป็นต้องพูดถึงการทำพันธะสัญญากับหงส์ไฟ
เรื่องนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นความเศร้าโศกอย่างมากสำหรับตระกูลหงส์ไฟ
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ทุกคนคงทราบอยู่แล้วว่าการคงอยู่หงส์ไฟนี้เปรียบเสมือนกับการมีตระกูลหงส์ไฟ
มันอาจจะนำครอบครัวตระกูลหงส์ไฟ กลับไปสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง!
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกรุ่นของตระกูลหงส์ไฟ
ต่างเฝ้าปรารถนาในความฝันของพวกเขา อย่างไรก็ตามในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
โดยไม่มีความจำเป็นต้องพูดเกี่ยวกับการทำพันธะสัญญากับหงส์ไฟ
เนื่องจากไม่มีแม้กระทั่งผู้ที่มีความสามารถในการปลุกหสง์ไฟซึ่งนอนอยู่เฉยๆที่หุบเขาลาวาให้ตื่นขึ้นมาได้
'หัวหน้าตระกูล มันไม่ใช่แค่ตระกูลหงส์ไฟเท่านั้น แม้แต่ตระกูลมังกรไม้
ตระกูลเสือลม ตระกูลเต่าน้ำ และตระกูลมังกรดิน
ก็ไม่มีใครสามารถปลุกสัตว์ตำนานของพวกเขามาได้นับร้อย ๆ ปีที่ผ่านมา ..."
เฉินจิงลูกชายคนที่สามของเฉินเฟิงพึมพำเสียงต่ำออกมา
หมายเหตุ:
หงส์แดง
จูเชวี่ย (หงส์ไฟ) เทพอสูรแห่งทิศใต้
เสือขาว
ไป๋หู่ (เสือลม) เทพอสูรแห่งทิศตะวันตก
เต่าดำ
เสวียนอู่ (เต่าน้ำ) เทพอสูรแห่งทิศเหนือ
มังกรฟ้า
ชิงหลง (มังกรไม้) เทพอสูรแห่งทิศตะวันออก
มังกรทอง
หวงหลง (มังกรดิน) เทพอสูรกึ่งกลาง
สิ่งที่เฉินจิงกล่าวออกมาเป็นความจริง
เมื่อก่อตั้งจักรวรรดิหลงซวน ตระกูลเหล่านั้นต่างได้รับพรและการสนับสนุนอย่างดีจากเทพอสูรโบราณทั้งห้า
จนประสบกับความสำเร็จในการก่อตั้งจักรวรรดิ แม้กระนั้นในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา
มันเหมือนกับว่าเทพอสูรทั้งห้าต่างได้นัดหมายในการจำศีลพร้อมกัน
และไม่มีใครสามารถปลุกพวกมันตื่นขึ้น การจำศีลของเทพอสูรโบราณทั้งห้าได้สร้างความวิตกกังวลให้กับตระกูลใหญ่ทั้งห้า
เฉินเฟิงยิ้มเยาะขณะที่เขากวาดตาไปที่เฉินจิง
ในบรรดาลูกชายทั้งหกคนของเขา
เฉินจิงอาจกล่าวได้ว่ามีความคืบหน้าน้อยที่สุดในหมู่พวกพี่น้องทั้งหก
นอกจากเวลาที่ใช้ไปในการดื่มและการหาความสุขตลอดทั้งวัน เขามักจะไปมั่วสุมกับลูก ๆ
ของพวกขุนนาง ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาใส่ใจในความสัมพันธ์ทางสายเลือด
เฉินเฟิงก็อยากจะตัดสัมพันธ์กับลูกชายคนนี้ของเขาและโยนเฉินจิงออกไปจากตระกูล
ปล่อยให้เขาไปใช้ชีวิตด้วยตัวของเขาเอง
ขอบคุณครับ
ตอบลบ